ต้นมะม่วงสูงแผ่กิ่งก้านกว้างใหญ่ มะม่วงต้นนี้มาอยู่หน้าบ้านของแตงโมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาแตงโมก็เห็นมะม่วงต้นนี้แล้ว แตงโมชอบวิ่งเล่นใต้ต้นมะม่วงเพราะมันเย็นดี บางทีก็เก็บเอาลูกมะม่วงสีเหลืองๆที่หล่นอยู่ใต้ต้นมาปาเล่น คุณพ่อกับคุณแม่ช่วยกันสอยเอาลูกมะม่วงลงมาแล้วสั่งให้แตงโมนำเอามะม่วงเหล่านั้นไปให้คุณตาคุณยายที่อยู่ข้างบ้านบ่อยๆ
คุณตากับคุณยายก็จะพูดว่า
“ขอบใจนะจ๊ะหนู”
แตงโมเองก็ยิ้มชอบใจแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ถึงต้องให้มะม่วงกับคุณตาคุณยายข้างบ้านด้วย
วันหนึ่งคุณพ่อกับคุณแม่และแตงโมนั่งอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นเดิม คุณพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ส่วนคุณแม่ก็กำลังปอกมะม่วงสุกใส่จาน แตงโมจึงถามคุณพ่อกับคุณแม่ว่า
“คุณแม่ครับ ทำไมเราต้องเอามะม่วงไปให้คุณตาคุณยายข้างบ้านด้วยหล่ะครับ”
คุณแม่จึงตอบว่า
“ก็เพราะว่าต้นมะม่วงมันออกลูกเยอแยะ เรากินไม่หมด พอมันสุกก็หล่นลงมาเน่าหมด คุณตาคุณยายท่านเป็นเพื่อนบ้านของเรา เราต้องรู้จักมีน้ำใจแบ่งปันของกินให้คนอื่นไงจ๊ะ”
แตงโมทำหน้าสงสัยก่อนจะถามต่อว่า
“แล้วทีคุณตาคุณยายไม่เห็นมีน้ำใจเอาอะไรมาแบ่งให้เรากินบ้างเลย”
คุณพ่อตอบว่า
“การที่เราการมีน้ำใจให้คนอื่นเราก็ต้องไม่หวังผลตอบแทนจากคนอื่นนะครับลูก”
แตงโมนิ่งไป ได้แต่เก็บความสงสัยบางอย่างเอาไว้
เย็นวันหนึ่งคุณแม่ไปรับแตงโมที่โรงเรียนเหมือนทุกๆวัน พอกลับถึงบ้านคุณแม่กำลังไขกุญแจประตูรั้วอยู่ แตงโมก็รู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาแย่งประเป๋าใส่เงินของคุณแม่แต่คุณแม่ไม่ยอมจึงเยื้อแย่งกระเป๋ากับผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับร้องเรียกให้คนช่วย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนวิ่งราว”
แตงโมได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ เสียงคุณแม่ดังขึ้นอีก
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยทีคนวิ่งราว”
ทั้งสองคนยังยื้อแย่งกระเป๋ากันอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงคุ้นหูแตงโมดังขึ้นมา
“หยุดนะ หยุดนะ ใครช่วยจับที” เสียงนั้นเป็นเสียงของคุณยายที่อยู่ข้างบ้าน
“เอ้า ใครช่วยเรียกตำรวจที เรียกตำรวจมาจับขโมยเร็วๆ” เสียงของคุณตาข้างบ้านก็ตะโกนขึ้นพร้อมกับวิ่งมาที่หน้าประตู ขโมยผู้หญิงคนนั้นตกใจจึงวิ่งหนีไป
แตงโมได้แต่ยืนดูแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ คุณตากับคุณยายจึงเข้ามาหาคุณแม่กับแตงโมแล้วถามขึ้นว่า
”เป็นอะไรหรือเปล่า”
คุณแม่ตอบว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ขโมยเอากระเป๋าเงินไปไม่ได้ พอดีคุณตากับคุณยายมาช่วยไว้ทันค่ะ”
คุณตากับคุณยายจึงช่วยกันปลอบ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ขโมยพวกนี้มันวิ่งราวเอาเงินไปเล่นหวยบนดินบ้าง เล่นการพนันบ้างหรือไม่ก็ติดยาเสพติด”
แตงโมเริ่มหายตกใจแต่ในใจของแตงโมกลับรู้สึกดีใจที่คุณตากับคุณยายมาช่วยคุณแม่ได้ทัน
ค่ำวันนั้นหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแตงโมก็ออกมายืนเกาะรั้วไม้เก่าๆหันไปมองบ้านคุณตากับคุณยาย แล้วกำลังคิดอะไรบางอย่างก่อนจะยิ้มนิดๆที่มุมปากอย่างเข้าใจ
: D นึกถึงนิทานตอนเด็กๆเลยครับ
ที่ว่าจับปลาได้ 1 ตัว พ่อ แม่ ลูกก็เถียงกันว่าจะเอาไปทำอะไรกิน ระหว่างพ่อแม่เถียงกัน ลูกก็แล่เนื้อปลาไปแบ่งเพื่อนบ้าน จนโดนพ่อแม่ดุ
แต่เพื่อนบ้านเหล่านั้น วันหลังๆต่างก็นำปลา + อาหาร + ผลไม้มาแบ่งปันบ้านนี้เพราะซึ้งในน้ำใจ
ดีค่ะ