บ้านเลขที่ ๔๕/๕หม่ ๓ ต.ภาชี เป็นบ้านเพิงหมาแหงนหลังคาสังกะสีขนาด ๓x๖ เมตร ผ่อนที่ดินไว้ ๒ งานด้วยเงินกู้สหกรณ์ครู ตั้งแต่ปี๒๕๒๔ เพียง ๔ หมื่น(สมัยนั้นมีค่าเท่ากับสี่แสน) กลางทุ่งนาหลังโรงเรียนภาชี สมัยนั้นมีแต่ท้องทุ่ง ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ไม่มีใครอยู่ ตอนดึกมีแต่หมาหอนและเสียงลมเพราะเป็นป่าช้าเก่า (ครูติ๋มขายให้เพียง ๖ หมื่นจึงต้องผ่อนส่งทุกอย่าง)ในหน้าแล้งจึงขุดบ่อด้วยจอบสองเล่มกับเมียสุดที่รักขนาด ๖x๓ ลึก ๒ เมตร) เพื่อเอาดินมาพูนถมทำที่ปลูกบ้านเลี้ยงลูกคนโตกับเมีย เก็บผักกินน้ำพริก ขอเพียงให้มีบ้านพร้อมที่ดินเป็นของตนเองจากวันนั้นถึงวันนี้ที่นั่น มีบ้านอยู่หนาแน่น มีน้ำไฟฟ้าถนน สมบูรณ์ดี
สิ่งที่ทำไว้กลับกลายเป็นสมบัติของญาติที่เคารพ จึงจำต้องยกให้ขอไปตายดาบหน้า
ผมพึ่งจะรู้เช่นเห็นชาติ คำพังเพยต่างๆที่ว่า " มีเงินมีทอง นับเป็นน้องเป็นพี่ ....แต่ยามที่ไม่มี(หาวันกินวัน) แม้แต่น้องๆและผู่ใหญ่ที่เคารพ ก็ไม่มอง ... "
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนั้นคือ " หาที่อยู่ที่ดีที่สุดและปลอดภัยเพื่อลูก เมียจะได้อยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคง" .....และแล้ว ผมก็เชื่อแล้วว่า บาป บูญมีจริง เมื่อผมได้รับความช่วยเหลือจากคหบดีหลายท่าน แม้จะมีมารมาขวาง ท่านผ้ใหญ่ที่อุปการะก็ช่วยด้วยจริงใจ จึงไปกราบไหว้เสมอมา ผมจึงบวชถวายในหลวง ๖๐ พรรษาเมื่อ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๙ และถือศีล ปฏิบัติธรรมแต่นั้นมา
ขอบคุณท่านพี่ประจักษ์ สาธุ สาธุ สาธุ
สวัสดีครับ
อนุโมทนาสาธุครับ
ผมเองก็คิดเช่นเดียวกัน จึงได้บวชถวายในหลวง 80 พรรษา เมื่อเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2550 ที่อินเดีย
ถือเป็นโอกาสสร้างบุญใหญ่ในชีวิตครับ
อนุโมทนาบุญครับท่าน พลเดช วรฉัตร