เดิมเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการออกหนังสือรับรองสิทธิ์การเบิกค่ารักษาพยาบาล(คนไข้ใน) มีเจ้าหน้าที่คนเดียวทำ จึงทำให้การให้บริการเกิดปัญหา เมื่อเจ้าหน้าที่ขาด หรือลา และส่วนมาก ผู้มาติดต่อจะมายื่นหนังสือและรอรับหนังสือในวันที่ผู้ป่วยจะออกจากโรงพยาบาล ปัญหานี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนในกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชนจึงนำมาเป็นประเด็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน โดยได้แนวความคิดเรื่องการทำงานแทนกัน มาวิเคราะห์ว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการออกหนังสือรับรองสิทธิ์การเบิกค่ารักษาพยาบาลได้หรือไม่อย่างไร ผลสุดท้ายก็ได้วิธีการปฏิบัติที่ดี โดย ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเล่าขั้นตอนการออกหนังสือรับรองสิทธิ์ เทคนิคการตรวจสอบ และการออกหนังสือจากต้นสังกัดถึงโรงพยาบาล จนทุกคนเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติ และทดลองเหตุการณ์สมมุติ ผลคือเพื่อนทุกคนในกลุ่มสามารถทำการออกหนังสือรับรองสิทธิ์ได้ทุกคนโดยใช้เวลาใกล้เคียงกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยตรง และเพื่อจัดระบบให้คล่องตัวจึงนำเทคโนโลยีมาช่วย คือ ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เขียนขั้นตอนการดำเนินการ ตัวอย่างหนังสือรับรองสิทธิ์ ไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทุเครื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถออกหนังสือรับรองสิทธิ์ได้ทุกคน จนทำให้ผู้มาติดต่อมีความพึงพอใจ จนเกิดคำว่า "ทุกคนทำได้" (Everyone can do) ซึ่งเป็นBest practice ของกลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน สพท.ลบ.1
ต่อมา ก็นำหลักการ วิธีการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับงานอื่น ๆ ที่ต้องให้บริการแก่ผู้มาติดต่อ ได้แก่ งานตรวจสอบวุฒิการศึกษา ทำให้ ผู้มารับบริการมีความพึงพอใจ เช่นเดียวกันถึงแม้จะตรวจค้นหลักฐานไม่พบ แต่จากการที่เจ้าหน้าที่เต็มใจให้บริการช่วยค้นอย่างเต็มที่
สาเหตุที่ผู้มาติดต่อขอรับบริการมีความพึงพอใจ เพราะไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถให้บริการได้ มาแล้วสำเร็จก็พึงพอใจ ไม่สำเร็จก็พึงพอใจ นั่นเอง
ไม่มีความเห็น