"สิ่งมีชีวิต มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา แต่ทุกชีวิตก็หาวิธีเอาตัวรอด และสืบต่อเผ่าพันธ์มาเป็นล้านปี ทำไมเราไม่เอามันมาประยุกต์กับคอมพิวเตอร์หล่ะ" ประโยคนี้เองที่เป็นจุดเริ่มงานวิจัยของผม
ผมหายไปหลายวันเพราะมัวแต่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำงาน กินที่โต๊ะทำงาน นอนที่ห้องทำงาน แล้วก็ตื่นมาทำงานต่อ เป็นอย่างนี้ได้สามสี่วันติดต่อกัน ก็เพราะนั่งเขียนบทความลงหนังสือ ก็ได้เป็นบทหนังสือหนึ่งบท
"A Biologically-inspired QoS-aware Architecture for Scalable, Adaptive and Survivable Network Systems"
บทความนี้บรรยายเรื่องการประยุกต์แนวคิดสิ่งมีชีวิตเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์เน็ตเวอร์ก ผมตั้งชื่อระบบว่า (SymbioticSphere -- symbiosis คือการอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน-) โดยรวม ๆ แล้วก็คือผมออกแบบโปรแกรมให้มันมีชีวิตเหมือนต้นไม้ ผู้ใช้บริการเป็นเหมือนแสงสว่างเมื่อเวลาร้องของาน (เช่น ขอดูหน้า web) ก็ให้พลังงานแสงสว่างแก่ต้นไม้ ต้นไม้ก็เติบโตขึ้นขยายจำนวนแตกหน่อ ขยายตัว จำนวนโปรแกรมที่รองรับการทำงานของผู้ใช้ก็เพิ่มขึ้น ในทางกลับกันโปรแกรมก็จะจะลดจำนวนลงเองเมื่อไม่ได้รับการขอใช้บริการจากผู้ใช้ เหมือนกับต้นไม้ที่ขาดแสดงแดดแล้วเหี่ยวตายในที่สุดนั่นเอง
และเมื่อต้นไม้(โปรแกรม)โตขึ้น ออกลูก ออกหลาน ก็มีการพัฒนาสายพันธุ์ (Genetic Process) ยิ่งทำงานนานมากขึ้นมันก็จะยิ่งฉลาดขึ้น และตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้ดีขึ้น โปรแกรมที่ติดตั้งค่า (configureation parameters) ไว้ไม่ดีก็จะไม่ถูกเลือกให้ออกลูกออกหลาน การทำลักษณะนี้ทำให้ค่าติดตั้งถูกพัฒนาขึ้นเองโดยอัตโนมัติเมื่อระบบนี้ทำงานนานขึ้น
การออกแบบแบบนี้ ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่น และสามารถปรับตัวเองเข้ากับสิ่งแวดล้อม (เช่น จำนวนคนขอใช้งานเพิ่มขึ้นลดลง, จำนวนเครื่อง server ที่ใช้, กรณีที่ระบบขัดข้อง) ได้อย่างอัตโนมัติ ผู้ดูแลระบบไม่ต้องปรับเปลี่ยน (tune up) ค่าติดตั้งเอง และลดความกังวลที่ระบบจะล่มเมื่อมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
อ่านแล้ว นึกถึงหนังเรื่อง Resident Evil หรือ I-Robot หรือนิยาย Sci-Fi อะไรทำนองนั้นไหมครับ
งานผมเป็นแค่แนวคิดเริ่มต้น แล้วก็คงจะต้องทำอะไรอีกมากมาย แล้วจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมครับ
(ผู้สนใจ สามารถติดตามความคืบหน้างานวิัจัย ที่นี SymbioticSphere)
เจ๋งครับเจ๋ง แนวคิดนี้เป็นแนวคิดในใจเลย เรื่องราวออกวิทยาศาสตร์ SciFi ชอบมากๆ เรื่องการผสมผสานจิตใจเข้ากับเทคโนโลยี ผมว่า อนาคตไม่ไกลนี้คงจะได้เห็นบ้านเรื่อนที่คิดเองได้ และเผลอๆอาจจะไม่ยอมรับมนุษย์ด้วย (ว่าไปนั่นเลยเรา)
สวัสดียามเช้าจากประเทศไทยครับ
คุณ คนพลัดถิ่น
ขอบคุณที่แวะมาครับ
"เรื่องการผสมผสานจิตใจเข้ากับเทคโนโลยี ผมว่า อนาคตไม่ไกลนี้คงจะได้เห็นบ้านเรื่อนที่คิดเองได้ และเผลอๆอาจจะไม่ยอมรับมนุษย์ด้วย (ว่าไปนั่นเลยเรา)"
ผมว่าเป็นไปได้มากทีเดียวเลยครับ
สวัสดีตอนเช้าครับ มีวันที่สดใสครับผม
แนวคิดไปตามวิชาที่เรียนรู้ สุดยอดเลยครับ
คงเป็นงานใหญ่มาก เพราะความละเอียดอ่อนในการเขียนโปรแกรมต้องให้ใกล้เคียงกับความรู้สึก และพัฒนาการของมนุษย์ ละเอียดอ่อนมาก
หากจากสื่อ ผมนึกถึง ไกลขั้นเรื่อง Matrix นะครับ
เพราะยังไม่เคยเห็นงานวิจัยนี้ ที่คนไทย สุดเก่งนำเสนอออกสื่อมาก่อน
อนาคตอยู่ใกล้มากครับ
เป็นกำลังใจให้ ^^
ตอบ ภาวะจิต
มันยังไม่มีความรู้สึกครับ
คิดว่า คงสร้าง(Implement)ยากเกินไป
เดี๋ยวผมจะไม่จบ
ขนาดอารมณ์ตัวเองยังจับไม่ได้ไล่มันไม่ทัน
ตอนนี้เอาให้มันโต ออกลูก ออกหลาน ได้ก่อนครับ
อืม จริงด้วยครับ เรื่อง Matrix ผมลืมนึกถึงไป
ขอบคุณครับที่แวะมา
คุณสีตะวัน
ขอบคุณที่แวะมาครับ
MatriX ก็ดูไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันครับ
ต้องดูซ้ำไปซ้ำมา
อืม.... มันซ้อนอะไรไว้เยอะนะหนังเรื่องนี้
:-)
สุดยอดครับ ถ้าผมคิด เราสร้างมันขึ้นมา ถานคือ มีการจดจำพฤษติกรรมมนุษ คำพูด และความรู้ออนไล รู้ทุกอย่างบนโลกมันจะไม่สั่งการตัวเองให้ทำลานล้างโลกหรอครับ น่า กลัวจัง