...วันนี้ผมมีความภาคภูมิใจที่พาเที่ยว Provence ไปในหมู่บ้านที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุด (อีกแล้ว) อีกแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส "un des plus beaux villages de France" ครับ...
Roussillon (ผมอ่านว่า คูส-สิ-ยง) อยู่ในเขตการปกครองที่เรียกว่า โว-คลูส ( Département du Vaucluse) มีประชากรเพียงแค่ ประมาณ 1200 คน สูงจากระดับน้ำทะเล 345 เมตร
ด้านบนนี้..เป็นนาฬิกาแดดครับ...สามารถบอกได้ละเอียด นอกจากเวลาแล้ว ยังบอกวัน เดือน ปี ได้ด้วยนะครับ...ยืนดูอยู่ครู่หนึ่งครับ
...การเดินทางไปก็เหมือนเดิมครับ ผมก็เช่ารถเล็กๆขับกันไปกับเพื่อนๆ โดยออกเดินทางจาก Aix en Provence มีทางเลือก 2 ทางครับ รักสบายก็ขึ้นทางด่วนไปเลยครับ แต่จะอ้อมหน่อย ประมาณ 90 กม.ได้ล่ะครับ...หรืออาจจะไปทางธรรมดาก็ได้ครับ แค่ 58 กม.เท่านั้นเอง..หากเลือกแบบหลังนี่จริงๆแล้วก็มีข้อดีหลายข้อนะครับ...แน่ๆไม่ต้องเสียค่าทางด่วน...
ไปถนนสายธรรมดา (La Route Nationale) นี้ เพื่อนๆจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ท้องไร่ ท้องนา สวนเกษตร บ้านเรือน แบบโพรวองซ์ๆ เห็นแล้วก็จะสบายตา สบายใจครับ...มีข้อเสียนิดเดียวคือเมื่อเลือกไปทางนี้ ขับรถไปจะต้องเจอกับวงเวียน (Round Point) จำนวนมากมีไปตลอดทาง ขับๆวนไปเรื่อย อีกทั้งความเร็วก็ได้มากที่สุด 90 กม./ชม. ทางนี้ก็จะต้องขับผ่านหมู่บ้านต่างๆไปเรื่อยๆ พอเข้าหมู่บ้านก็ได้แค่ 50 หรือไม่ก็ 30 จึงเป็นเหตุให้อาจจะไปถึงที่หมายได้ช้าหน่อยน่ะครับ...เอาเป็นว่าจาก Aix en Provence ก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ ก็จะมาถึงยังหมู่บ้าน Roussillon
Roussillon เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ ภูเขาแถวๆนี้จะเป็นสีแดงๆครับ อันเนื่องมาจากว่าภูเขาเหล่านั้นมีแร่ธาติธรรมชาติ คือ Ocre (อ่านว่า อ๊อค(เคอะเบาๆ)) ที่เป็นส่วนประกอบของดินเหนียว แมงกานีสหรือออกไซด์เหล็ก ทำให้มันออกมาเป็นสีแดงๆ ส้มๆ เหลืองๆ อย่างที่เห็นด้านบนนั่นล่ะครับ
ปกติแล้วหมู่บ้านนี้มีประชากรประมาณพันสอง...แต่ที่นี่มักจะเต็มไปด้วยผู้มาเยือนครับ...จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวยิ่งช่วงอากาศดีๆนะครับ
ประตูนี้..เป็นพระเอกครับ..ทำไมหรือครับ..สงสัยมีปรากฎอยู่ในโปสการ์ดของหมู่บ้านนี้ครับ..ใครผ่านไปผ่านมาก็เลยต้องขอชักภาพซะหน่อย
เมื่อเดินเข้ามาในหมู่บ้านนี้..สองข้างทางก็จะเป็นบ้านเรือน..ที่มีสีสันออกโทนสีแดงๆ เป็นไปในแนวทางเดียวกันตลอดทั้งหมู่บ้านครับ
หลายๆหมู่บ้านในฝรั่งเศสมักจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมักจะเหลือร่องรอยประวัติศาสตร์เหล่านั้น ให้เป็นที่เก็บเงินนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราที่ดั้งด้นไปดูกัน แต่หมู่บ้าน Roussillon นี้ ไม่ได้มีเรื่องราวและร่องรอยสำคัญๆให้ดูเหมือนที่อื่นๆ สำหรับที่นี่แนะนำให้ไปดูความสวยงาม สีสันอันได้มาจาก Ocre ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง
รูปนี้เป็นศิลปะนะครับอย่างคิดมาก
ประวัติศาสตร์จะว่าไม่มีเลยซะทีเดียวก็ไม่ได้ครับ เมื่อปี ค.ศ.1780 นาย Jean Etienne Astier ได้ค้นพบว่าที่นี่มี Ocre ที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนประสมทำสี ใช้ผสมปูนทาบ้านเรือน และอื่นๆได้อย่างสวยงาม และทางการก็ได้อนุญาตให้นาย Jean Etienne Astier เป็นผู้ผลิต Ocre รายแรก ต่อมาในปี ค.ศ.1810 การขยายตัวของการผลิต Ocre ก็มีมากขึ้น โรงงานใหญ่ๆก็เกิดขึ้นตามมา ทำให้เกิดมลภาวะโดยเฉพาะฝุ่นสร้างความเดือนร้อนให้กับชาวบ้านที่นี่อย่างมาก อย่างไรก็ตาม Ocre จึงเป็นสมบัติอันล้ำค่าและกลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านนี้จนถึงปัจจุบัน
ด้านบนนี้ก็เป็นหอระฆัง มีนาฬิกาด้วย...เป็นประตูเมืองเก่าแก่ ช่วงศตวรรษที่ 19 ก็ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นมุมหนึ่งของโบสถ์ประจำเมืองด้วยครับ
อันนี้ผมชอบครับ...นอกจากบ้านเรือนมีสีสันสวยงามแล้ว...รถแถวๆนั้นก็คันเล็กๆ (เหมาะกับหมู่บ้านเล็กๆ ขับสะดวก) และสีสันก็สวยงามไม่แพ้กัน
ช่วงที่ผมไป พร้อมกับเก็บภาพมานี้ เป็นต้นเดือน พ.ค.ครับ อากาศกำลังดีครับไม่ร้อนจนเกินไป ท้องฟ้าก็ฟ้าใสเชียวล่ะครับ ลมพัดเบาๆกำลังสบายจริงๆ...และแน่นอนครับช่วงนี้ล่ะเป็นช่วงที่เราจะได้เห็นดอกไม้สวยๆเต็มไปหมดครับ
ป้ายด้านบนนี้...เค้าเตือนน่ะครับว่า..อันตรายนะ จุดนี้อยู่สูง 35 เมตรนะ ให้ระวัง..โดยเฉพาะเด็กๆน่ะครับ...ก็สูงน่ะครับ มองไปรอบๆก็เห็นภูเขารอบๆเป็นสีแดงๆอยู่ครับ
ว่ากันว่ามาเที่ยวยุโรป หากเป็นคนไม่เข้าวัดเข้าวา (รวมทั้งเข้าโบสถ์ด้วย) แล้วล่ะก็ ท่านจะขาดที่เที่ยวไปกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวครับ...ก็แหงล่ะครับไปที่ไหนเค้าก็มีโบสถ์ประจำเมือง..และมักจะสวยงาม เก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง..ที่นี่ก็อีกเช่นกันครับ พลาดไม่ได้
โบสถ์แห่งนี้ชื่อว่า Eglise St Michel เริ่มมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ครับ..ก็เก่าใช้ได้นะผมว่า...ขนาดกระทัดรัดเหมาะกับจำนวนคนดีครับ
เป็นอย่างไรครับ สีสัน แดงอย่างที่บอกมั้ยครับ..ผมชอบบ้านที่เป็นหินอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ แบบตั้งใจไม่ต้องฉาบปูน..ที่นี่ยิ่งสวยเมื่อมันออกเป็นสีแดงๆอย่างนี้ล่ะครับ...แถมมีสีต้นไม้เขียวๆมาตัดอีก
เดินมานานแล้ว เริ่มเหนื่อยและกระหายน้ำ...นี่ครับ EAU POTABLE เป็นป้ายที่แสดงว่าน้ำนี้..ดื่มได้..ไม่ต้องห่วงครับ..น้ำใส..ไม่แดงอย่างที่คิดหรอก
และที่ขาดไม่ได้ครับ สำหรับที่ที่มักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว...ก็บรรดาร้านค้าต่างๆ ซึ่งมักจะแข่งขันกันตกแต่งร้านให้ น่ารักๆมีสีสัน เต็มไปด้วยของพื้นเมืองและของกระจุกกระจิกสวยๆเพียบ..
หากไม่มั่นใจน้ำจากก็อกเมื่อสักครู่ล่ะก็ ..เดินมาอีกนิดเดียว ก็มีร้านที่บรรยากาศน่านั่ง..สั่ง Pastis (ปาส-ติส คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยอดนิยมแถวนี้) สักแก้ว..ชื่นใจล่ะครับ
Ocre ยังสามารถนำไปทำสีต่างๆได้อย่างสวยงาม ไม่ใช่เพียงแต่สีแดง ส้ม เหลือง ลองดูสิครับ เพียบเลย ...
ทั้งหมด..เริ่มต้นมาจากธรรมชาติที่ให้สิ่งดีๆกับเรามา ความเก่งกาจของมนุษย์เรานี่เอง ก็นำมาพัฒนาต่อยอดจนได้สีสวยๆมาใช้กัน ทำให้มีบ้านเรือนสวยๆ อย่างที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นต้น
อย่างที่บอกไปแล้วครับว่า หมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส เพื่อยืนยันความงามของที่นี่ ปิดท้ายกันด้วยภาพบรรดาศิลปินจำนวนมากที่กำลังตั้งใจถ่ายทอดความงามเป็นภาพเขียนอยู่....หวังว่าภาพเหล่านั้นคงงดงามไม่แพ้ของจริงนะ
ประกาศครับ : เพื่อนๆที่สนใจจะมาเที่ยวชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในโพรวองซ์ ต้องเตรียมตัวได้แล้วนะครับ...อย่าลืมว่าช่วงที่ดีที่สุดจะเป็นปลายเดือน มิถุนายน นะครับ...ใครที่จะมาดูล่ะก็จองตั๋วได้แล้วนะครับ...และกลับไปทบทวนความงามกันก่อนได้ที่...เที่ยวงาน "ลาเวนเดอร์" ที่ Valensole...
สีสัน สวยงาม แดงดี จริงๆค่ะ
ตามมาเที่ยวด้วยคน
ที่เค้าว่าธรรมชาติช่างสรรสร้าง เป็นแบบนี้เอง
สวยงามจริงๆค่ะ
ภาพสวยมากครับมุมมองในการถ่าย องค์ประกอบภาพ แสงเงา เทคนิคในการถ่ายมีครบถ้วนสมบูรณ์
ดีใจได้แวะเข้ามาดูบันทึกพอดีเลยค่ะ ได้ดูรูปจนอิ่มเลย
สวยงาม น่ารักมาก ขอบคุณมากนะคะ
ชอบจัง โปรวองซ์ เคยมีโอกาสได้อ่าน หนึ่งปีแสนสุขในโปรวองซ์
เลยอยากมีโอกาสไปเที่ยวบ้าง
ขอบคุณที่พาเที่ยว โปรวองซ์ค่ะ
ภาพวยมากๆเลยค่ะ
เคยอ่านเรื่องโพรวองซ์มาบ้าง แต่ภาพของคุณ Pompier นี่กินขาดเลยค่ะ สวยจริงๆ
เขียนลงอีกนะคะจะตามมาอ่าน...อยากไปเที่ยวจัง :-)
ตามมาอ่าน/ดูภาพด้วยคน ชอบค่ะ
ชอบกระป๋องสีเรียงกัน สีสรรสวยงามจังค่ะ
ึ
ภาพสวยมาก ๆ ค่ะ คนถ่ายภาพฝีมือเหนือใครค่ะ ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆ ทุกภาพค่ะ
เป็นคนรักสุขภาพ และชอบท่องเที่ยว ยินดีนะค่ะที่ได้รู้จัก blog ดี ๆ .