ที่มา www.budpage.com
สืบเนื่องจากบันทึก » โลกนิติคำโคลง มุมมองใหม่ น้อง
ไอซ์จ้า (เมื่อ พ. 13 ส.ค. 2551
@ 19:05) ได้เข้ามาคอมเมนท์ว่า
ช่วยบอกคำแปลและสุภาษิตหน่อยได้มั้ยค่ะมีอยู่ว่า
รักกันอยู่ขอบฟ้า
เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ
กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง
ช่วยหน่อยนะ พี่กวิน
เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนรักเด็ก แถมมีความเมตตากรุณา มุทิตา
แต่ยังขาดอุเบกขาเป็นที่ตั้ง จึงได้ทดลองแปล
โคลงโลกนิติบทดังกล่าวไว้ความว่า
<div class="content">
โลกนิติคำโคลง
</div>
<p>
รักกันอยู่ขอบฟ้า
เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว
ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง</p>
<div class="content">
คำแปล
-สามีภรรยาที่รักและซื่อสัตย์ต่อกันแม้จะอยู่ไกลกันจนสุดหล้าฟ้าเขียว
(ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ)
-ทั้งสองก็ยังมีความรู้สึกว่า ยังคงได้อยู่ใกล้กัน
อยู่ยังห้องหอเดียวกัน
-แต่ถ้าสามีภรรยาไม่มีความรักและความซื่อสัตย์ต่อกัน (เช่น
สามีเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ แล้วเกิดไปมีผู้หญิงคนใหม่)
ภรรยาเกิดความชิงชังจึงขอหย่า(แต่เพราะสงสารลูก) จึงจำต้องอยู่ด้วยกัน
แม้นจะอาศัยอยู่ในบ้าน ในห้องหอเดียวกัน แต่
แม้นแต่หน้ายังไม่อยากที่จะมองกัน ไม่อยากที่จะสบตากัน
(ตาต่อตา…)
-ทั้งที่ทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกันภายในห้องหอเดียวกันแท้ๆ
แต่ทั้งสองกลับมองไม่เห็นหัวซึ่งกันและกัน
เสมือนกับมีต้นไม้มาบดบังมิให้เขาทั้งสอง
เห็น(หัว)ซึ่งกันและกัน
และเหมือนอยู่คนละฟากฟ้า ด้วยประการฉะนี้</div>
สำนวน/สุภาษิต
1.สุดหล้าฟ้าเขียว (the ends of the earth)
2.ใกล้เกลือกินด่าง
(มองข้ามหรือไม่รู้ค่าของดีที่อยู่ใกล้ตัวซึ่งเป็นประโยชน์แก่ตน)
3.มองไม่เห็นหัว
4.เส้นผมบังภูเขา (ขนาดเส้นผมยังบังภูเขาได้
แล้วต้นไม้ทั้งต้นมิบังได้ทั้งทวีปเลยหรือ?)
อนุสติ
1.สามีภรรยาควรมีความรัก ความซื่อสัตย์ให้แก่กัน
(ไม่ควรนอกใจต่อกัน)
2.สามีภรรยาควรมีความอดทน และ ทนอด (ในบางเรื่อง) รู้จักให้อภัย
เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้กระทำผิด
3.ไม่ควรปลูกต้นไม้ภายในอาณาเขตบ้าน
เพราะจะทำให้มองไม่เห็น(ความดี/ความไม่ดี) ซึ่งกันและกัน
4. ไม่ควรทำประชดประชันต่อกัน การแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นกัน ก็คือ
(มิจฉา)ทิฐิ+มานะ อย่างหนึ่ง
5.ต้นไม้ที่บดบังสามีภรรยามิให้มองเห็นกันนี้ อาจจะถูกปลูกด้วย
บุคคลที่สาม ผู้มุ่งหวังผลประโยชน์บางอย่าง
หรืออาจจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของเจ้าของบ้านเอง
ซึ่งเป็นผู้ลงมือปลูกเอง ก็ได้
6.ควรขุดรากถอนโคนต้นไม้แห่ง (มิจฉา)ทิฐิ+มานะ นี้ทิ้ง
เพื่อให้แสงแห่งธรรมาทิตย์ ได้ส่องสว่างกระจ่าง เข้าไปในบ้าน
7.เมื่อแสงแห่งธรรมาทิตย์ได้สาดส่องเข้าไปในบ้านแล้ว
สามีภรรยาก็จะมองเห็นซึ่งและกัน และที่สำคัญ ก็คือ
ทั้งสองจะมองเห็นลูก
8.เมื่อภายในบ้านสว่างไสวแล้วด้วยแสงแห่งธรรมาทิตย์
สามีภรรยาย่อมที่จะเห็นว่าลูกกำลัง เสียใจ
แก้มเปียกปอนไปด้วยน้ำตา
9.บ้าน ก็ควรให้ผู้ที่เป็น กัลยาณมิตรที่แท้ เป็นผู้ปลูก
บุคคลผู้ซึ่งจะเป็นมือที่สาม ผู้ซึ่งคอยยุยงส่งเสริมให้ปลูกต้นไม้
แห่ง (มิจฉา)ทิฐิมานะ
เขาผู้นั้นย่อมไม่สมควรได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้สร้างบ้าน
ถ้าว่าจ้างกันไปแล้ว ก็ควรบอกเลิกไปเสีย
10.สมมติว่าใช้เงิน 1 ล้านบาทปลูกบ้าน ผู้รับเหมาได้กำไร 10% เงิน 10%
ของ 1 ล้านบาทนั่นล่ะคือค่าจ้างสอนปลูกต้นไม้ของผู้รับเหมา
ลงทุนแค่จอบ เสียม+แรงกาย+ต้นไม้ไม่กี่ต้น ได้ค่าตอบแทน ถึง 10%
ของเงิน 1 ล้านบาท เงิน 10% ของเงิน 1
ล้านบาทคือค่าหน่วยกิตของนักศึกษาผู้โง่เขลา
11.นักศึกษาผู้โง่เขลาจะได้รับก็คือ บ้านหนึ่งหลัง
พร้อมมิตรภาพ(ที่ฉาบฉวย)จากผู้รับเหมา+วิธีการปลูกต้นไม้แห่ง(มิจฉา)ทิฐิมานะ+คำครหานินทา+บรรยากาศที่อึมครึมภายในบ้าน
สมการนี้ช่างน่าสลดหดหู่
12.สโลแกน (slogan) "บ้านคือวิมานของเรา" จึงต้องเปลี่ยนเป็น
"บ้านคือนรกานต์ของเรา" ต่อให้กินยาต้านซึมเศร้า วันละ 10 เม็ด
ก็ไม่มีทางเยียวยารักษา
13.ถ้านักศึกษาผู้มีเขา เอ้ยผู้โง่เขลา เอาเขาออกจากศีรษะ โดย ดรอป
(drop) วิชาการปลูกต้นไม้ แห่ง(มิจฉา)ทิฐิมานะ ก็จะรู้สึกว่าเบาสมอง
(เพราะไม่มีเขาบนหัว) จากนั้นลงทะเบียนเรียนวิชาพุทธศาสตร์
รับรองว่าจะต้องเรียนสำเร็จ ดุษฎีบัณฑิต+ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1
อย่างแน่นอน
14.แต่ถ้าชอบบรรยากาศแบบอึมครึม
มีต้นไม้แห่ง(มิจฉา)ทิฐิมานะปกคลุมอยู่ทั่วบ้าน
กระทั่งคนในบ้านมองไม่เห็นความดีซึ่งกันและกัน ก็จงปลูกต้นไม้นั้นๆ
ต่อไปเถิด อย่างน้อยๆ ก็ช่วยลดสภาวะโลกร้อน
แต่อย่าหวังว่าสภาวะใจที่รุ่มร้อน นี้จะสามารถจะลดลงไปได้
ปล. น้อง ไอซ์จ้า
พี่ช่วยแปลให้แล้วนะครับ ไม่คิดค่าแปลแต่ขอถามนิดนึงว่า
ตอนนี้น้องเรียนอยู่ที่ไหน เรียนชั้นอะไร
แล้วเข้ามาที่เวปนี้ได้อย่างไร ครับ
หรือว่าตามพี่มาจากเวปไซต์ของสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย
ใช่หรือไม่ครับ โคลงโลกนิติบทนี้ สั้นๆ แต่พี่ขยายความให้เห็นเป็นฉากๆ
น้องเข้าใจหรือไม่เข้าใจตรงไหนลองนำไปถามอาจารย์ ดูนะครับ
ว่าการแปลโคลงบทนี้ ถูกผิดประการใด :)