คุณเคยอยากรู้.....ไหม?ว่า.....เวลาคุณไปโรงพยาบาลหมอมักจะสั่งเจาะเลือดคุณไปทำไม? ....และรู้สึกแปลกใจ...ว่าเจาะเลือดไปทำไมตั้งหลายหลอดหลายสีหลายขนาด....เลือดจะหมดตัวไหมเนียะ และเอาเลือดคุณไปทำอะไรบ้าง?ห้องปฏิบัติการทางเทคนิคการแพทย์มีคำตอบในเรื่องที่คุณอยากรู้....
เทคนิคการแพทย์เป็นหนึ่งในทีมงานสาธารณสุขของประเทศ เป็นวิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เพื่อให้ได้ส่งตัวอย่างทางการแพทย์และดำเนินการโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการตรวจ การทดสอบ วิเคราะห์ วิจัยและการรายงานผล การตรวจเพื่อการวินิจฉัย การติดตามการรักษา การพยากรณ์โรคและการป้องกันโรค หรือเพื่อการประเมินภาวะสุขภาพ และยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานทางด้านห้องปฏิบัติการการแพทย์ให้มีระบบการตรวจที่ทันสมัย ถูกต้องและมีมาตรฐานสูงและมีการวิจัยเพื่อพัฒนาวิธีการทดสอบใหม่ๆ ออกมาเพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้จัด KM Sharing ครั้งที่ 6 เรื่องเทคนิคการแพทย์กับสุขภาพประชาชน ในวันที่ 14 สิงหาคม 51 โดยทางห้องปฏิบัติการมีคุณพิกุล คุณอารีย์ คุณอนุพงษ์ คุณวรุณยุพา คุณสมมาตย์ และคุณญานิณี เป็นผู้ร่วมเสวนาแบ่งปันความรู้ กลุ่มงานพยาธิวิทยาโดยคุณญานิณี จรัสวิศรุตพรและคุณอารีย์ ประสิทธิพยงค์ เป็นตัวแทนในการแนะนำห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์ว่าประกอบด้วยห้องปฏิบัติการต่างๆคือ
ห้องเจาะเลือด ซึ่งเป็นด่านหน้าในการที่จะเจาะเลือดของท่านเพื่อห้องปฏิบัติการต่างๆนำไปตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการต่อไป
ห้องปฏิบัติการโลหิตวิทยา จะทำการตรวจเพื่อช่วยการวินิจฉัยว่าคนไข้มีภาวะความซีดรุนแรงเท่าใด จำนวนและชนิดของเม็ดเลือดขาว ลักษณะเม็ดเลือดแดง จำนวนเกล็ดเลือด มีความปกติหรือไม่ ปัจจัยการแข็งตัวของเลือด เพื่อนำไปประกอบการวินิจฉัยหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป
ห้องปฏิบัติการจุลทัศน์วิทยา เป็นการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสาเหตุที่อาจมาจากไตหรือระบบขับถ่ายปัสสาวะ และยังตรวจสารเคมีบางชนิดในปัสสาวะเพื่อช่วยบอกโรคหรือภาวะผิดปกติต่างๆ เช่นเบาหวาน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่ว เป็นต้น ส่วนการตรวจอุจจาระ(ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกลำบากใจในการเก็บอุจจาระเพื่อส่งตรวจ) แต่อย่ามองข้ามความสำคัญในการตรวจซึ่งการตรวจอุจจาระสามารถบ่งบอกถึง ภาวะที่ผู้ป่วยมีความผิดปกติ เช่นภาวะที่ผู้ป่วยมีการถ่ายเหลวหรือมีการปวดท้องร่วมกับถ่ายเหลวหรือมีพยาธิที่สามารถทำให้บ่งบอกโรคได้เช่นพยาธิใบไม้ในตับ พยาธิไส้เดือน พยาธิตัวกลม ตัวตืด หรือมีเลือดออกทางอุจจาระก็บ่งบอกความผิดปกติอาจสงสัยภาวะมะเร็งลำไส้ ก็ได้ ซึ่งการตรวจก็เป็นการบ่งชี้ในขั้นต้นในการหาสาเหตุการผิดปกติ
ห้องปฏิบัติการชีวเคมี เป็นการตรวจโดยใช้น้ำเหลืองหรือซีรั่ม เพื่อการตรวจหาสารเคมีซึ่งอยู่ในกระแสเลือด สามารถบ่งบอกการทำงานด้านต่างๆของร่างกายว่าปกติหรือไม่ เช่นการทำงานของตับ ไต หัวใจ เบาหวาน โรคเกาท์ ไขมันในเลือดซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและการตรวจสารเคมีต่างๆในเลือดของห้องปฏิบัติการ จะช่วยในการวินิจฉัยและติดตามการรักษาโรคได้
ห้องปฏิบัติการอิมมูโนวิทยา เป็นการตรวจวิเคราะห์เลือดโดยใช้ซีรั่มหรือน้ำเหลืองมาตรวจวิเคราะห์โรคต่างๆ ซึ่งในภาวะปกติร่างกายของคนเราจะมีระบบภูมิคุ้มกัน ที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้เช่นเชื้อโรคต่างๆเป็นต้น การตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ(ชนิด B,C )ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งที่ตับและการตรวจหาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ โรคซิฟิลิส การตรวจหาตัวบ่งชี้ของโรคมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งที่ตับ มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น และติดตามผลการรักษารวมทั้งร่องรอยของโรค และยังตรวจหาภาวะการตั้งครรภ์ ซึ่งการตรวจแต่ละชนิดมีผลต่อแนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคของแพทย์
ห้องปฏิบัติการธนาคารเลือด เป็นห้องปฏิบัติการที่สำคัญในการทีผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องได้รับเลือดไม่ว่าจะเป็นการเสียเลือดและสาเหตุต่างๆ ซึ่งห้องปฏิบัติการมีหน้าที่จัดหาเลือดและส่วนประกอบของเลือดให้แก่ผู้ป่วย ซึ่งเลือดที่ได้จากการรับบริจาคนั้นยังไม่สามารถนำไปให้ผู้ป่วยได้ ต้องนำไปตรวจหาโรคติดเชื้อที่สามารถติดต่อจากการรับเลือดก่อนเช่นโรคเอดส์ เชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี เชื้อซิฟิลิสเป็นต้น เมื่อต้องการใช้เลือดจะต้องนำเลือดนี้ไปตรวจเพื่อหาความเข้ากันได้กับเลือดของผู้ป่วยก่อนจึงจะสามารถนำไปให้ผู้ป่วยได้
ห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาหรือห้องแบคทีเรีย จะทำหน้าที่ในการเพาะเชื้อจากสิ่งส่งตรวจที่แพทย์สงสัยเช่น หนองจากแผล น้ำในช่องท้อง เลือด อุจจาระ ปัสสาวะ เสมหะ เป็นต้น ห้องปฏิบัติการจะช่วยวิเคราะห์ว่าเป็นเชื้ออะไรและมีการดื้อต่อยาหรือไม่ เพื่อแพทย์จะได้เลือกยาที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการรักษา
ส่วนคุณศิริรัตน์ ตันสกุล ได้พูดสรุปถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพ ตั้งแต่แรกเกิดจนตายได้อย่างน่าฟังว่า
ก่อนเกิด เมื่อจะมีการตั้งครรภ์ คนเป็นพ่อแม่ต้องเจาะเลือดตรวจ เพื่อหาโรคต่างๆที่อาจจะถ่ายทอดทางพันธุกรรม ที่อาจจะกระทบต่อคุณภาพชีวิตในอนาคตของคู่สมรสและบุตรที่จะเกิดมาได้ เช่น โรคธาลาสซีเมีย โรคเบาหวาน โรคเอดส์ หรือโรคที่จะมีผลกระทบอื่นๆ เป็นต้น
ตอนตั้งครรภ์ เมื่อไปหาหมอก็ต้องถูกเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจความพร้อมและเพื่อหาภาวะการตั้งครรภ์เป็นพิษหรือหาความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ซึ่งอาจจะมีอันตรายกับเด็กในครรภ์ได้
ตอนเด็ก ต้องเจาะเลือดหาภูมิคุ้มกันของโรคต่างๆ ฉีดวัคซีน หาพยาธิหรือเมื่อเจ็บป่วยก็ต้องเจาะเลือดหาสาเหตุของโรค เป็นต้น
ตอนวัยรุ่น การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคต่างๆ เช่นโรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ โรคติดเชื้อ เป็นต้น
ตอนวัยทำงาน พอจะเริ่มทำงานคุณต้องมีใบรับรองแพทย์ประกอบกับการสมัครงาน เพื่อดูว่ามีโรคติดต่อที่ร้ายแรงหรือไม่ ก็ต้องดูจากการเจาะเลือดร่วมกันกับการตรวจอย่างอื่น
ตอนอายุมากขึ้น ก็ควรต้องมีการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งอายุ 35 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจโรคอย่างน้อยปีละครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของร่างกายเริ่มเสื่อมลง ก็มักจะมีโรคมาเยือนจึงต้องพบแพทย์เพื่อตรวจหาโรคเกาต์ เบาหวาน ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต การตรวจหาระดับของฮอร์โมนในวัยทอง หรือการตรวจหาการบ่งชี้เพื่อหามะเร็งในระยะเริ่มแรกหรืออื่นๆ โดยเจาะเลือด ตรวจอุจจาระ ปัสสาวะ X-rayปอด ตรวจหัวใจ ซึ่งพอแก่มาก็มักจะมีโรคประจำตัวซึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกเจาะเลือด เพื่อดูความเคลื่อนไหวว่าดีขึ้นหรือแย่ลง ห้องปฏิบัติการจะมีบทบาทสำคัญในการตรวจและวินิฉัยโรคตั้งแต่เกิดจนตายทั้งเพื่อการรักษาหรือติดตามร่องรอยของโรคหรือป้องกันหรือแม้แต่ในบัตรประชาชนก็ต้องระบุหมู่เลือดว่าคุณหมู่เลือดอะไร ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่ทราบเลยว่าตัวเองหมู่เลือดอะไร ก็จะทราบจากการเจาะเลือดตรวจ
คุณพิกุล ใหลศุภสิน เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ได้กระตุ้นคำถามเพื่อให้ทุกคนได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ส่วนมากคนจะสนใจในการแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องคลอเลสเตอรอล ไตรกรีเซอร์ไรด์ และโรคเบาหวาน รวมทั้งอาหารการกินที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีนักโภชนาการคุณสายสุวรรณ ได้ร่วมให้ความรู้เรื่องของอาหารและสุดท้ายก็มาลงความเห็นในเรื่องการออกกำลังกายในการควบคู่ไปด้วยกับการเลือกทานผักและผลไม้ที่มีกากใยจะช่วยให้มีสุขภาพดีและทำให้เพิ่มไขมันตัวดี คุณศิริรัตน์ บอกว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่เองดูแลสุขภาพด้วยและจากการตรวจสุขภาพประจำปี ทำให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่เองก็มีการละเลยเหมือนกัน จึงอยากจัดให้มีการจัดกลุ่มสุขภาพให้คนโรคเหมือนกันเช่นเบาหวาน ไขมันสูงเป็นต้น มาดูแลสุขภาพด้วยกันและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับบุคลากร
ดังนั้นจะเห็นว่าไม่ว่าคนไข้หรือเจ้าหน้าที่เองก็ต้องหันมาดูแลสุขภาพด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าห้องปฏิบัติการมีบทบาทสำคัญในการตรวจเลือดและสิ่งส่งตรวจต่างๆ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ถูกต้องและติดตามการรักษาและหาร่องรอยของโรค ซึ่งตอนนี้...ท่านคงพอจะเข้าใจแล้วใช่ไหมว่า...หมอสั่งเจาะเลือดคุณไปทำไม?...เลือดคุณสามารถบ่งบอกความผิดปกติของร่างกายได้มากมาย ดังนั้นอย่ากลัวการเจาะเลือดเลยนะคะ จำนวนเลือดที่นำไปตรวจจำนวนเล็กน้อย(10-15 ซีซี)ไม่มีผลต่อร่างกายแต่อย่างใด....ปีนี้คุณตรวจสุขภาพแล้วหรือยัง?
>>>IMM2...Post.....<<<<
ครับ ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ขอชมว่าน่าสนใจมากๆๆๆครับ
สวัสดีค่ะคุณชรินทร์ อักษร
ใช่
คุณหมอจะเจาะเลือดเราไปเยอะเลย
วันก่อนได้มีโอกาสไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลศิครินท์หาดใหญ่เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ดีใจไม่โรคอะไรเลย
เจริญพร
กราบนมัสการท่าน พระ มงคล มงคล ถีราวุฒิ
เมื่อเจาะเลือดแล้วมีรอยเขียวจ้ำ....?
เมื่อเจาะเลือดทุกครั้ง ท่านมีโอกาสจะเกิดรอยจ้ำเห็นเป็นรอยเขียวๆได้เสมอ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุอาจเกิดจากเส้นเลือดของท่านเองเปราะง่ายหรือจากเทคนิคการเจาะเลือด บางคนเป็นมากจนเป็นสีม่วงคล้ำและอาจขยายใหญ่ขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการของการซ่อมแซมของร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นเป็นปกติหลังจากทีมีเลือดออกในชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งเราเห็นเป็นรอยเขียวๆนั่นเอง ท่านไม่ต้องตกใจ
การดูแลรักษาและวิธีแก้ไข
1. มีคำแนะนำ เมื่อท่านเจาะเลือดแล้วควรพับแขนไว้นิ่งๆหรือกดแผลไว้ประมาณ 5-10 นาที ให้เลือดหยุดไหลก่อนแล้วค่อยทำกิจกรรมอื่น ไม่ควรคลึงหรือนวดบริเวณที่เจาะเลือด จะทำให้เกิดรอยจ้ำเขียวได้ (เนื่องจากเลือดจะรั่วออกมานอกเส้นเลือดคั่งอยู่ใต้ผิวหนัง กลายเป็นรอยจ้ำเขียวนั่นเอง)
2. วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้หายเอง รอยซ้ำจะค่อยๆจางหายไปในเวลา 1-2 สัปดาห์ บางคนอาจจะใช้เวลาถึง 2-4 สัปดาห์
3. ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการเจาะเลือด หากมีรอยซ้ำเขียวหรือบวมแล้วให้ประคบด้วยน้ำแข็งหรือความเย็น หลังจากนั้นเมื่อยุบบวมแล้วให้เปลี่ยนเป็นประคบร้อน ความร้อนจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว รอยซ้ำจะจางหายไปเร็วขึ้น
4. ถ้าปวดหรือเจ็บที่รอยช้ำ อาจจะรับประทานยาแก้ปวดพาราเซ็ตตามอล 1-2 เม็ดเมื่อมีอาการปวด
(ขอขอบคุณข้อมูลที่มีประโยชน์จาก คุณศิริรัตน์ ตันสกุล งานชีวเคมีกลุ่มงานพยาธิวิทยา)
สวัสดีค่ะ
ให้รายละเอียดได้ดีเยี่ยมเลยนะคะ ขอชื่นชมในฐานะเทคนิคการแพทย์คนหนึ่งด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ โอ๋-อโณ
เป็น topic การประชาสัมพันธ์วิชาชีพเทคนิคการแพทย์
ดีครับๆ ดี promote วิชาชีพ คนจะได้รู้จัก (มากขึ้น)
ปกติเวลาหนูโดนเจาะเลือดทีไรจะเขียวเป็นวงจ้ำทุกทีเลยค่ะ อยากสอบถามว่าเกี่ยวกับการปลดสายรัดช้าไปรึเปล่าคะ
สวัสดีค่ะคุณอิสรา
· วิชาชีพทางเทคนิคการแพทย์อย่างเราๆ คนไม่ค่อยรู้จักมากนัก
· จึงมักจะโดนเปรียบเปรยว่า...ปิดทองหลังพระ...
· ดีใจที่คนวิชาชีพเดียวกันแวะมาให้กำลังใจและมาเยี่ยมค่ะ
สวัสดีค่ะคุณMoo Yong
· การเขียวเป็นวงจ้ำ เกิดได้หลายสาเหตุ
· ถ้าเป็นทุกครั้งของการเจาะเลือด อาจจะเกิดจากเส้นเลือดของคุณเปราะง่ายหรือเส้นเลือดหายากทำให้มีการควานหาเส้น
· ถ้าไม่ได้เป็นทุกครั้ง อาจเกิดจาก เผลอคลึงแขนหลังการเจาะเลือด หรืออาจเกิดจากเทคนิคการเจาะเลือดก็เป็นได้ และการปลดสายรัดช้าไปก็มีส่วนทำให้เลือดซึมรั่วออกมาใต้ผิวหนัง กลายเป็นรอยจ้ำเขียวได้
· ถ้าผิวขาวอย่างคุณอาจทำให้เห็นได้ชัด ไม่ต้องตกใจค่ะ รอยจ้ำดังกล่าวจะค่อยๆหายไปเองแต่อาจจะนานประมาณสองอาทิตย์
· ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ.
สวัสดีค่ะ
ได้รับความรู้มากเลยค่ะ และได้รู้จักหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการตรวจเลือด รวมถึงการปฏิบัติตัวและเข้าใจเมื่อเจาะเลือดแล้วมีรอยเขียวจ้ำ ซึ้งก็สงสัยเหมือนกันว่าเป็นอันตรายหรือเปล่า? ตอนนี้รู้แล้วไม่กังวลแล้วค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวที่มีประโยชน์ มาเล่าสู่กันฟังนะคะ
สวัสดีค่ะคุณดอกไม้
มารับความรู้ครับ ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะคุณบวร
ถ้าผลเลือดเราที่เจาะผลออกมาผิดปกติหมอจะโทรบอกเราก่อนมั้ยก่อนวันฟังผลนะค่ะ