@_@.แนวทางการปฏิบัติธรรม ตอนที่๗.@_@


 

 

                                 การปฏิบัติธรรมเกี่ยวโยงกับสังคม

    ในทุกๆสังคมในโลกนี้เกิดเกิดความวุ่นวายขัดข้อง ขลาดกลัว หวาดผวา ทุกข์ทนเข็ญใจ ไร้เสรีประชาธิปไตยเป็นส่วนมาก คนทุกข์และทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ กินไม่อิ่ม ไม่พอ มีมากในโลก คนทุกข์ที่มีกำลังกาย กำลังใจ ปากกัดตีนถีบ ต่อสู้เพื่อชีวิตและลูกหลาน ครอบครัวและเจียดไปให้สังคมมีมาก คนทุกข์ด้วยโรคภัยต่างๆและขอทานมีน้อยแต่คนขอทานแบบมี แล้วขอบ่อยๆมีมาก
    คนอีกส่วนหนึ่งจำนวนน้อยมีบุญเก่า วาสนาบารมีเก่า มีความรู้ มีความสามารถ มีอำนาจมาก กำลังทำอะไรอยู่ ยากที่จะรู้ตัว หรือรู้ตัวแต่ไม่รู้ใจตัวและคนอื่น

    คนอีกพวกหนึ่งมีเงินมีทองหมื่นล้านแสนล้าน เขาจะไม่รู้สึกอะไรกับสังคม มีแต่กอบโกยส่วนเดียว ไม่ต้องทำบุญ ไม่ต้องพึ่งศาสนา ไม่ต้องพึ่งใครๆเขาไม่ทำบุญและไม่คิดทำบุญ เขาก็ไม่จน พระพุทธเจ้าตรัสว่าเวลาตายแล้วก็ตกนรก

                    

    อีกพวกหนึ่งถ้าทำบุญก็หวังเอาหน้าเอาตาและหวังผลกำไรในชาตินี้ โดยไม่คำนึงถึงใครๆทั้งสิ้น มีทิฏฐิผสมโทสะ โมหะ แง่เดียว ขาดสติปัญญา ไม่มีมนุษยธรรม  ถืออำนาจเงินเป็นใหญ่ไม่มีปัญญาโลกุตตระอันสุขุม มีแต่ปัญญาโลกีย์เหลือกินเหลือใช้ ถ้าหากจะพิจารณาการนับถือศาสนาในสังคมปัจจุบันก็จะได้ข้อคิดดังนี้

 คนไทยที่ถือศาสนาพุทธตามทะเบียนบ้านที่ว่า เชื้อชาตไทย สัญชาติไทย ถือศาสนาพุทธ พวกนี้มีถึง ๙๗% อีก๓%  ก็ถือศาสนาคริสต์ อิสลามและพราหมณ์ที่นับถือพุทธกับพราหมณ์ผสมกันนี้ก็มีถึง ๙๕%

  สรุปตรงนี้ คนไทยถือศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ คลุกเคล้ากันไปหมด และยังมีสรณะหรือลัทธิที่คนถือมากเหมือนอินเดียครั้งสมัยก่อนพุทธกาล  ถือลัทธิเป็นร้อยๆลัทธิ ไทยยังถือลัทธิแฝงศาสนาเช่น ปลุกเสกเป่าเครื่องรางของขลังต่างๆถือหลวงพ่อดังๆหลวงพ่อก็หลงว่าตัววิเศษ และหล่อเหรียญ ส่องเนื้อเหรียญ ถือเคราะห์ โชคชะตาแบบไสยศาสตร์ตลอดถึงผีสาง เทวดา อินทร์ พรหม อิศวร นารายณ์   ดูหมอ ดูโชค ตั้งศาลพระภูมิ ฯลฯ ถือพวกเหล่านี้ก็เพราะศรัทธาเชื่ออย่างนี้ แต่ดับทุกข์ไม่ได้นานเพราะไหว้วานเอา ไม่ได้ลดละกิเลสแม้แต่น้อย คนถือศาสนาแบบขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงช่วยบันดาลมีมากบางคนก็ทำปลัดขิกจำหน่าย สมัยพุทธกาลเรียกปลัดขิกว่า ศิวลึงค์(คืออวัยวะของเพศผู้ชายนั่นเอง) หรือ รดน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก โดยที่ไม่สนใจเรื่องกรรม(การกระทำ) กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

     


"คน"ซึ่งเป็นต้นเค้าความดีงามทั้งหลายในโลก แต่หากติดอยู่ในอุปาทาน(ความยึดมั่นในสิ่งไม่พาพ้นทุกข์)ไสยศาสตร์(ศาสตร์ของความหลับ)มาก ถ้าคนไหลไปตามกระแสความอยาก(ตัณหา)ไปสู่วัตถุนิยมต่างๆมากขึ้นๆ พุทธศาสน์จะอยู่ได้อย่างไร มองในแง่วิทยาศาสตร์โลกเจริญมาก มองในแง่สัจจธรรม โลกทุกวันนี้เสื่อมมากขึ้นๆทั้งคนทั้งวัตถุทุกสิ่งทุกอย่าง ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ภูเขากำลังฉิบหายยิ่งขึ้น ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้ากล้าไร่นา นับวันจะฉิบหายไปเรื่อยๆเพราะน้ำมือของคนหัวดี คนทุกวันนี้หัวดี หัวสูง หัวใส ฉลาดปรุงแต่งเครื่องจักรกลต่างๆขึ้นมา วัตถุเจริญมากคนก็จะกลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ (โมหะ)

วิเคราะห์อีกแง่หนึ่ง สำหรับพระภิกษุ สามเณร ในทำเนียบสงฆ์ในเมืองไทยมีสามแสนกว่ารูป ในหน้าเทศกาลเข้าพรรษา มีพระบวชแก้บนประมาณสี่แสนกว่ารูป สำหรับพระที่ถือพุทธจริงๆคือมีมรรคมีผล มีเพียง๒%ทีถือพุทธผสมพราหมณ์มีถึง๙๕%ถ้าหากว่าพระสงฆ์ช่วยกันสอนให้ถูกต้องตรงเป้าหมายเดียวกันคือ สอนให้ละกิเลส แล้วประกอบแต่พุทธพิธีที่เป็นสัมมาทิฏฐิอย่างเดียวกันหรือช่วยกันสอน ศีล -สมาธิ -ปัญญา ที่เป็นอาริยมรรคมีองค์ ๘ สัจจะจะอยู่ได้ไม่เสื่อมขนาดเท่าที่เป็นอยู่นี้เลย

พระดี คือ สุปฏิปันโน ปฏิบัติดี ,อุชุปฏิบันโน ปฏิบัติตรง, ญายะปฏิบันโน ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์,สามีจิปฏิปันโน ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม.พระปริยัติ(เอาแต่เรียนรู้)ตามสมัยมี ๙๕% พระปฏิบัติละกิเลสมี ๒%


ศาสนามีวงจรที่จะศึกษาให้ถูกหลักทฤษฎีของพระพุทธเจ้าจริงๆคือ สิกขา ๓ ได้แก่ศีลสมาธิและปัญญา เรียกครบสูตรก็คือ โพธิปักขิยธรรม๓๗นี้เอง อยู่ในตัวทุกคนครบทุกสูตร คือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ถ้าเรียนปริยัติ ไม่ปฏิบัติก็เหมือนคนขาเดียว ถ้าปฏิบัติก็มีสองขา ปฏิเวธมีครบอาการ ๓๒ และโดยอุปไมย ทุกวันนี้มุ่งเรียนปริยัติ เพื่อสอบเทียบมากกว่า ศาสนาจึงเสื่อม

สมัยพุทธกาลไม่มีการสื่อสาร อุปกรณ์การสอนการเรียนไม่มากแต่เอาจริง ในตัวคนมีปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ครบอาการ ๓๒ สมัยนี้เรียนศึกษาแปลกๆใหม่ๆตามวัตถุวิทยาศาสตร์มาก จนลืมตัว ลืมพุทธศาสนาแท้ๆ มีพระไตรปิฎกเต็มตู้ทุกวัด แต่ไม่ได้ศึกษาเพื่อปฏิบัติ ศึกษาเพื่อเปรียบเทียบเท่านั้น

ศาสนาเจริญขึ้นเมื่อพระพุทธโฆษาจารย์ไปแปลคัมภีร์พุทธศาสนาจากลังกา ไทยก็มีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงจัดรูประบบปริยัติที่ค้นคว้าจากพระไตรปิฎก มาเป็นระบบนักธรรมตรี โท เอก เปรียญ ๓ถึง๙ จนเป็น๑ ถึง๙ตามสมัย


พุทธศาสนาไม่มีสมัย มีสมัยเดียวคือยืนเป็นหลักไม่มีตามใคร ตามแต่แบ่งตามส่วนทุกวันนี้ตามหมดทั้งดุ้น จนไม่เชื่อมรรคผลแล้วทุกวันนี้การศึกษาก็เจริญ มีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นต้น แต่พระสงฆ์กลับหย่อนยานทางวินัยมากฯลฯเรียกว่าคดีธรรม ลดลงมานั่งอาสนะกับโลก ในที่สุดคดีโลกเลยออกหน้าพระหนุ่มเณรน้อยส่วนมากจึงมุ่งศึกษาฝ่ายธรรมผสมฝ่ายโลก ก็เพื่อออกไปประกอบอาชีพเท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่ ผู้มีบุญคุณก็เป็นที่โปรดปราณ ได้รับฐานะเป็นเจ้าหมู่ เช่น เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด เจ้าพระคุณสมเด็จขึ้นไปตามฐานะ แต่เป็นส่วนดีส่วนปริยัติเท่านั้น ยังไม่เหนือโลกอบาย กามคุณ๕ โลกธรรม ๘ โลกอัตตา อย่างมากก็มาติดอยู่ในโลกอัตตา ยังมีคำหนึ่งหลุดออกจากปากใครว่า มรรคผลนิพพานไม่มีแล้วสมัยนี้อย่าไปปฏิบัติให้มันลำบากเลย

สมัยนี้เจริญมาก อยากกินอยากใช้อะไรๆ ไม่ต้องอดไม่ต้องกลัวใครสอนหรือเรียนแค่ปริยัติ เอาแต่หน้าที่การงาน ท่องเจ็ดตำนาน สิบสองตำนานจบ ก็สวดกันไม่หมดแล้ว มรรคผลนิพพานต้องเอาชาติหน้า จึงไม่ค่อยมีคนกล้าปฏิบัติละกิเลสกัน เพราะผู้นำอ่อน ผู้ตามก็อ่อนตามไป

แต่พอมีผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเกิดขึ้น ก็ค้านแย้งหาทางทับถมไม่ส่งเสริม นี้คือความฉิบหายของศาสนา ผู้มีอำนาจสูงไม่ปล่อยให้คนจริงแสดงความจริงออกมาสู่ประชาชน อุปาทานของคนจะหนักขึ้นๆคนจริงแสดงอะไรไม่ได้ นี้คือความกดดันอันเร้นลับ กลับกลอก หลอกหลอน มรรคผลก็เกิดไม่ได้(บาปมากโดยไม่รู้ตัว)


ขอพักไว้แค่นี้ก่อนไว้ต่อในโอกาสต่อไปให้เจริญในธรรมทุกๆคนเทอญ.



หมายเลขบันทึก: 202781เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2008 00:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

นมัสการพระคุณเจ้า...

แวะมาทักทาย ...เจ้าคะ

ศีล และ ธรรม คือ สาระของชีวิตมนูษย์

สาธุคะ

P

ธรรมสวัสดีนะโยมเอื้องแสงดาว

ขอให้มีความสุขความเจริญ.

อนุโมทนาสาธุ

บุญรักษา.

เอื้องแสงเดือน เจ้าคะ....555555

สาธุ

P

  • ธรรมสวัสดีนะโยมเอื้องแสงเดือน
  • พอเห็นชื่อกับ สัญญลักษณ์ของอารมณ์ดี
  • อาตมาแปลกใจ อ้าว โยม ดร.ขำอะไร
  • พอดูดีๆ เขียนชื่อโยมผิด 
  • เปลี่ยนให้แล้ว อนุโมทนาสาธุโยม กับ ดร.เอื้องแสงเดือนด้วย
  • ที่เข้ามาอ่านบันทึกธรรมะ
  • บุญรักษา..

กราบนมัสการ หลวงน้าค่ะ

หลานแวะมาฟังธรรมยามดึกเลยแหละเจ้าค่ะ อิอิ หลวงน้าสบายดีนะเจ้าค่ะ หลานแวะมาเยี่ยมเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ---->น้องจิ ^_^

P

  • ธรรมสวัสดีนะหลานจิ
  • อนุโมทนาสาธุกับหลานด้วยที่แวะมาเยี่ยม
  • บุญรักษา..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท