ในวันรับปริญญา บัณฑิตหลายคนกำลังมีความสุข เราได้รับวิทยานิพนธ์ที่เย็บเล่มเรียบร้อยจากลูกศิษย์คนหนึ่งที่ฝากเพื่อนมาให้เราในฐานะกรรมการวิทยานิพนธ์ เมื่อถามว่า เจ้าตัวไปไหน ก็ได้รับคำตอบว่า
"เป็นมะเร็ง อยู่โรงพยาบาลครับ"
เราได้แต่มองชื่อลูกศิษย์บนปกวิทยานิพนธ์ด้วยความเศร้าและเสียใจมาก... ปลายทางของความมุ่งมั่นและพยายาม.. คืออะไร เพื่ออะไร...
นึกถึงเพื่อนรักอีกคนที่รำเรียนหลายปีจนจบปริญญาเอกที่ต่างประเทศ กลับมาทำงานได้เพียงสองสัปดาห์ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุขณะขับรถพาคุณแม่ไปหาหมอ..
ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามเอากับชีวิตข้างหน้าหรือความตาย แต่ต้องตั้งคำถามเอากับการใช้ชีวิตที่เป็นปัจจุบัน
เราเองโชคดีที่มีชีวิตยืนยาวพอที่จะมีเวลาตอบแทนพ่อแม่และสังคม ถึงวันนี้ ตัวเราเองพร้อมแล้วกับวันสุดท้ายของชีวิตที่จะมาถึงเมื่อไรไม่มีใครทราบ
หากสังขารไม่เอื้อให้ทำประโยชน์ก็พร้อมที่จะละจากไป ..ปล่อยวางทุกความผูกพัน..
ทุกลมหายใจจึงเป็นเพียงการนับถอยหลังอย่างสงบ มีสติ และมีคุณค่า
สวัสดีค่ะอาจารย์
ขอบคุณมากค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ
สวัสดีคะ อาจารย์ปัทมาวดี
มีความสุขกับทุกย่างก้าวของชีวิต
บนหลักคิดไม่สร้างโทษแก่ใคร
เพราะชีวิตเราไม่ยืนยาว...
ขอบคุณมากคะ
---^.^---
หลายๆ ครั้งที่ต้อมแอบคิดว่า "ความตาย" มันจะน่ากลัวไหม จะว่างเปล่า-ขาวซีด-หม่นทึม หรือเปล่า? แต่เอาเข้าจริงๆ ต้อมว่าความตายมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนการเกิด การแก่ การเจ็บป่วย
มีใครมาถามต้อมว่าถ้ารู้ว่าตัวเองจะตายในไม่กี่วัน จะทำอย่างไร? จำได้ว่า..ตอบไป "ก็จะใช้ชีวิตไปตามปกติ คิดดี พูดดี ทำดี และจะมีความสุขให้มากๆ ไงล่ะ"
และขอปรับอาจารย์ค่ะ ^^ มาจ่ายค่าปรับเสียดีๆ
รำเรียน >> ร่ำเรียน
สวัสดีครับท่านอาจารย์ปัทม์ (โอม มณี ปัทเม หุม)
สวัสดีและขอบคุณครูอ้อยอีกครั้งค่ะ
วันนี้เหมือนกันค่ะที่ได้เจอพี่สาว พี่เขาไปดูไพ่ยิบซี (นานทีปีหน เพื่อนชวน) หมอบอกว่า ปีหน้าที่จะถึงนี้ "ให้ระวังคุณพ่่อ"
ฟังแล้วก็ใจแป้วค่ะ ..การจากไปของคนที่เรารักจะสะเทือนใจกว่าการที่เราเองเป็นคนไปเสียเอง... นั่นเป็นเพราะความผูกพันที่ตัดไม่ขาด
แต่คิดดูอีกที ไม่ว่าหมอจะดูจะบอกหรือไม่ก็ตาม "การระวังและไม่ประมาท" เป็นสิ่งที่พึงกระทำอยู่แล้ว พระท่านก็บอกไว้ แต่เรามักจะลืมจนเมื่อมีคนมาเตือนสติ
เป็นกำลังใจให้ครูอ้อยกับการเรียนและทำผลงานค่ะ....
สวัสดีค่ะคุณพิมพ์ดีด
ขอให้มีความสุขกับชีวิตทีมีคุณค่า คุณค่าที่ให้กับตัวเอง และคุณค่าที่ให้กับผู้อื่น ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
ขอบคุณค่ะที่เป็นกำลังใจค่ะ
คุณเนปาลี สวัสดีค่ะ
ขอโทษในความผิดพลาดนะคะ จ่ายค่าปรับต้องทำอย่างไรบ้างคะ.. :)
ตอนเด็กๆก็กลัวความตายและเคยตั้งคำถามเหมือนกันค่ะว่า ถ้ารู้ว่าจะตาย จะทำอย่างไร
การ "ก้าวเข้าสู่ความตาย" มีหลายรูปแบบให้เลือกค่ะ..
เคยเห็นจริงๆเพียงครั้งเดียว ที่เหลือเห็นจากในภาพยนตร์ ภาพยนตร์บู๊ รัก สงคราม ตลก มีการเข้าสู่ความตายด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน ถ้าเป็นของญี่ปุ่น จะมีที่ต่างจากที่อื่นคือ การ "ตั้งใจตาย" ค่ะ
ก็..ในกลุ่มที่สนิทสนมกันในนี้ จะชอบล่าคำผิดน่ะค่ะ ใครผิดก็ต้องถูกปรับๆๆ หยอดกระปุกให้ตัวเองหรือให้ลูกๆ ที่บ้าน (ต้อมยังโสด โชคดีจัง อิอิ)
เจอคำผิดแล้วก็ให้ไปแก้ไขเสียให้ถูกต้องน่ะค่ะ จะได้เคยชิน และเพราะ G2K เป็นเวบแห่งการเรียนรู้ ย่อมมีผู้เข้าชมเยอะ ก็เลยไม่อยากให้บางทีเราจะจำศัพท์ผิดๆ แล้วนำไปใช้น่ะค่ะ สนุกๆ กันนะคะ ปรับกันให้พอยิ้มได้น่ะค่ะ
ขอบคุณอาจารย์เอกค่ะ
เมื่อวานเขียนตอบยาว แต่ เน็ตล่ม วันนี้เลยได้แต่เขียนสั้นๆ
การศึกษาคงไม่มีจุดสิ้นสุด แต่มันจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบและเป้าหมายไปเรื่อยๆ ที่น่าเป็นห่วงคือ เป้าหมายการศึกษาเพื่อสังคม อ่อนล้าลงไปทุกที กลายเป็นการศึกษาเพื่อปัจเจกบุคคลจะได้อยู่รอดและเป็นผู้ชนะในสังคมแข่งขัน
สวัสดีครับท่านอาจารย์ปัทม์
นมัสการท่านทุกขธัมโม
สาธุ..พุทธธรรมเป็นเครื่องเตือนสติเสมอค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ปัทม์
สบายดีนะคะ
วันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาใน gotoknow อีกครั้งหลังจากห่างหายไปเป็นปี
ที่ไม่ได้เข้ามานานมีเหตุอยู่ที่ว่าไม่มีความรู้จะมาแลกเปลี่ยน (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน)
เรื่องที่อาจารย์เล่าเบียร์กประสบกับคนในครอบครัว น้องสาวเบียร์เองค่ะ เค้าก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน
จากคนที่เคยประสบแต่สิ่งสำเร็จมาตลอดเมื่อมาเจอปัญหาหนักๆบางครั้งก็คิดไม่ออก ต้องแนะทางออกเช่นการปฏิบัติธรรม การทำความดีเพราะไม่รู้ว่าเราจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรต้องสู้โดยเฉพาะต่อการทำความดี หลังจากที่ทราบว่าตัวเองเป็นมะเร็งก็หมดอาลัยตายอยาก หลังจากหาหมอว่ามีทางรักษาหายก็มีกำลังใจดีขึ้น คนในครอบครัวหันหน้าเข้าหากัน พยายามลดความขัดแย้งลง การกระทบกระทั่งให้น้อยลงรอบครัวเหมือนกัน
บางครั้งเรื่องร้ายอาจสร้างสิ่งดีๆจนเราคาดไม่ถึงเลยนะคะ
ด้วยความเคารพค่ะ
ไม่ได้มาเยี่ยมอาจารย์นานมาก
ได้กลับมาอ่านสิ่งที่อาจารย์เขียนเหมือนได้กลับบ้านมาเจอเพื่อนเก่า
เรามักตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร.จะอยู่อย่างไร
คำตอบเฉพาะตัวคือ
คำถามแรก เชื่อว่าเราต้องเกิดมาเพื่อสร้างกรรมและชดใช้กรรม
คำถามที่สองจะอยู่อย่างไร ... ก็ต้องอยู่ให้มีความสุข
ส่วนจะสุขอย่างไรก็แล้วแต่ปัญญาของแต่ละคนแล้วว่า
ความสุขอะไรที่ต้องการ กาย ใจ หรือหลุดพ้นจากกาม
ตัวเองเคยคิดที่ที่จะเข้าหาความสุขอย่างสุดท้ายคือหลุดจากกาม
แต่แล้วก็ไม่สามารถ เพราะปัญญาที่ตัวเองมีมันไม่พอจะสู้กับกิเลสในตัวเอง
สุดท้ายก็ยอมรับโดยดุษฎี
ที่จะหาความสุขทางกายโดยเน้นที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นทั้งด้านอาหารและการออกกำลังกาย
และหาความสุขทางใจ โดยเน้นที่การผึกตัวเองจากภายใน
โดยพยายามเป็นผู้ให้ให้มากและสนใจสิ่งกระทบจากภายนอกให้น้อย
โดยยอมรับว่าเราไม่สามารถหยุดกิเลสได้เลย นอกจากปลอยมันและรู้ว่ามันมี
รู้เร็วก็เป็นโชคดีรู้ช้าก็เป็นโชคร้าย
สิ่งสำคัญอีกประการคือไม่พยายามทำร้ายตัวเองให้ตัวเองเสื่อมลง ทั้งกายและใจ
ตอนนี้ผมก็มีชีวิตอยู่ได้ตามอัตภาพ ไม่ทุกข์มากนัก และก็ไม่สุขมากนัก..ทำใจได้
ก็มาเยี่ยมแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเขียนอะไรเกี่ยวกับตัวเองทิ้งไว้
หวังว่าอาจารย์คงไม่ว่าอะไรนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์พี่ปัท
จริงๆ อยากเขียนชื่อตัวเองว่า "ครูปุ๊ก" แต่รู้ตัวดีว่าคุณสมบัติยังไม่มากพอ ชั่วโมงบินยังไม่ถึง ฯลฯ และที่สำคัญ รู้สึกอายๆ เขินๆ ด้วย :)
พอดี search คำว่า "สวัสดิการ" เลยเจอลิ๊งมาที่นี่ แล้วพออ่านเสร็จ ก็เลยลองล่องเพจของอาจารย์พี่ปัทดูหน้าโน้น หน้านี้ ตอนแรกนึกว่าหน้านี้เขียนเรื่องพี่โอ่ง เลยเข้ามาดู
แม้ว่าจะไม่ใช่ แต่ก็ทำให้เกิดอาการปรงได้พอๆ กัน เวลานี้อารมณ์เศร้าสลดจากเรื่องราวที่น่าตกใจของคณะฯเมื่อคริสมาสปีที่แล้วได้แปลผันกลายมาเป็นอารมณ์ที่ย้ำเตือนเราอยู่เสมอเรื่องสัจจะธรรมในชีวิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ทราบเขียนนอกเรื่องหรือเปล่าคะเนี่ย เขียนไปเรื่อยเปื่อย แต่สรุปว่า ขอเป็นแฟนคลับเว๊บนี้อีกคนก็แล้วกันนะคะ แล้วจะกลับเข้ามาอ่านบ่อยๆ ค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ด้วยรักและเคารพ
จากคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือ