พระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงความเป็นแม่ที่สำคัญๆไว้สองประการคือ "มารดาเป็นพรหมของบุตร"นั้นหนึ่ง"มารดาเป็นมิตรในเรือนตน" นั้นอีกหนึ่งท่านผู้รู้ได้เขียนถึงความจริงทั้งสองส่วนนี้ส่งเสริมรับรองคุณธรรมนี้ไว้ว่า
แม่....เป็นครูผู้สอนแต่ตอนต้น
แม่....ทุกคนอุดมพรหมวิหาร
แม่....มีเมตตากรุณามุทิตาการ
แม่....มีญาณอุเบกขาเป็นอารมณ์
แม่....เหมือนพระอรหันต์อันสูงสุด
แม่....หวังบุตรธิดาอย่าขื่นขม
แม่....กับลูกผูกมิตรจิตชื่นชม
แม่....จึงสมภาษิตมิตรในเรือน
แม้คำสอนขั้นโลกุตตระธรรม จะบ่งบอกสัจจะข้อหนึ่งว่า"ความเกิดเป็นทุกข์"รวมถึงทุกข์ของผู้ให้กำเนิดผนวกเข้าไปด้วยว่า"เกิดมาก ทุกข์มาก เกิดน้อย ทุกข์ทุกข์น้อย ไม่มีการเกิดก็ไม่ต้องทุกข์เพราะการเกิดเลยก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นแม่ลดน้อยลง จะเป็นแม่โดยไม่ได้เจตนา หรือตั้งเจตนาก็ตามแม่เหล่านั้นก็ยังส่งเสียงพร่ำรำพันให้ได้ยินตลอดมาถึงความทุกข์นานาชนิด..เริ่มตั้งแต่
เมื่อลูกเกิด กายแม่เจ็บ เหมือนเหน็บศร
เมื่อลูกมรณ์ แม่เจ็บใจ เหมือนใครหยาม
ตอนลูกอยู่ แม่ช่วยชู ให้เด่นงาม
เห็นลูกทราม แม่ห่วงนัก คอยตักเตือน
หากลูกทุกข์ แม่พลอยทุกข์ ไปกับเจ้า
ลูกหายเศร้า แม่สุขใจ ใครจะเหมือน
แม่กับลูก ผูกพันจิต มิตรในเรือน
เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งแม่ มิตรแท้เอย
พ่อแม่ดี มีคุณ กับลูกมาก
สู้ลำบาก หาเลี้ยง จนโตใหญ่
ยอมอดอยาก เพื่อลูก อยู่ร่ำไป
จะหาใคร เหมือนพ่อแม่ นั้นไม่มี
เปรียบพ่อแม่ เช่นโคมทอง ของชีวิต
ช่วยชี้ทิศ ช่วยนำทาง ช่วยสร้างสรรค์
ให้ความรัก ให้ความรู้ ชูชีวัน
ลูกจงหมั่น กตัญญู รู้แทนคุณ
(เพื่อชีวิต จิตสำนึกที่ดีงามที่มีต่อกัน พ่อแม่ลูก)