อ่านไม่คล่อง เขียนไม่คล่อง
เนื่องจากเป็นเด็ก LD.จะแก้อย่างไรดี
ครูส่วนใหญ่ในบ้านเรา เมื่อพบว่าเด็กนักเรียนมีปัญหาเรื่องการอ่าน การเขียน ก็มักจะแก้ไขโดยเพิ่มเวลาให้เด็กนักเรียนคนนั้น อ่าน เขียน มากขึ้น เช่นให้ มาอ่านตอนพักกลางวัน หรือให้มาตอนเย็นหลังเลิกเรียน ครั้งละ 15 นาที 20 นาที เด็กหลายคนที่แก้ไขด้วยวิธีนี้ได้ผล แต่ก้มีอีกหลายคนเหมือนกันที่แก้ไขด้วยวิธีนี้ไม่ได้ผล
เพราะอะไร!?!?!???
อยากรู้ปัญหา และวิธีแก้ไขสำหรับเด็กกลุ่มนี้ โปรดคลิ๊ก ที่นี่ ที่นี่ ที่นี่ ที่นี่ และ ที่นี่
เท่าที่ผมได้ลองเข้าไปติดตามศึกษาว่าคนในวงการศึกษาของเราคิดกันอย่างไร และจัดการกับปัญหานี้กันอย่างไร
พบว่า ส่วนใหญ่ไปติดอยู่กับปัญหาในทางเทคนิคมากไป เช่น ต้องตรวจสอบด้วยเครื่องมือ และผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะไม่กล้าไปจัดการแก้ไขอะไร รู้สึกเป็นเรื่องอ่อนไหว กังวลกับความเสื่อมเสียชื่อเสียง อะไรทำนองนี้
ผมคิดว่าถ้า ลองได้ศึกษาถึงธรรมชาติของเด็กประเภทนี้อย่างเข้าใจ ก็จะรู้ว่าไม่ใช่ปัญหาวิกฤติอะไร โดยทั่วไปเด็กประเภทนี้มีข้อเด่น ๆอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นบางคนมีสติปัญญาสูงกว่าคนปรกติด้วยซ้ำ อาการร่วมอื่น ๆ เช่น สมาธิสั้น ก้าวร้าว เซื่องซึม สำหรับเด็กประเภทนี้โดยทั่วไปจะไม่รุนแรง ไม่ค่อยเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขมากนัก ต้องถือว่าใครมีลูกที่เป็น LD เป็นคนโชคดีมากว่า
ในฐานะที่พวกเราเป็นครู เราไม่สามารถจะไปบ่งชี้ว่าเด็กเป็น LD หรือไม่เป็น และผมคิดว่าไม่มีความจำเป็น ที่จะเอาป้ายไปแขวนคอเด็กว่าเป็น LD
เพียงครูลองสังเกตพฤติกรรมของเด็ก ที่มีปัญหาเรื่องการอ่านการเขียน หรือเลข ว่ามีพฤติกรรมที่ส่อจะมีแนวโน้มว่าอาจจะมีสาเหตุเนื่องจาก LD ไม่ใช่ปัญหาทางสติปัญญาโดยตรง เราก็สามารถลงมือแก้ไขได้โดยไม่ต้องพูดว่า หรือบอกใคร ๆว่า เรากำลังแก้ไขเด็กคนนี้อยู่ และเราเชื่อว่าเด็กคนนี้เป็น LD
ในทางวิชาการด้านการศึกษาพิเศษยืนยันว่า เด็กเหล่านี้มีปัญหาเกี่ยวกับสมองบางส่วนที่เกี่ยวกับการรับรู้ ทำให้การรับรู้เรื่อง ขนาด ทิศทาง ระยะ และสี ของเขาเสียไป วิธีการแก้ไขคือ การหาวิธีการ หรือเครื่องมือที่ไปกระตุ้นสมองส่วนอื่นให้ช่วยทำหน้าที่ด้านการรับรู้ดังกล่าวขึ้นมาแทน ผมได้ไปดูเครื่องมือที่นักการศึกษาพิเศษสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยกระตุ้นให้สมองส่วนอื่น ๆสามารถทำหน้าที่แทนได้ ก็พบว่า เครื่องมือนั้น คล้าย ๆแบบฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมของเด็กอนุบาล ซึ่งคุณครูสามารถพัฒนาขึ้นใช้เองก็ได้ เพียงสนใจศึกษาหลักการสักนิดหนึ่ง แล้วนำมาให้เด็ก ๆ เหล่านั้นได้เล่น เน้นให้เป็นการเล่นสนุก ๆ ยิ่งถ้าได้ออกแบบให้สอดคล้องกับอุปนิสัยของเขาก็จะดีมาก ๆ ให้เขาได้กระทำซ้ำ ๆสักระยะหนึ่งครูจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ แท้ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์อะไร มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว ที่มันจะสร้างความสามารถในการรับรู้โดยอวัยวะอื่นเข้ามาทำหน้าที่แทนอวัยวะที่มีหน้าที่โดยตรงที่ขาดหายไป เช่น เรามักพบว่าคนตาบอดมักมีหูและจมูกดี เป็นต้น
ในขณะที่เราอยู่ในช่วงที่ดูแลแก้ไขเด็กนักเรียนดังกล่าวอยู่ ก็อย่าเพิ่งไปกดดัน หรือยัดเยียดการอ่านการเขียนให้กับเขา ครูควรหาวิธีการเรียนรู้วิชาต่าง ๆโดยใช้การพูดการฟังเป็นหลักไปก่อน และในเรื่องที่สามารถเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ ก็เน้นให้ปฏิบัติเป็นหลัก ใช้การสื่อสารด้วยการพูดการฟังประกอบ จนกระทั่งแน่ใจว่าเขาสามารถอ่านเขียนได้อย่างมีความสุขแล้ว ค่อยใช้การอ่านการเขียนเป็นเครื่องมือของการเรียนรู้ต่อไป
โปรดทราบ ในโลกนี้มีอัจฉริยะหลายคน ที่เป็น LD มี ดร. หลายคนที่เป็น LD ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยให้เด็ก ๆ เหล่านี้สามารถสร้างคุณประโยชน์แก่โลกได้อย่างเต็มศักยภาพของเขา
Paaoobtong
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กราบสวัสดีค่ะ
ขอเล่าก่อน เมื่อเช้านี้ครูต้อยได้เชิญสัตว์แพทย์มาฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้า
ให้กับสุนัขRIMROAD 4 ตัวค่ะ
และเหมือนจะรู้ตัวนะคะ ไม่ต่างจากเด็กเลยพอรู้ว่าเป็นหมอก็กลัว
ทั้งๆที่เราไม่เคยพูดให้ได้ยิน และพวกRINROAD น้อยๆทั้ง4 ตัว
ก็ไม่เคยเจอกับหมดนอกจากหมอต้อย อิอิ
มันมีปฏิกริยาเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แปลกใจมากค่ะ
อ.บันทึกแบบนี้อยากให้มีมากๆ เพราะเป็นบันทึกจากประสบการณ์
ทำให้ได้คิด และเป็นแนวทางนำไปปฏฺบัติ
เคยมีนักเรียนแบบลักษณะเด่น แบบนี้หลายคน
แต่เมื่อให้เขาทำกิจกรรมอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องการฝึกอ่าน
เช่นน้องนท์ ที่ตกซ้ำชั้นบ่อย เหตุเพราะขาดเรียน ตกบ่อยก็เบื่อค่ะ
สังเกตเห็นน้องนท์จะมาโรงเรียนเมื่อมีกิจกรรม
ใครๆก็พากันรังเกียจอิทธิพลจากคำพูดของ
ผู้สอนทำให้น้องนนท์ไม่อยากมาโรงเรียน
ครูต้อยพบน้องนท์เมื่อเธฮมักมายืนเกาะหน้าต่าง
ยิ้ม และมีดวงตาที่อยากร่วมกิจกรรมในชั้นเรียนบ่อยมาก
บางครั้งน้องนนท์จะมายืนข้างๆ แล้วช่วยทำงานรดน้ำต้นไม้
ล้างท่อน้ำหน้าอาคารเรียน หลังโรงเรียนเลิก
ได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าน้องนนท์นั้นสามารถตีกลองเชิดสิงโตได้
และร้องเพลงได้ วันแม่ที่ผ่านมาทุกคนได้แสดงหมด
ครูต้อยส่งน้องนท์ขึ้นเวทีท่ามกลางความตกตะลึงของคณะทำงาน
ถึงกับเรียกน้องนท์ลงจากเวที
แต่ครูต้อยขอร้อง และขอเอาตัวเองเป็นหลักประกัน
ผลปรากฏว่าเด็กน้อยทุกคนในโรงเรียนรวมทั้งครู ผู้สอนต่างตะลึงเป็นรอบที่สอง
เพราะน้องนนท์สามารถทำให้เด็กเกือบทั้งโรงเรียนลุกขึ้นร้องเพลงตาม เต้นตาม
เวทีแทบถล่ม รู้สึกน้ำตามันเต็มเป้าตา
หลังจากนั้นครูต้อยขอให้เพื่อนครูที่ควบคุมดูแลเครื่องเสียงของรร.
ได้ให้โอกาสน้องนนท์ ฝึกร้องเพลงจากคาราโอเกะ
และหลังจากนั้นอีก 2 เดือน น้องนท์ได้ขึ้นเวทีให้มูลนิธิชม
อ.เชื่อไหมคะว่าน้องนนท์อ่านเพลงจากจอคอมได้
ปีนี้ทางรร.ประชุมให้ครูต้อยคงทำหน้าที่ครูประจำชั้นป.6
แต่ครูต้อยขอคัดค้านคอเป็นเอ็นว่าขอประจำชั้น ป5
ด้วยเหตุผลในที่ประชุมว่าอยากปั้นเด็ฏจิตอาสารุ่นใหม่
แต่จริงๆแล้วครูต้อยอยากทำหน้าที่ครูประจำชั้นของน้องนนท์มากที่สุด
เมื่อวันสำเร็จมาถึง น้องนท์จะต้องมาปรากฏให้อ.เห็นนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ
รีบไปหน่อยพิมพ์เด็กผิดค่ะ