เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือ สเต็มเซลล์ คือเซลล์ตัวอ่อนของโลหิตโดยจะเจริญเติบโตไปเป็นเม็ดโลหิตแดง เม็ดโลหิตขาว และเกล็ดโลหิต ซึ่งนอกจากจะเจริญเติบโตเป็นเม็ดโลหิตหลายชนิดแล้ว สเต็มเซลล์ยังสามารถให้กำเนิดตัวเองได้ตลอดเวลา ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว ทำให้สเต็มเซลล์ไม่มีวันหมดไปจากร่างกาย เราจึงสามารถบริจากสเต็มเซลล์ให้กับผู้ป่วยโดยที่สเต็มเซลล์ของผู้บริจาคสามารถสร้างขึ้นทดแทนได้อย่างรวดเร็ว
สภากาชาดไทย นำร่องตั้งธนาคารสเต็มเซลล์ เปิดรับสมัครผู้สนใจ 1 ก.พ.นี้ ตั้งเป้า 5 ปีคือ ตั้งแต่ปี 2551-2555 ได้อาสาสมัคร 1 แสนคน เดินหน้างานด้านสเต็มเซลล์อย่างเต็มรูปแบบ
แพทยสภาได้มอบหมายให้สภากาชาดทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับลงทะเบียนอาสาสมัครบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือสเต็มเซลล์ จากผู้บริจาคโลหิต และตรวจหาชนิดเนื้อเยื่อ (HLA typing) ของผู้บริจาคและผู้ป่วยโรคทางโลหิตที่รอรับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคีเมีย โรคไขกระดูกฝ่อชนิดรุนแรง เป็นต้น
โครงการจัดตั้งธนาคารเซลล์ต้นกำเนิด เปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาคสเต็มเซลล์ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ เป็นต้นไป ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์
อาสาสมัครต้องมีคุณสมบัติทั่วไป คือ
- มีอายุระหว่าง 18-55 ปี
- น้ำหนัก 48 กิโลกรัมขึ้นไป (ถ้าไม่ถึงก็แล้วแต่เจ้าหน้าที่พิจารณา)
- มีสุขภาพรางกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว หรือโรคติดต่อใดๆ ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง
โดยจะมีการเก็บตัวอย่างโลหิตจากอาสาสมัครในปริมาณ 18 มิลลิลิตร (ซีซี) เพื่อนำไปตรวจหาความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อระหว่างผู้บริจาคของผู้ป่วย ซึ่งหากผลวิเคราะห์เนื้อเยื่อเข้ากันได้ ก็จะทำการติดต่อให้อาสาสมัครมาตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง หากผลออกมาเนื้อเยื่อเข้ากันได้ทั้งหมด ก็จะเข้าสู่กระบวนการบริจาคสเต็มเซลล์ โดยอาสาสมัครไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย
สำหรับการบริจาคสเต็มเซลล์ มี 2 วิธี คือ
1.บริจาคผ่านทางกระแสเลือด เนื่องจากในเลือดมีสเต็มเซลล์อยู่น้อยจึงต้องฉีดยากระตุ้น
จำนวน 4 เข็ม เข็มหนึ่งใช้เวลา 3 ชั่วโมง โดยเจาะเลือดต่อสายเข้าเครื่องคัดแยกสเต็มเซลล์เมื่อคัดแยกเสร็จก็นำเลือดกลับเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากใช้เวลานาน แพทย์จึงให้อาสาสมัครมาฉีดยากระตุ้นที่สภากาชาด วันละ 1 เข็ม เป็นเวลา 3-4 วัน จึงเสร็จกระบวนการ
2.บริจาคไขกระดูก เป็นวิธีที่ใช้เวลาน้อยมาก คือ 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยแพทย์จะวางยาสลบอาสาสมัคร เพื่อเจาะไขกระดูกผ่านทางสะโพกด้านหลัง ซึ่งวิธีนี้อาสาสมัครจะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 คืน
ในประเทศไทยมีโรงพยาบาลเพียง 4 แห่ง ที่ให้บริการด้านนี้ คือ
- โรงพยาบาลจุฬาฯ
- โรงพยาบาลรามาธิบดี
- โรงพยาบาลพระมงกุฎ
- โรงพยาบาลศิริราช
การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตเป็นการบำเพ็ญ : อุปบารมีทาน : ซึ่งเป็นทานบารมีที่เหนือกว่าการให้ทานทรัพย์สมบัติใดๆ นอกจากผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจะมีชีวิตใหม่ที่สดใสแข็งแรงแล้ว โรคทางโลหิตบางชนิดหายขาด บางชนิดก็ดีขึ้นกว่าเดิม
ผู้บริจาคก็ยังเกิดความสุขใจและอยากที่จะเป็นผู้ให้แก่ผู้เดือดร้อนต่อไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด
หัวใจสีขาวได้มีโอกาสเป็น 1 ในแสนคนแล้วค่ะ ความรู้สึกที่ได้เกิดขึ้นขณะกำลังถูกเข็มเจาะเลือดไม่ใช่ความเจ็บปวดจากการถูกเจาะแต่มันคือ ...ความสุขใจค่ะ... ที่จะเป็นโอกาสหนึ่งแก่ผู้ป่วยที่กำลังรอความหวัง
@ การให้ใดเล่า จะสุขใจเท่ากับการได้ให้ความรักและได้ให้โอกาสใหม่แห่งชีวิต @
thank you so much for your kindness
ขอบคุณแทนผู้ป่วยค่ะ
ถูกต้องคะ...
@ การให้ใดเล่า จะสุขใจเท่ากับการได้ให้ความรักและได้ให้โอกาสใหม่แห่งชีวิต @
และยินดีกับ "ชีวิตใหม่"...ของ.. ผู้ ..ป่วย..ที่รอความหวัง...
"ชีวิตใหม่"ของผู้ป่วยที่ได้รับความรักด้วยหัวใจแท้จริงย่อมเป็นนิรันดร์
การได้เป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสให้ความรักและได้ให้โอกาสใหม่ แห่งชีวิตแม้ต้องเจ็บปวดทรมานในการให้ก็ยังพร้อมที่จะอดทน
-ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับผู้ที่ได้ให้ความรักและได้ให้โอกาสใหม่แห่งชีวิตหนึ่งชีวิต ... สุขใจที่ให้ความรักแท้จริงไม่หวังได้สิ่งตอบแทน -
ขอบคุณ อ.พิริยา, พี่ขนิษฐา , สายลม กะ ทะเล สำหรับกำลังใจที่ให้และติดตามอ่านบันทึกของหัวใจสีขาวมาโดยตลอด
-ขอให้สุขภาพกายและใจแข็งแรงตลอดไปนะคะ-