เรื่องราวที่จะแต่งต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่นำมาจากบทความ ของบุรุษท่านหนึ่ง ที่กล่าวไว้ว่า มหาวิทยาลัยสมัยนี้กว่าจะเข้าเรียนได้ ต้องถึงขนาดขายกระบือ สัตว์ผู้อดทนและน่ารัก มาส่งให้ตนเองเรียน พอมาถึงกรุงเทพจริงๆกลับมาพอค่าเรียน
เชิญอ่านเพื่อความสบายใจ สบายตา ขอให้บทกลอนนี้เป็นกำลังใจให้กับ คุณสมาน ด้วยครับ
จากบ้านนอกเข้ากรุงมามุ่งมั่น
มาตามฝันฟุ้งเฟื่องในเมืองใหญ่
ตั้งปณิธานแน่วแน่ไว้แก่ใจ
จะเข้าเรียนในมหาลัยปัญญาชน
ก้าวแรกที่เหยียบย่างสู่ทางเท้า
ที่ทอดเข้าสู่ทางผ่านการฝึกฝน
เตือนให้เราอย่ามัวเผลอตัวตน
กับเล่ห์กลหลอกล่อความพอดี
กราบเท้าพ่อแม่ที่เคารพ
อีกไม่นานลูกจะจบจากที่นี่
รอหน่อยนะครับ – ไม่กีปี่
ลูกจะคว้าปริญญาตรีมาชื่นบาน
“คุณจะลงเรียนอะไรคะ...
บัญชี วิศวะฯ หรือบริหาร
นิติฯ นิเทศน์ การจัดการ
หรือวารสาร เศรษฐศาสตร์ การปกครอง”
“แต่นะคะ...วิชาที่ลงเรียน
ค่าลงทะเบียนอย่างต่ำ สามหมื่นสอง”
ได้ยินแล้วน้ำตาแทบหลั่งนอง
เงินทองตั้งมากมาย – อะไรกัน
“มีวิชาราคาถูกกว่านี้ไหม
คือว่า...ผมตั้งใจมาใฝ่ฝัน
พกติดตัวมาแค่เจ็ดแปดพัน
เงินมากมายขนาดนั้น...ไม่มีหรอกครับ”
“อะไรคุณ – แค่เจ็ดแปดพัน
เถิดคุณ, ถ้าอย่างนั้นเชิญหันกลับ
ขอโทษนะที่นี่ไม่ต้อนรับ
พวกคนไร้ทรัพย์อย่างนี้”
กราบเท้าพ่อแม่ที่เคารพ
ลูกคงจะไม่ได้จบจากที่นี่
ดูจากกิริยาท่าที
เขาคงไม่ไยดีคนอย่างเรา
“เถิดลูก...ไม่เป็นไร
มาเรียนในบ้านเราก็ได้ – ในป่าเขา
มาเรียนรู้, สู้-พัก หนัก-เบา
สุข-เศร้า เปล่า-มี ชีวัน...
ถึงปริญญาจะไม่มี...ไม่เป็นไร
อย่างน้อยมหาวิทยาลัยในป่านั่น
ไม่ต้องเสียเงินเลยสักหมื่นพัน
ลูกก็ได้ทำตามฝันของลูกแล้ว...”
ปริญญาชีวิต" ยังคงต้องศึกษาเล่าเรียนต่อไปอย่างไม่มีวันจบ ที่มหาวิทยาลัยชีวิตแห่งนี้...และจะเป็นปริญญาใบเดียวในโลกที่ไม่มีค่าเทอมที่เป็นเงิน นอกจากความตั้งใจจริงในการเรียนรู้ชีวิต...
อรุณสวัสดิ์ครับ
แวะมาอ่านครับ
:-)
พึ่งเปิดอ่าน สวัสดียามมืดเลยครับ ท่านผอ.ประจักษ์
ขอบคุณทานพี่ครับ