ลมหายใจปัญญาชนคนชาวค่าย ภาค 2 (3) : มีความหมายใดในกิจกรรม ..


ความฝันของผมก็กลายเป็นความฝันเดียวกับใครอีกหลายคน

ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒  กรกฎาคม  ๒๕๕๑
ผมและทีมงานเดินทางออกจากสวนป่ามหาชีวาลัยอีสานในราวเกือบ ๆ จะบ่าย ๒ โมง   และกลับถึงมหาสารคามในเวลาบ่าย ๔ โมงต้น ๆ
 

 

ระหว่างการเดินทาง  หลายคนนอนหลับราวกับสลบไม่รู้สติ  ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงของความอ่อนเพลีย  และที่สำคัญอีกประการเลยก็คือ  การนอนพักเอาแรง   เพราะไม่ว่าทั้งผมและใคร ๆ  ล้วนมีภารกิจอันยิ่งใหญ่รอให้ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหน้า 

 

ทีมวงแคนต้องบันทึกเทปการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์พื้นบ้านเพื่อส่งเข้าประกวดวงดนตรีโปงลางชิงแชมป์แห่งประเทศไทย  หลังจากปีที่แล้วเคยคว้าอันดับ    มาครองได้สำเร็จ  ส่วนชนะเลิศนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน  แต่เป็นวงโปงลางจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ ของ มมส  นั่นเอง

 

สำหรับผมแล้ว 

ผมจำต้องเร่งรีบไปช่วยน้องนุ้ยจัดทำต้นฉบับหนังสือทำมือเพื่อแจกจ่ายในกิจกรรม ลมหายใจปัญญาชนคนชาวค่าย 
ที่จะมีขึ้นในวันที่  ๑๓  กรกฎาคม

 

ทันที่ที่ส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองขึ้นห้องพัก
ผมก็ไม่รีรอที่จะคว้าเอากระเป๋าและสัมภาระบางอย่างตรงดิ่งไปยังที่ทำงาน  
พอไปถึงก็พบว่าน้องนุ้ย  กำลังรอคอยให้ผมตรวจความเรียบร้อยของต้นฉบับอย่างใจจดใจจ่อ
 

 

เรามีเวลาทำต้นฉบับหนังสือเล่มนี้น้อยมาก
ทั้ง ๆ  ที่เราเองก็พยายามกระซิบกระซาบไปยังผู้รับผิดชอบแล้วว่า 
เร่งให้หน่อย !”   เพราะกระบวนการของการทำหนังสือนั้นมีหลายขั้นตอน  มิใช่จะสามารถเนรมิตขึ้นได้ในเพียงค่ำคืนเดียว

 

 

 

 

 

ผมใช้เวลาอ่านต้นฉบับอยู่หลายรอบ
และยืนยันว่าผมอ่านทุกเรื่อง ๆ ละไม่น้อยกว่า
3 – 4  รอบเลยทีเดียว  ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกเบลอ ๆ  ..ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเครียดขึ้น ๆ   เพราะแต่ละเรื่องที่ส่งมานั้น  เนื้อหาไม่ชัดเจนนัก  รูปแบบการนำเสนอก็ร่ายยาวมาอย่างชวนปวดหัว  ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้กำหนดกรอบต่าง ๆ ให้พอสมควร

 

แต่ก็อย่างว่า -
เรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องของทักษะการเขียน   คนค่ายทั้งหลายอาจสันทัดกับการลงมือทำค่ายมากกว่าการมานั่ง ๆ  นอน ๆ  เขียนเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นได้   แต่ผมก็ไม่ยอมละวางเจตนารมณ์ที่จะให้พวกเขาได้ฝึกฝนการเขียน  ได้เล่าในเรื่องที่เขาอยากเล่า  เพื่อรวบรวมและจัดเก็บเป็นข้อมูลถ่ายโยงไปสู่รุ่นอื่น ๆ
 

 

ไม่รู้สิ -
โดยส่วนตัว   ผมไม่เคยคิดว่าการเขียนเรื่องราวของชาวค่ายนั้น  จะเป็นเรื่องเพ้อฝัน  เรื่อยเปื่อย , สายลมแสงแดด เอาสาระอะไรไม่ได้


ตรงกันข้าม  กลับมองว่า  มันคือกระบวนการของการบ่มเพาะความคิดให้ตกผลึก,  คิดและขบคิดอย่างหนัก  แล้วถ่ายทอดออกมาสู่ผู้อ่าน  ซึ่งก่อนนั้นก็ย่อมถูกเคี่ยวบ่มด้วยการเรียนรู้อันหลากหลาย ทั้งการฟัง
การพูด การดู การสังเคราะห์ ฯลฯ  

และกระบวนการเหล่านี้  ก็อาจช่วยให้คนค่ายได้เกิดการพัฒนาศักยภาพของตนเองผ่านกระบวนการเขียนเรื่องราวกิจกรรมของตนเองได้เหมือนกัน

 

และการเขียนเรื่องราวเหล่านี้
ก็เป็นการเขียนอดีตเพื่อความทรงจำของตนเอง ..
เขียนเพื่อปัจจุบันสำหรับผองเพื่อนในถนนสายนี้
และเขียนเพื่อนาคตที่ใคร ๆ ก็สามารถหยิบจับไปต่อยอดได้อย่างไม่ยากเย็น
รวมถึง ..การเป็นเสมือนสะพานที่พาดผ่านและเชื่อมโยงให้เรา หรือใคร ๆ อีกหลายคนได้หวนกลับมาร่วมรำลึกถึงวันและคืนอันแสนงามของชีวิตในวิถีค่ายอย่างไม่รู้ล้า -

 

 

เพราะผมเชื่อเช่นนั้น  และเชื่ออย่างแรงกล้าเสมอมา  จึงไม่เคยละทิ้งความเชื่อของตนเอง  และพยายามนำมาเป็นเครื่องมือหนึ่งของการพัฒนานิสิต 

 

 

 


หนังสือแล้วเสร็จอย่างทุลักทุเล ...

ผมอ่านทวนจนตาลาย   พร้อม ๆ กับการเกรงใจ
เจ้านุ้ย  ที่ต้องฝืนสังขารมาแก้ต้นฉบับอย่างไม่รู้จบ  แต่พอเห็นหน้าตาหนังสือฉบับสมบูรณ์  รวมถึงปฏิกริยาของน้องนิสิตที่กระหายใคร่อยากได้ไปถือครองนั้น  ก็เชื่อว่าเจ้านุ้ยคงหายเหนื่อยปลิดทิ้ง 

 

และนั่นก็รวมถึงน้องนุชคนสุดท้องอย่าง คุณอติรุจ  อัคมูล ด้วยเหมือนกัน  เพราะเขาคือผู้ที่ออกแบบปกหนังสือเล่มนี้   ซึ่งเราต่างก็ยกนิ้วให้ว่า สวยมาก ..

 

 

 

 

 

 

สำหรับผมแล้ว
ผมไม่ค่อยมีบทบาทอะไรนักหรอก   เป็นแต่เพียงผู้เดินทางกลับมาจัดการกับความฝันที่ยังค้างคาของตนเองเท่านั้น 
 

 

ถึงกระนั้น  ก็ยังถือว่าโชคดีอยู่มาก   เพราะความฝันของผมก็กลายเป็นความฝันเดียวกับใครอีกหลายคน 

 

ผมตั้งชื่อหนังสือนี้ว่า  มีความหมายใดในกิจกรรม :    พร้อมกับคำโปรยปกในอารมณ์ของตนเองว่า บางห้วงตอนในการเดินทางของคนค่ายฯ

 

 

 

 

 

ผมมุ่งหวังเงียบ ๆ (อีกเช่นเคย)  ว่าสักวันหนึ่ง   จะบ่มเพาะให้คนกิจกรรมทั้งหลายมีศักยภาพในการถ่ายทอดเรื่องราวที่ตนเองพบเจอในรูปแบบของการเขียนหนังสือให้จงได้   เพราะหนังสือจะกลายเป็นตัวบันทึกประวัติศาสตร์กิจกรรมทิ้งให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้

 

วันนี้เรื่องราวที่เขาสื่อสารออกมาอาจดูยังไม่ชวนอ่านนัก  
แต่ถ้าเปิดใจสักนิด  ผมก็เชื่อเหลือเกินว่าเรื่องแต่ละเรื่องได้ทำหน้าที่บอกเล่านาฏการชีวิตของค่ายนั้น ๆ  ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว  และสำหรับคนที่ยังไม่มีโอกาสได้พลิกอ่าน   ก็ไม่ต้องกังขาเลยว่า  เมื่ออ่านเสร็จแล้วย่อมได้รับความรื่นรมย์ราวกับไปค่ายนั้น ๆ มาด้วยตนเอง
เลยทีเดียว

 

 

 

 

ของที่ระลึกที่องค์การนิสิตจัดทำขึ้น

และจากนี้ไปคือคำนำที่ผมเขียนขึ้นด้วยอารมณ์ที่บีบรัดจนแน่นและอึดอัด  แต่ก็ดีใจที่ค่ำคืนที่ผ่านมา  มีน้องนิสิตบางคนเดินมาหาแล้วบอกว่า  หนูชอบคำนำที่พี่เขียนเหลือเกิน...

 

...........................................................................................................................

 


อีกหนึ่งคำนำ

เสมือนการเดินทางกับมาปิดประเด็นของความฝันที่เคยชวนใครหลายคนได้ร่วมโปรยหว่านไว้

 

 

 

 

ปลายปี ๒๕๕๐ - 
ครั้งนั้น  ผมกลับมายังกลุ่มงานกิจกรรมนิสิตอีกครั้ง  มาในตำแหน่งรักษาการหัวหน้ากลุ่มงานกิจกรรมนิสิต  ซึ่งหลายคนรู้ดีว่า  การกลับมาครั้งนั้น  หาใช่ความเต็มใจเสียทั้งหมด  ไม่ใช่การกลับมาเพื่อยกระดับการงานที่มีตำแหน่งใด ๆ  สำหรับตัวเองเลยแม้แต่น้อย  หากแต่เป็นการมาตามเงื่อนไขในระบบบางอย่างที่ผมเองก็ไม่คิดว่าจำเป็นใด ๆ ที่จะเอ่ยอ้างไว้ตรงนี้

 

แต่ถึงกระนั้น  ผมก็มีความสุขอย่างมหาศาลกับการได้กลับมาทำงานในจุดที่ตนเองคิดเสมอว่า ที่ตรงนี้ ..คือที่ที่เป็นลมหายใจสำหรับตัวเอง  และเป็นที่ที่ตนเองสามารถทำงานในวิถีแห่งความฝันของตนเองได้อย่างเต็มที่ ..และเต็มกำลัง

 

มีนาคม  ๒๕๕๐  
ผมมุ่งมั่นกับการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานเรื่องการพัฒนาศักยภาพของนิสิต ผ่านมิติของการจัดกิจกรรมนอกสถานที่  โดยการพุ่งเป้าไปสู่การออกค่ายอาสาพัฒนาของชมรมต่าง ๆ  โดยเริ่มต้นจากการพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฐมนิเทศค่ายจากรูปลักษณ์เดิม ๆ  ที่มักจมจ่อมอยู่กับการนำชาวค่ายมานั่งอบรมและรับฟังการพร่ำบอกของบุคลากร  มาสู่การใช้กระบวนการของการจัดการความรู้ (
KM)  เป็นเครื่องมืออันสำคัญของการขับเคลื่อน  ซึ่งมุ่งให้ผู้เข้าร่วมปฐมนิเทศได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  ใครมีอะไรดีก็มาบอกเล่าแก่เพื่อนต่างชมรม  และเปิดพื้นที่ให้มีการระดมความคิดเพื่อค้นหา ความหมายของการทำค่ายและการสานสัมพันธ์ของคนค่าย  โดยไม่ติดยึดกับความเป็นองค์กร

 

ครั้งนั้น, 
ผมรับปากกับนิสิตในห้องประชุมว่าทั้งผมและทีมงานของกองกิจการนิสิต  จะสัญจรไปเยี่ยมค่ายของแต่ละองค์กรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ไม่ว่าไกล
ใกล้, หรือแม้แต่สังกัดองค์การหรือคณะ  เราก็พร้อมที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยียนอย่างปราศจากพรมแดนแห่งการสังกัด  เพราะแท้ที่สุด   ทุกค่ายทุกองค์กรก็มีสังกัดเดียวกันคือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

 

ครั้งนั้น, 
ผมบอกกล่าวชาวค่ายว่า  จะนำภาพชีวิตของคนค่ายต่าง ๆ  มาจัดแต่งเป็นนิทรรศการ  รวมถึงการจัดทำวีดีทัศน์ประมวลภาพค่ายหลากรสชาติ  และนั่นยังรวมถึงการชวนเชิญให้ชมรมต่าง ๆ ได้ส่งภาพค่ายและเรื่อง
เล่าเร้าพลัง มาประกวดกันให้เกิดสีสันของคนทำกิจกรรม  และให้สัญญาว่า  เมื่อทุกคนกลับออกมาจากค่าย  เราจะมีพื้นที่ให้แต่ละคน แต่ละองค์กรได้นำพาเรื่องราวของตนเองที่พบเจอในแต่ละค่ายมาบอกกล่าวเล่าความให้กันฟังในแบบฉบับของเราเอง  ซึ่งนั่นก็หมายถึงกิจกรรม ลมหายใจปัญญาชนคนชาวค่าย  นั่นเอง

 

และคำสัญญานั้นก็ถูกทำให้เป็นจริง  โดยองค์การนิสิตในชุดก่อนได้ร่วมกับชมรมต่าง ๆ  รังสรรค์วันลมหายใจปัญญาชนคนชาวค่ายขึ้นอย่างมีชีวิตในวันที่    กรกฎาคม  ๒๕๕๐    โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ มมส.

 

งานในค่ำคืนนั้นเป็นเสมือนการจำลองภาพชีวิตของคนค่ายในแต่ละหมู่บ้าน โรงเรียน 
หลายชมรมจัดแต่งซุ้มได้อย่างมีชีวิต 
หลายซุ้มมีการแจกจ่ายของที่ระลึกให้แก่กัน 
หลายซุ้มมีเรื่องเล่าและภาพกิจกรรมอันหลายหลากให้เพื่อน ๆ  ได้เสพสัมผัส 

และค่ำคืนนั้น  ก็มีการมอบรางวัลให้กับภาพถ่ายและเรื่องเล่าที่เราได้เกริ่นกล่าวไว้แล้วอย่างหนักแน่น  รวมถึงการมอบรางวัลให้กับค่ายต่าง ๆ  อย่างชื่นมื่น  มิหนำซ้ำยังได้ร่วมทานข้าวเย็นร่วมกันพร้อม ๆ กับการได้ร่วมชมวีดีทัศน์ของค่ายต่าง ๆ  อย่างขบขันและฉาบแต่งไปด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะปิดค่ำคืนแห่งคนค่ายด้วยเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันพอหอมปากหอมคอ

 

และนั่นคือสิ่งที่ผมพูดไว้ว่า  นี่คือเวทีที่เป็นเสมือนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างไร้พรมแดนของคนค่าย  เป็นการนำพาผลผลิตทางปัญญามาแบ่งปันกันด้วยมิติแห่งการสื่อสารที่ไร้รูปแบบอันตายตัว  เรียกให้เป็นศัพท์การจัดการความรู้หน่อยก็คือ Show  &  Share  ดี ๆ นั่นเอง 

 

....

 

จากวันนั้นถึงวันนี้ นานมากโขเลยทีเดียว -
วันนี้ผมไม่ได้อยู่ในระบบเดิมเหมือนวันที่ผ่านมา  ไม่ได้มีบทบาทอันใดในวิถีกิจกรรมเหมือนเมื่อปีที่แล้ว  แต่ก็เคยได้เข้าไปร่วมในเวทีการปฐมนิเทศของคนค่ายมาแล้วในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๑  

ครั้งนั้น  ผมพาใครหลายคนหลีกหนีไปจากห้องหับของการอบรมในมหาวิทยาลัย ไปสู่ห้วยหนองคลองป่าแถว ๆ บ้านเม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย  จ.มหาสารคาม

 

ครั้งนั้น, 
ผมยังยืนยันว่า  วิถีเดิม ๆ จะได้รับการสานต่ออย่างไม่ต้องกังขา  และที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็คือการจัดทำอัลบั้มเพลงค่ายและคอนเสริ์ตของเพลงค่ายของพวกเรากันทุกคน  และนั่นยังรวมถึงการสานต่อเวที
ลมหายใจปัญญาชนคนชาวค่าย  ด้วยเช่นกัน   พร้อม ๆ กับการรับปากเป็นการส่วนตัวว่า  ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการของงานกิจกรรมโดยตรง  แต่จะพยายามสัญจรไปเยี่ยมเยียนแต่ละองค์กรอย่างเต็มกำลัง

 

วันนี้..
ผมอดไม่ได้ที่จะกลับมาทวงถามถึงเรื่องราวและคำสัญญาเหล่านั้นไม่ได้   พร้อม ๆ กับพยายามขยับเข้าหางานกิจกรรมและองค์การนิสิตอย่างเจียมตัว  เพื่อถามถึงเรื่องราวและคำสัญญาเหล่านั้นที่ดูเหมือนจะแว่วยินอย่างแผ่วเบาจนน่าใจหาย

 

จนในที่สุด ...
ก็มีการยืนยันว่า  เรื่องราวและคำสัญญาเหล่านั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในวันที่ ๑๔  กรกฎาคม ๒๕๕๑  แต่การเกิดขึ้นเหล่านั้นกลับเรียกได้ว่าลุ่ม ๆ ดอน ๆ  กระท่อนกระแท่นอยู่มากมิใช่น้อย  การติดตามเรื่องเล่าเร้าพลังและภาพถ่ายเป็นอย่างติด ๆ ขัด ๆ  ซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า  นั่นเป็นผลพวงมาจากสาเหตุอันใด  จะโดยนิสิตและระบบการจัดการของหน่วยงาน
หรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่กล้าหยั่งชัด !

 

และสำหรับผมแล้ว...
สิ่งเหล่านั้น  มันเป็นความฝันหนึ่งของผม  และเชื่อเหลือเกินว่า  มันเป็นส่วนหนึ่งของความฝันของใครอีกหลายคน  ซึ่งกว่าจะนำพามันกลับมาได้  และกว่าจะเปลี่ยนวิถีคิดและรูปแบบกิจกรรมดังกล่าวก็มิใช่เรื่องง่าย  ครั้นจะปล่อยเลยตามเลยให้มันล่วงลับเคลื่อนหายไปอีกรอบ  ก็คงสะท้อนสะเทือนใจอยู่มากเหมือนกัน

 

เวทีเหล่านี้  ไม่มีเป็นการแสดงงานของคนค่าย  ไม่เพียงเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ของคนค่ายเท่านั้น  แต่มันหมายถึงการเดินทางของความฝันและการแบ่งปันความฝันของคนที่ทำงานเพื่อสังคมโดยแท้  และมันก็เป็นความฝันของคนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยแสวงหาที่ไม่ยอมจำนนต่อห้องเรียนอันแคบคับในมหาวิทยาลัย

 

ท้ายที่สุด..
ผมอยากจะบอกว่าดีใจที่ได้กลับมาทำหนังสือเรื่องเล่าเหล่านี้อีกรอบ  ถึงแม้เรื่องเล่าเหล่านี้อาจดูไม่เข้มข้นเหมือนปีที่แล้ว  มีจำนวนเรื่องน้อยกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด  แต่ก็ยังยืนยันว่าเรื่องเล่าทั้งหมดนี้
มีชีวิตและมีพลัง  เสมอ  ซึ่งพร้อมที่จะเป็นเครื่องมืออันดีในการนำพาคนรุ่นหลังได้เดินตามเส้นทางสายนี้ได้อย่างมี ต้นทุน

 

เสียดายก็แต่  ผมและทีมงานมีเวลาน้อยนิดเหลือเกินในการที่จะจัดทำต้นฉบับเหล่านี้  กระนั้นก็พยายาม..และพยายามอย่างเต็มกำลัง  เพื่อให้เรื่องเล่าเร้าพลังของคนค่าย  ปรากฏเป็นรูปเล่มอันง่ายงามอย่างที่ควรจะเป็น  และรู้ดีแก่ใจว่า  ถ้ามีเวลามากกว่านี้ เราจะทำได้ดีมากกว่านี้ อย่างแน่นอน !

 

ขอบคุณเจ้าของเรื่องเล่าที่ไม่ละทิ้งเรื่องราวและคำสัญญา
ขอบคุณองค์การนิสิตที่เห็นความสำคัญของเรื่องเล่าของชาวค่าย
ขอบคุณงานกิจกรรมนิสิตที่เปิดโอกาสให้ผมกลับมาปิดประเด็นอันเป็นความฝันนี้อีกรอบ
!
และขอบคุณทีมงานพัฒนานิสิตและสารสนเทศทุกคนที่เหนื่อยหนักแค่ไหนก็ยังยืนอยู่เคียงข้างผมอย่างน่ายกย่อง

 

 


โชคดีจงเป็นของทุกคน
พนัส   ปรีวาสนา

๑๓  กรกฎาคม  ๒๕๕๑
๒๑.๓๘ น.
บนโต๊ะทำงานอันแสนรก
!

  

 

 

หมายเลขบันทึก: 194251เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2008 10:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:17 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีค่ะ อาจารย์แผ่นดิน

***

รู้สึกดีที่ได้อ่านบันทึกนี้ค่ะ

ตัวเองก็มีความสุขกับการทำงานกับนศ.มาก

ขอเรียนรู้กับการทำงานของอาจารย์ผ่าน blogค่ะ

***

ด้วยความเคารพ

+ สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน.....

+ มาหวนรำลึกถึงความหลังค่ะ.... 

    "เราอาสาพัฒนาฯใจเริงร่าและสามัคคี ..... มีไม้กระดาน กระเบื้องมุงหลังคา มีเสาเอามา ไม่รอช้าสร้างบ้านเรา มีค้อนตะปู ตอกตีดังไม่เบา มีกบเลื่อย แต่งเสา แต่งกระดานตามต้องการ...."

+ สำหรับความเชื่อของคุณนั้น....

    " โดยส่วนตัว ผมไม่เคยคิดว่าการเขียนเรื่องราวของชาวค่ายนั้น จะเป็นเรื่องเพ้อฝัน เรื่อยเปื่อย , สายลมแสงแดด เอาสาระอะไรไม่ได้ ตรงกันข้าม กลับมองว่า มันคือกระบวนการของการบ่มเพาะความคิดให้ตกผลึก, คิดและขบคิดอย่างหนัก แล้วถ่ายทอดออกมาสู่ผู้อ่าน ซึ่งก่อนนั้นก็ย่อมถูกเคี่ยวบ่มด้วยการเรียนรู้อันหลากหลาย ทั้งการฟัง – การพูด – การดู – การสังเคราะห์ ฯลฯ และกระบวนการเหล่านี้ ก็อาจช่วยให้คนค่ายได้เกิดการพัฒนาศักยภาพของตนเองผ่านกระบวนการเขียนเรื่องราวกิจกรรมของตนเองได้เหมือนกัน "

+ ในฐานะคนค่ายรุ่นเก่า...ขอยืนยันว่าสิ่งที่คุณเชื่อ...นั้นมีประโยชน์จริง ๆ พิสูจน์มาแล้วค่ะ.

+ ชื่นชมยินดี...ม่วนชื่นค่ะ....

  

จองเด้ออ้าย เล่มหนึ่ง

มักๆๆ

+ คุณแผ่นดิน....

+ ถ้าว่างพอ...ก้กรุณาส่งมาทาง อ. หนองจิกสักเล่มนะค่ะ หนังสือค่ะ

+ อย่างน้อยก้มาต่อเติมแรงใจแรงฝันให้ใครบางคนที่นี่ค่ะ

+ ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

ได้อ่านผ่านบันทึก..ก็รื่นรมย์เหลือเกิน

:)

  • ชื่นชมกิจกรรมดีๆนะคะ
  • แตกต่างจากนิสิตนักศึกษาในข่าวหน้าหนึ่งเหลือเกิน
  • พี่ว่าสถาบันการศึกษาต้องจัดกิจกรรมที่เอื้อประโยชน์ให้มากๆนะคะ

สวัสดีครับ...little cat

ไม่ได้ทักทายเสียนาน
ผมเองก็เพิ่งมีโอกาสได้เข้าบล็อกอย่างต่อเนื่องเพียงไม่ถึงสัปดาห์  เปิดเรียนใหม่  มีกิจกรรมให้เข้าร่วมเป็นรายวันเลยก็ว่าได้

ตอนนี้กำลังคิดกิจกรรมที่มีกรอบในทำนองว่า "นวัตกรรมความคิดนิสิต มมส."  ซึ่งหมายถึงการนำเอาผลงานของนิสิตในด้านต่าง ๆ  มาผลิตเป็นสื่อต่าง ๆ  ทั้งในรูปแบบหนังสือ ..วีซีดี  ภาพถ่าย ฯลฯ  เพื่อเผยแพร่ในโอกาสต่าง ๆ

และหวังว่า  กระบวนการเช่นนี้  จะเป็นแรงหนุนให้นิสิตได้มีเวที หรือกล้าที่จะแสดงพลังทางปัญญาให้มากกว่าที่เป็นอยู่

ยินดีร่วมแลกเปลี่ยนเสมอ, นะครับ

 

สวัสดีครับ..แอมแปร์

ในค่ำคืนนั้น
น้อง ๆ ชมรมอาสาก็ขึ้นเวทีร้องเพลงชาวค่ายของอาสา ฯ นะครับ  ร้องไปเล่นกีตาร์ไป ไพเราะและเป็นกันเองมาก

ค่าย ..
เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีของคนหนุ่มสาว
ผมเองก็ได้รับต้นทุนเหล่านั้นสืบมาจนบัดนี้

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ พี่กั๊ด Gutjang

เกี่ยวกับงานนี้  เป็นความฝันที่ต้องตามกลับมาจัดการให้แล้วเสร็จตามพันธะทางใจที่เคยลั่นไว้กับนิสิต

ถึงแม้ระยะเวลาจะบีบรัดจนอึดอัด  แต่ก็ยังถือว่าเป็นการงานแห่งชีวิต และเป็นการงานแห่งความสุขที่ผมอิ่มใจที่ได้ลงมือทำ

และนั่นก็โชคดีที่ทีมงานยังใส่ใจและให้ความสำคัญกับ "ความฝัน" ของผมกับนิสิต ซึ่งนั่นก็น่าจะหมายถึง  เป็นความฝันของทีมงานด้วยเหมือนกัน

....

มีความสุขมาก ๆ นะครับ

สวัสดีครับพ่อ.ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

ตกลงเลื่อนจาก 14 - 17 ส.ค.นี้
เป็น ตารางนี้เลยใช่ไหมครับ  (21-24 ส.ค. 51)

น้อง  ออต ..คับ

บ่ ยาก ๆ ...

สำหรับพี่เลี้ยงคนนี่

อ้ายแอบจิ๊กไว้ให้แล้ว.

สวัสดีครับ. . แอมแปร์

แล้วยังไงจะส่งไปให้สักเล่มนะครับ.  ถึงแม้เรื่องเล่าชุดนี้ดูจะไม่สมบูรณืเหมือนชุดก่อน ๆ   แต่อย่างน้อยก็คงพลอยได้เห็นมุมมองและชีวิตของคนค่ายได้บ้าง

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่กั๊ต  Gutjang

ตอนนี้เรื่องเล่าผ้าป่าหนังสือก็ใกล้เสร็จแล้ว.  คงได้ส่งไปให้ในเร็ววันนี้

และประมาณ 8-10 ส.ค.  ผมและน้อง ๆ สัก 10 คนก็จะไปเยี่ยมที่เด็กรักป่าอีกรอบ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่อ็อด  naree suwan

ปีนี้กิจกรรมรับน้องและประชุมเชียร์ที่มหาวิทยาลัย ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี .. อันเป็นผลพวงของการทำงานหนักของทุกฝ่าย

ที่ มมส.  มีค่ายและกิจกรรมให้นิสิตได้เรียนรู้เยอะแยะมาก.

ขึ้นอยู่กับว่า  นิสิตจะเลือกเข้าเรียนรู้อะไรบ้าง.

......

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท