http://gotoknow.org/blog/k-creation/174587?page=1
รายชื่อผู้เสวนานั้น เห็นแล้วทำให้อยากไปฟัง ประกอบด้วย
· ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ นักคิด นักเขียน นักวิจัยดีเด่นสภาวิจัยแห่งชาติ รางวัลศรีบูรพา
· อาจารย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำปี ๒๕๓๖ รางวัลซีไรท์ ปี ๒๕๒๓
· ศ.ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ผู้อำนวยการศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม (แต่ไม่ได้มาร่วมเสวนา และ ไม่มีผู้ใดมาแทนด้วย แปลกนะคะ)
· อาจารย์ ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ อดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ
· ดำเนินรายการโดย คุณ นิวัติ กองเพียร คอลัมนิสต์ชื่อดัง
ผู้เขียนอยู่ฟังได้แค่ทั้งสามท่านพูดรอบแรก เพราะต้องไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิไปงานเสวนามาตรฐานผ้าย้อมครามสกลนครที่เขียนถึงไปแล้วนั่นเองค่ะ ดังนั้นจึงขอสรุปแนวคิดที่น่าสนใจยิ่งจากปรมาจารย์ทั้งสามท่านมาเล่าสู่กันนะคะ
ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้พูด ๓ ประเด็น
v ในต่างประเทศ เช่นญี่ปุ่น ความหมายของการยกย่องให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ” คือการเป็น National Treasure หรือ สมบัติแห่งชาติ เป็นสิ่งมีคุณค่าสูง ซึ่งคำว่า Treasure นั้น หมายรวมได้ทั้งคน และ สิ่งของ มูลนิธิจักรพันธุ์ฯ น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกัน
พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ในเมืองไทยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ “ตาย”แล้ว แต่ของอาจารย์จักรพันธุ์ นั้นมีชีวิต อาจารย์จักรพันธุ์ได้ใช้วิธีเรียนรู้จากสิ่งเก่า สร้างสรรค์สิ่งใหม่-เก่า ให้งอกงามต่อไปได้ อันควรจะเป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์ทุกชนิดที่เกิดขึ้นในเมืองไทย คือสิ่งที่เก็บนั้นต้องเป็น “ฐาน” ให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ให้ของเก่ายังมีชีวิตต่อ ตอบสนองชีวิตในสังคมสมัยใหม่
ดร.นิธิ ได้เล่าถึงตัวอย่างจากญี่ปุ่นว่า ทางรัฐบาลจะเป็นผู้ส่งเสริม และให้ทุนรอนแก่ “ครู” ให้ทำงานได้ มีพลัง เพื่อสร้างศิษย์รุ่นต่อๆไปให้สืบทอดความรู้
v ประเด็นที่สองนั้น ดร.นิธิ พูดถึงเรื่อง ผังเมือง
Ø กทม. มีการกำหนดโซน(Zone)ว่าเขตไหนเป็นอะไร ทำอะไร แต่เป็นการกำหนดของรัฐ ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนด หรือ ที่ร้ายกว่าก็คือ คนที่มีเงินยังเข้าไปเปลี่ยนโซนได้ การทำZoning นักวิชาการขาดการหาความรู้เกี่ยวกับ วิถีชีวิต คนในชุมชน ไปดูแค่ แผนที่
Ø การอนุมัติสร้างอาคารสูงโดยเขตุ ไม่ดูว่าสิ่งใหม่ที่จะทำกลมกลืนกับชุมชนเดิมที่อยู่หรือไม่ การบริหารผังเมือง ชุมชน/สังคมมักไม่ได้มีส่วนร่วม
Ø คนเกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ อยู่ในสังคมเมือง การจัดการชีวิตในเมืองเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนต้องคิดว่าจะจัดการเมืองอย่างไรเพื่อคนรุ่นต่อไป เมืองใหญ่ๆในต่างจังหวัดไม่ได้เรียนรู้อะไรจากกรุงเทพเลย บทเรียนจากกรุงเทพนั้นราคาแพง แต่ความบกพร่องที่เกิดขึ้นกับกรุงเทพไม่มีใครได้เรียนรู้(ที่จะไม่ทำผิดซ้ำกัน)
v ประเด็นที่สามดร.นิธิ ชี้ถึงการกระจายอำนาจการใช้/การจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดการได้จริงๆ ปกติจะได้แต่เงินหรืองบประมาณอุดหนุนแต่ไม่มีอำนาจ เป็นเหมือน ไม่มีทางเลือกให้ทำดี เช่น อบต.ส่วนใหญ่จะสร้างแต่ถนน แต่ประชาชนไม่มีอำนาจที่จะเลือกว่าจะเอา/ไม่เอา ได้
ชุมชน ที่ หมายถึง คนที่อยู่ด้วยกันมีปฏิสัมพันธุ์กันไม่มีอีกแล้วในปัจจุบัน เราทำลาย มากกว่าสร้าง เช่น ไม่มีเรื่องของการไปโรงเรียนเดียวกัน หรือ ทำบุญวัดเดียวกันของคนในชุมชน (แต่ประเทศที่เจริญก้าวหน้ามากๆเช่น อเมริกา ฝรั่งเศส ยังมีชุมชนที่ยังคงมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน)
วิชาผังเมือง มองแต่กายภาพ ไม่ได้มองเรื่องของ สังคม
อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เล่าถึงประสบการณ์ในประเทศต่างๆที่มีการให้ความสำคัญแก่ศิลปิน เช่น
Ø ประเทศรัสเซียครั้งที่อาจารย์ได้ไปงาน“ฉลอง ๒๐๐ ปีสุนทรภู่” ที่มอสโคว์ อาจารย์ได้ไปเมืองต่างๆอีกหลายเมือง แต่ละเมืองที่ไปเห็นล้วนมีรูปปั้นศิลปินเป็นศรีสง่าของเมือง
Ø ในเมืองไทย การรักษาชุมชนเช่น ย่านถนนพระอาทิตย์ มีความพยายามทำย่านเก่าให้มีชีวิต การพัฒนาต้องทำด้วยความเข้าใจ หากไร้ความเข้าใจก็จะทำลายเสน่ห์ของชุมชน อาจารย์ชมการอนุรักษ์เมืองเก่าต่างๆทางตอนใต้ของฝรั่งเศสมาก
การจะพัฒนาจะทำอย่างไรให้คนในชุมชนเข้าใจประวัติศาสตร์ของตนเอง และ คงเสน่ห์แห่งตนไว้ได้ ผนวกกับการที่ชุมชนมีสิทธิและสามารถใช้อำนาจแห่งสิทธินั้นได้จริงๆ อาจารย์เล่าถึงครั้งหนึ่งย่านมงมาร์ต ในปารีส ซึ่งเป็นย่านศิลปิน กำลังจะจัดงานฉลอง แล้วมีบริษัทน้ำอัดลม(น้ำดำ)ข้ามชาติเข้ามาร่วมสนับสนุนติดธงทิวแต่มีตรายี่ห้อหรา คนในชุมชนซึ่งมีความรัก เข้าใจ และภูมิใจในเสน่ห์ของชุมชนตน บอกว่ารับไม่ได้ ทางบริษัทก็ต้องเอาธงออกหมด
ชุมชนคนไทยไม่มีสิ่งนี้ ไม่มีสำนึกร่วมกันจึงไม่มีพลัง
อาจารย์ทิ้งท้ายว่าหรือนี่จะเป็นธรรมดาอย่างที่มีคนเรียกว่าเป็นทุนนิยมแบบสามานย์ที่สลายความเป็นมนุษย์
อาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ อาจารย์ยอดเยี่ยมพูดในฐานะสถาปนิก และกล่าวว่า อยากจะเปลี่ยนหัวข้อเสวนาว่า “ศิลปวัฒนธรรมของชาติกำลังจะถูกทำลายด้วยสถาปัตยกรรม”
อาจารย์ยอดเยี่ยมบอกว่าไม่ได้รู้จักอาจารย์จักรพันธุ์เป็นส่วนตัวมาก่อน แต่เท่าที่ทราบถึงสิ่งที่อาจารย์จักรพันธุ์ทำนั้น มองว่าท่านเป็นทรัพยากรของแผ่นดิน เป็นศิลปินของชาติไทยในจำนวนไม่กี่คนที่ได้สร้างงานศิลปวัฒนธรรมไว้มาก ทั้งยังได้สร้างคนรุ่นต่อๆไปให้สืบทอดและสร้างสรรค์งานต่อได้อีกด้วย
อาจารย์ยอดเยี่ยมชี้ให้คนไทยคิดอย่าง อริยสัจ ๔ เพื่อหาทางออก และทราบว่าเราควรทำอะไรต่อ อย่าคิดแค่ อริยสัจ ๒ อย่างคนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ คือ มีทุกข์แล้วแก้ทุกข์เลย โดยไม่ดูเหตุที่เกิด และ แนวทางที่จะปฏิบัติเพื่อแก้ไข อาจารย์มองว่าเรื่องการสร้างคอนโดมิเนียม มาถึงในขั้นนี้เราต้องยอมรับว่านายทุนสิงคโปร์เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย มีแนวทางใหญ่ที่เกิดได้ ๓ ทางเลือก
ü การสร้างคอนโดมิเนียม เขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย หากตอนนี้เมื่อมีผู้คนต่อต้าน ผู้สร้างถอดใจไม่สร้าง อย่างไรเสียก็จะต้องมีรายใหม่เข้ามาสร้างแน่นอน
สิ่งน่าคิดคือ เขาทำถูกกฎหมาย แต่ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย
ü ฝ่ายไทยก็สามารถทำสิ่งถูกกฎหมายที่จะยื้อให้เขาสร้างไม่ได้ หรือให้ยืดเยื้อ อาจารย์พูดแบบติดตลกว่า เป็นต้นว่าใช้กฎหมายเข้าไปจัดการเขาทุกข้อ ห้ามผิดแม้แต่นิดเดียว เช่น หากหินสักก้อนตกใส่บ้าน ก็แจ้งตำรวจระงับการก่อสร้างเป็นช่วงๆ หรือ บริษัทค้าวัสดุก่อสร้างที่ส่งวัสดุให้โครงการนี้จะถูกบอยคอต แต่จะทำไปทำไม ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กลัวศิลปินจะเซ็งมากกว่า
ü ทางเลือกที่สามคือ ที่ดินผืนนี้ราคา ๑๕๐ ล้านบาท ทางคนจะมาสร้างเขาไม่รู้ว่าจะมีปัญหาเช่นนี้ ที่จริงเขาก็ไม่ได้ผิด เมื่อรู้ว่ามีปัญหา เราก็หาเงินจำนวนนี้ไปขอซื้อคืนมาเป็นพื้นที่สาธารณะไปเลย ซึ่งก็มาร่วมกันคิดว่าจะหาเงินอย่างไร จะใช้พื้นที่อย่างไร
http://www.asa.or.th/2008/index.php?q=node/96922
§ ใครคิดจะร่วมด้วยช่วยกันในการทำให้มูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต และ อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต สามารถสร้างสรรค์ จรรโลง ศิลปวัฒนธรรมของชาติอย่างมีความสุข ไปลงชื่อออนไลน์กันได้ที่ลิงค์นี้นะคะ
http://www.petitiononline.com/FoC2008/petition.html
§ ข้อมูลมูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต เชิญที่
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต พี่สบายดี และ มีกิจกรรมให้ต้องทำโน่นนิดนีหน่อยอยู่เรื่อยๆ เลยห่างๆการไปอ่านและมาเขียนมาตอบบล็อกค่ะ
เรื่องการดูแลทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมนี่เป็นเรื่องสำคัญนะคะ เพราะเป็นเรื่องที่แสดงความเป็นชาติ มีวัฒนธรรม อารยธรรม พี่ยังมีเสวนาอีกเรื่องในหัวข้อทำนองนี้น่าสนใจมาก แล้วจะรีบเขียนเมื่อมีโอกาสค่ะ
มาเยี่ยม คุณนายดอกเตอร์
สำหรับงานศิลปะของ
จักรพันธุ์ โปษยกฤต
ผมเองก็ชอบผลงานของท่าน ผู้นี้นะ ดูแล้วเนียนในเนื้องาน เหมือนงามออกมาจากใจคนทำนะนี่
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ยูมิ งานของอาจารย์จักรพันธุ์ท่านงามทุกสิ่งที่ทำเลยจริงๆค่ะ เห็นแล้วภูมิใจว่าชาติไทยของเราก็มีศิลปินระดับที่เป็นจิตวิญญาณของชาติ โชคดีที่ได้เกิดในยุคนี้ ได้ทันเห็นผลงานและพบตัวจริงของท่านค่ะ
สวัสดีค่ะพี่นุช
มาติดตามข่าวเรื่องนี้ค่ะ เลยถือโอกาสไปลงชื่อแล้วค่ะ ถูกอย่างที่พี่นุชว่า ทำอย่างไรให้อาจารย์จักรพันธุ์ ไม่เป็นทุกข์และมีความสุขในสิ่งที่สร้างสรรค์ให้ดำรงสืบต่อไป เวลาจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายลงด้วยดีนะคะ
สวัสดีค่ะคุณอุ๊ ขอบคุณที่ติดตามข่าวแถมยังไปช่วยลงชื่อด้วย ทางเมืองไทยนั้นผู้คนที่เห็นความสำคัญเรื่องนี้กำลังร่วมแรง รวมพลังกันอย่างคึกคัก (แต่ไม่สร้างความเดือดร้อนเหมือนพวกพันธมิตร บ้านเมืองเราหาความสันติสุขได้ยากในหลายปีมานี้ค่ะ)
สวัสดีครับ
ไม่ค่อยแวะมาเลย
ช่วงนี้อะไรมะรุมมะตุ้มเยอะไปหมด
หมดเรื่องยุ่งๆ คงได้ไปเที่ยวอยุธยาอีก
พี่สบายดีนะครับ
สวัสดีค่ะคุณ ธ.วั ช ชั ย ช่วงนี้พี่ก็เช่นกันค่ะ ยุ่งทั้งเรื่องของตนเองและเรื่องของคนอื่นค่ะ อิ อิ นึกว่าจะผ่านมาช่วงนี้จะได้ขอแรงมาช่วยคนถูกน้ำท่วมแถวอยุธยาบ้างเนอะ
ครั้งหน้ามาทางอยุธยาเราคงมีโอกาสได้พบกันนะคะ
ขอบคุณน้อง อ้อยควั้น และ อาจารย์ขจิตค่ะ มีเหตุให้ต้องเดินทางไปต่างแดนในช่วงติดๆกัน เลยทำให้ห่างหายไปจากบล็อกซะนาน กลับมาแล้ว เตรียมพบกับภาพสวยๆและเรื่องราวสนุกๆจากการเดินทางได้ในเร็วๆนี้ค่ะ แน่ะ อย่างกับโฆษณาหนังเลย :)
ขอติดตามเป็นสาวกของ "คุณนายดอกเตอร์"ด้วยคนนะคะ
สวัสดีค่ะคุณ ladygenius ยินดีค่ะ ไม่ต้องถึงกับเป็นสาวกหรอกค่ะ มาเป็นแฟนประจำให้คนเขียนรู้สึกดีที่มีคนตามอ่านก็ขอบคุณมากค่ะ
ยินดีด้วยนะคะที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์วิจารณ์ในการทำวิทยานิพนธ์ ได้แวะไปที่บล็อกของคุณแต่ยังไม่ได้ฝากรอยเยี่ยมไว้เลยค่ะ