วันที่ ๒๕ ส.ค. ๕๑ เราประชุมโครงการจัดการความรู้ของเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น ๔ ภาค ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ โครงการนี้มีกำหนด ๓ ปี ดำเนินการโดย สรส. ที่มีคุณทรงพล เจตนาวณิชย์ เป็นผู้อำนวยการ การประชุมเป็นการนำเสนอผลงาน ๒ เดือน ในลักษณะของการนำเสนอทุนเดิมเกี่ยวกับกิจกรรมดีๆ ของเยาวชนในท้องถิ่นที่ทีมจัดการความรู้มีอยู่แล้ว เพราะทีมนี้ทำงานสนับสนุนการจัดการความรู้ หรือการเรียนรู้ในพื้นที่มานานหลายปี
วันนี้ถือเป็นวันแห่งความสุขของผม เพราะผมได้เห็นความก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่งของการทำงานของนักพัฒนาในพื้นที่ ในการใช้ KM ในการทำงาน ซึ่งผมเคยเขียนเล่าความในใจไว้เมื่อ ๒ ปีที่แล้วที่นี่ และ 2, 3
ผมรู้สึกทั้งหดหู่ ที่เด็กและเยาวชนของเราถูกสังคมทุนนิยมวัตถุนิยมรังแกเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกดีใจที่ทีม สรส. ทั้งภาคใต้ (คุณปาน – สมโภชน์ นาคกล่อม), ภาคอีสาน (คุณอ้อย – วราภรณ์ หลวงมณี), ภาคเหนือ (คุณกุ้ง – สหัทยา วิเศษ) และหัวหน้าโครงการ (คุณทรงพล เจตนาวณิชย์) รวบรวมทุนสังคมสำหรับทำงานพัฒนาเยาวชนในพื้นที่มาได้มากมาย ในลักษณะของ mapping กลุ่มเยาวชนที่กำลังดิ้นรนทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ และการอยู่รอดของตัวเอง ผมมองว่ากิจกรรมเหล่านี้แหละ ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ตามความหมายที่ในหลวงรับสั่งในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
ในที่ประชุม เราย้ำกันว่า เป้าหมายที่แท้จริงของโครงการนี้ คือการขับเคลื่อน ชุมชน และพื้นที่ให้เอาใจใส่เยาวชนของตน โดยการใส่ทรัพยากรเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการพัฒนาเยาวชน เวลานี้ อปท. มีงบประมาณมาก อปท. ควรตั้งงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาเยาวชน คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเข้ามาเป็นเจ้าของโครงการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ เป้าหมายของโครงการจัดการความรู้ของเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น ๔ ภาค ที่มูลนิธิสยามกัมมาจลสนับสนุน คือการเชื่อมโยงให้ อปท. และประชาสังคมในท้องถิ่น เข้ามาเป็นเจ้าของเยาวชน และเป็นเจ้าของกิจกรรมพัฒนาเยาวชนของตน
เป้าหมายของโครงการนี้อยู่ที่ความยั่งยืนของกิจกรรมพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ มูลนิธิสยามกัมมาจลไม่ต้องการผลงานพัฒนาเยาวชนโดยตรง แต่ต้องการผลงานเชื่อมโยงให้เกิดการเห็นคุณค่าของการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ และ อปท. มีทักษะในการสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาเยาวชน
มองในมุมหนึ่ง เป้าหมายคือการพัฒนานโยบายสาธารณะเรื่องเด็กและเยาวชน ให้ อปท. ถือว่าตนมีหน้าที่ดูแลการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ และนักการเมืองท้องถิ่นหาเสียงด้วยนโยบายพัฒนาเยาวชน
ที่จริงมีหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนมากมาย และผมมีข้อสังเกตว่า หลายหน่วยงานต้องการผลงานระยะสั้น เพื่อให้ตัวบุคคลหรือหน่วยงานได้ผลงาน สนับสนุนช่วงสั้นๆ เมื่อถือว่าได้ผลงานแล้วก็เลิก ผมคิดว่าพฤติกรรมเช่นนี้ก่อผลเสียต่อบ้านเมืองมากกว่าผลดี เพราะสร้างวัฒนธรรมผิวเผิน ทำงานเอาหน้าเอาผลงาน ไม่คิดถึงผลกระทบระยะยาวและยั่งยืน ผมแนะนำมูลนิธิสยามกัมมาจลไม่ให้ตกหลุมดำนี้
จากผลงาน mapping กลุ่มเยาวชนทำกิจกรรมเรียนรู้ ผมเสนอแนะคุณเปา ผจก. มูลนิธิฯ ว่าน่าจะทำ mapping ลง แผนที่ GPS ให้คนเข้าไปค้นได้ทางอินเทอร์เน็ต โดยคลิกที่แผนที่ เพื่อส่งเสริม networking ระหว่างเยาวชน
วิจารณ์ พานิช
๒๖ ส.ค. ๕๑
บรรยากาศในที่ประชุม
|
อีกมุมหนึ่งของห้องประชุม
|
ไม่มีความเห็น