ย้อนอดีตกลับไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์


ย้อนอดีตกลับไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์

            กลางเดือนสิงหาคมของทุกปี คณะแพทยศาสตร์อันเป็นที่รักของกระผมจะจัดการประชุมวิชาการประจำปี และในช่วงโอกาสเดียวกันนี้เราก็จะจัดงานสังสรรค์ศิษย์เก่าไปด้วย โดยในวันพฤหัสบดีจะเป็นวันที่จัดงาน ซึ่งเจ้าภาพก็คือศิษย์เก่ารุ่นที่เป็น intern แล้วนับถอยหลังไปอีก 10 รุ่น เช่นปีนี้เจ้าภาพคือรุ่น 30, 20 และ รุ่น 10 ปีหน้าก็จะเป็นปีพิเศษที่สุด เพราะจะรวมได้ 4 รุ่น คือ 31, 21, 11 และ 1 ครับ

            ปีนี้ออกจะพิเศษสักนิด เพราะเรามาจัดงานกันในวันพุธแทนวันพฤหัสบดี จะด้วยเหตุผลอันใดนั้นก็ชักเลือนๆ และแรกเริ่มเดิมที เราจะไปจัดกันที่หอประชุมด่านเจดีย์สามองค์ เพราะเห็นว่าใหม่ๆ ซิงซิง และที่สำคัญก็คือ จัดในบ้านเราเอง บรรยากาศดี และสนับสนุนกิจการของเราเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเป็นไปได้ดั่งฝัน นั่นเป็นเพราะว่าความไม่พร้อมหลายประการ เป็นต้นว่า ไฟเวทีไม่มี โต๊ะอาหารต้องหามาจากข้างนอก ระบบเสียงยังไม่เข้ารูปเข้ารอย เราต้องเสียเงินค่าเอาอาหารมาจัดเลี้ยงหนึ่งหมื่น ค่าไฟจ่ายต่างหาก ค่าเครื่องเสียงจ่ายต่างหาก เอาเป็นว่า แค่ค่าจัดการต่างๆก็ปาเข้าไปร่วมแสน ว่าไปดังนั้น เราจึงเปลี่ยนไปจัดที่ลี การ์เด้นส์ พลาซ่า เหมือนเดิม

            นอกจากนี้ ความพิเศษมันก็มาอยู่ที่ว่า น้องๆรุ่น 20 มันของขึ้นครับ เขาจัดให้เค้าโครงหลักของงานเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิก เรื่องนี้มันเลยกระทบตัวผมอย่างจัง เพราะเขาจะเอาเชียร์ลีดเดอร์มานำร้องเพลงเชียร์ในงาน

            ปุดโธ่ อายุก็ปาเข้าไปเกือบ 36 ปีแล้ว จะมาให้ทำท่าเหมือนเมื่อตอนหนุ่มๆนี่ท่าจะยาก แต่เมื่อทราบว่า อาจารย์ธีระ เจ้าพ่อโรคตับจะมาเล่นด้วย ผมก็เลยเซย์เยสไปเลย แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่เรานัดซ้อมกันเป็นครั้งแรก

            เมื่อปี 2533 ปีที่ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 นั้น ไม่รู้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างไรก็ไม่ทราบได้ เพื่อนๆจึงยกให้เป็นลีดเดอร์ (ปล. ปีนั้น คนที่หล่อสุดมันไม่ยอมเป็นครับ และมันก็โบ้ยความเป็นตัวตลกให้ผมแทน) ผมมีเพื่อร่วมตายอีก 5 คนก็คือ กุ้ง (ก้องเกียรติ) จิมมี่ จ๋า หนุ่ย และโอ๋ (อรวรรณ) และปีนั้นคณะแพทย์แข่งประกวดกองเชียร์ได้ที่รองสุดท้าย ฮา

            อาจารย์ธีระนัดให้พวกผมไปที่บ้านท่านเวลาทุ่มตรง เพราะได้ข่าวว่าท่านจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวด้วย ผมเหน็บพี่แป้งไปด้วย จะได้ดูว่าพ่อมันตลกแค่ไหน ปีนี้แป้งก็ได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่โรงเรียนเหมือนกัน เรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว (เพราะว่าเราเล่นกีฬาไม่เป็นครับ)

            บอกได้เลยว่าก๋วยเตี๋ยวบ้านท่านอร่อยมากๆ เสียดายเหลือเกินที่ตอนนี้คุมน้ำหนักและจำกัดอาหาร เลยมีโควตาให้กระเพาะอาหารเพียงเท่านี้ เสียด๊าย เสียดายตบท้ายด้วยมะละกอและมะม่วงมันแสนอร่อย คืนนี้มีนักศึกษาแพทย์มาด้วยหลายคน เพราะอาจารย์น้องแอ๊มแม่งานพามาประชุมเพื่อเตรียมงานในวันนั้นด้วย

            คนที่จะเป็นลีดเดอร์ในวันนั้นก็คือ อาจารย์ธีระ ผม อาจารย์ห่าย คนนี้เป็นรุ่นน้องผม 1 รุ่น ตามมาด้วยน้องนาต รุ่น 20 อาจารย์น้องจิ๋ว รุ่น 22 น้องนครินทร์ รุ่นอะไรก็ไม่รู้ และคุณครูคือนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5 ชื่อปู้มาเป็นคนสอน เขาเลือกเพลง เลือด

            เลือด เลือด เลือด med’cine med’cine

            มี มี มีสีกรีนเข้มข้น

            ใคร ใคร ใครมาหาญผจญ

            ไม่ ไม่ คงไม่พ้นผองภัย

            แค่นี้แหละครับ ทำเอาคนแก่แบบพวกผมแทบรากเลือด

            เริ่มจากเราเลือกให้อาจารย์ป๋องเป็นหัวหน้าทีม จัดท่าจัดแถวกันให้เรียบร้อย ท่านครับ เชื่อไหมว่าลีดเดอร์รุ่นนี้พุงปลิ้นกันแทบทุกคน เมื่อท่านป๋องสั่ง พร้อม...สาม สี่ ผมต้องสั่งเพิ่มเติมด้วยเสมอว่า หุบพุงด้วยคร๊าบบบบ โธ่ถัง แต่ละคนก็ปาเข้าไปมากกว่า 30 กันแล้วทั้งนั้นนี่นา (ยกเว้นให้หมอนครินทร์ที่อาจจะน้อยกว่าใครเพื่อน)

            แล้วปู้ก็เริ่มสอน คราวนี้ต่อมฮาก็แตกกันตลอดชั่วโมง เพราะว่าแต่ละท่าที่เขาสอนมานั้น บางท่าก็ง่าย แต่สมองของผู้สูงวัยมันเรียนรู้ช้าเหลือเกิน ไหนเวลาเคลื่อนไหวแต่ละที เสียงเข่ามันก็ดังก๊อกแก๊ก เหมือนคนข้อติดไม่ผิดเพี้ยน และเมื่อบางท่านั้นอาจารย์ของปู้ทำไม่ได้ เช่น กระโดดแล้วนอนเหมือนวิดพื้น งานนี้เลยต้องเปลี่ยนท่ากันใหม่เล็กน้อย ฮ่า ฮ่า

            และท้ายที่สุด ท่านป๋องก็ต้องขอถอนตัว เพราะหอบ โดยท่านอ้างว่า คนเป็นลีดเดอร์เยอะแล้ว อีกทั้งท่านต้องเป็นพิธีกรในงาน และต้องเต้นอะไรอีกก็ไม่รู้ เลยขอถอนตัวไปหอบก่อน งานนี้เลยให้ห่ายเป็นหัวหน้าทีมแทน

            เห็นไหมครับว่าเราทุ่มเทกันขนาดไหน แป้งยืนยันได้เลยว่าพ่อมันก็หอบเหมือนกัน ฮ่า ฮ่า

 

หมายเลขบันทึก: 199247เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2008 23:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 20:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ฮา ฮา หมอแป๊ะเป็นลีดตอนปีมะโว้โน้นด้วยเหรอนี่ มัวแต่มองโอ๋ลีดเพลินไปหน่อยลืมดูว่ามีหมอแป๊ะด้วยแฮะ :)

อิอิ  พี่หนิงก็เคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์อ่ะ  เคยขึ้นสแตนด์กีฬาเขต 4 ด้วยน๊า..

แต่ไม่รู้รูปอยู่ไหน  อิอิ  ถ้าหาเจอจะเอามาประชัน lead คณะแพทย์ดีไหมคะ

หมอแป๊ะโชว์ภาพถ่ายสมัยหนุ่มๆ ตอนเป็นลีดหน่อยซิค่ะ

ส่งน้องแป้งไปเป็นตัวแทนดีกว่ามั๊ยคุณหมอ หรือจะเอาน้องหนุนแอนด์เดอะแก็งค์เลย

แม่ลูกจันครับ

เป็นสิครับ ก็พร้อมๆกับโอ๋นั่นแหละ ผมยืนหน้าโอ๋ด้วยซ้ำ

ปีนั้น และหลายๆปี เราแพ้วจก.เสมอครับ (ยกเว้นปี 2535 คณะแพทย์ได้ที่ 1)

รูปตอนหนุ่มๆ อายมากครับ มีน่ะมี แต่ขอทำใจก่อน

พี่หนิงครับ

ผมก็กีฬาเขตครับ

"เขตรั้ว สีบลู สร้างความชื่นชู ณ รูสะมิแล....."

พี่หนึ่ง

เมื่อคืนแป้งก็ไปนั่งดู นอนดู

แถมยังบอกด้วยนะว่า ที่พ่อทำผิดไปนิดนึง เมื่อเทียบกับของเค้า ฮา

ลูกผมไม่กล้าขึ้นเวทีหรอกครับ ผมชวนหลายรอบแล้ว

อาจารย์แป๊ะ

  • ผมยังจำวันที่ตามอาจารย์ป๋องไปดูท่านซ้อมครั้งกระโน้นได้เลย

ครับพี่หลวง

ผมก็จำได้คุ้นๆครับ

ตอนนั้นอาจารย์ยังเป็นอาจารย์ใหม่ๆปีแรกเลยเชียวครับ ผมยังจำวันที่ถูกท่านป๋องโกงเกม UNO ได้ไม่เคยเสื่อมคลาย แม้เจ้าตัวยังบอกอยู่เสมอว่า ท่านชนะอย่างใสสะอาด ฮา

คิดอยู่นานครับว่าจะเป็นลีดเดอร์ดีหรือไม่ เพราะสมัยที่ยังเป็นเด็กหัวเกรียนอยู่ที่โรงเรียนนั้น ลีดเดอร์นั้นมีแต่ตุ๊ด

จำได้ว่า เมื่อตกลงรับปากว่ายอมเป็น ผมตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะพิสูจน์ให้ได้ว่า ไม่ต้องเป็นตุ๊ดก็ทำได้ ฮ่า ฮ่า

เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย ทำได้ด้วยเหรอ นึกภาพไม่ออกเลยอะ

เอ ... โอ๋ อรวรรณ ไม่ใช่ อรพรรณ ใช่ไหมนะ ถ้าจำไม่ผิดนะ

แม่ลูกจัน

จันเก่งกว่าผมอีกนะครับ อรวรรณ ต่างหาก

ที่ลืมไปก็เพราะเราไม่ค่อยได้ใช้ชื่อนี้เรียกเพื่อนคนนี้ จันคงทราบดีว่า เราเรียกว่าอะไร

หวัดดีค่ะพี่แป๊ะ

ฝากความคิดถึงพี่จิ๋มด้วยค่ะ

โห ลูกโตแล้ว เล้งยังไม่เริ่มนับ0เลยง่า

สวัสดีครับเล้ง

ดีใจจังที่ได้เจอ ไอ้ตัวเล็ก

ตอนนี้เล้งอยู่ที่ไหนครับ

เรื่องไม่มีลูกอย่าไปสนใจ คนเราแข่งบุญวาสนานั้น แข่งกันยากครับ ฮา

ตอนนี้เป็นแพทย์อยู่รพ.พระมงกุฏค่า เป็นทหาร(เด็ก)

อยู่หน่วยนิวโร (รักษาบำบัดตัวเองน่ะค่ะ)

อยู่กับพี่เปิ้ลพาสิริค่ะ แต่ตอนนี้พี่เปิ้ลไปเรียน epilepsy ที่ออสเตเรียค่ะ จะกลับต้นปีหน้า

โห ไม่คิดจะแข่งบุญวาสนากับพี่แป๊ะหรอกค่ะ แค่สีผิวก็แพ้กระจุย

เล้ง

สุดยอดครับน้อง บุคลิกสมตัว 55

เอ๊ะ ตกลงหนูเป็นหมอเด็กหรือหมอ med อ่านแล้วก็ชักงงงง น่าจะเป็น med เพราะเปิ้ลเป็นหมอ med นี่นา

พวกเราอยู่พระมงกุฎหลายคนนะ

รุ่นพี่ก็มีปัญญาและอุ้ย

เป็นเด็กรักษาผู้ใหญ่ค่ะ (หมดเม่ดค่า)

พี่ปัญญาอยู่ ortho ลูกอายุราว2ขวบ

พี่อุ้ยอยู่ eye ยังไม่มีบุตร (หุ หุ)

น้องแป้งหน้าเหมือนพี่จิ๋มสำเนาถูกต้องเลย

ส่วนน้องจ้านี่รอยยิ้มละม้ายคุณพ่อนิ

เล้ง

ลูกพี่ทั้ง 2 มันออกมายังกะแกะ

เพราะตอนอายุเท่ากัน หน้ามันเหมือนกัน จนลูกคนเล็กดูรูปพี่สาวมัน ยังบอกว่าเป็นรูปตัวเธอเองเลย

ขอชมหน่อย เล้งเก่งมากที่สามารถใช้ระบบของ blog gotoknow เป็น เธอแน่มาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท