หยุดงานวิจัยไว้สักระยะหนึ่งก่อน แล้วหันมาเขียนบันทึกความคิดต่อ วันนี้มีเรื่องตลกๆในตัวเองอยู่เรื่องหนึ่ง
ความเข้าใจเบื้องต้น ผมเข้าใจว่า พุทธศาสนานั้น เป็นศาสนาที่ไม่บังคับให้ต้องกระทำ หากแต่ลองกระทำดู ถ้าคิดว่าใช่ ก็ลองต่อไป หากไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร เนื้อหาวันนี้ล่วงเลยไปถึง "คตินิมิตในมรณกาล" ที่พระท่านไม่ค่อยจะสอนกันแล้ว หากจะสอนก็สอนอะไรที่ตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ได้และที่วิทยาศาสตร์เข้าถึงได้เท่านั้น ผมก็ได้แต่อ้างว่า คัมภีร์นั้นว่าอย่างนี้ คัมภีร์นี้ว่าอย่างนั้น ประมาณว่า "เต่าแบกคัมภีร์"
คตินิมิตในมรณกาล หมายถึง ภาพที่จะปรากฎก่อนที่จะสิ้นใจ และจะรู้ได้ทันทีว่าตนไปเกิดในภพไหน พร้อมกับบอกนักศึกษาว่า "เรื่องนี้ ไม่เชื่อก็สามารถลบหลู่ได้" จากความง่วงกลายเป็นเฮฮาขึ้นมานิดหนึ่ง ทั้งนี้แล้วแต่บุคลิกเด้อหล่า "เราจะไปทัวร์ที่ไหนกันดี" ... "การจะไปทัวร์ที่ไหนก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้เสมอ อย่างไปเชียงใหม่ก็ต้องดูว่า มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ทำอย่างไรถึงจะไปเชียงใหม่ได้..."
ภพที่จะไปทัวร์หลังตายแล้ว มีอยู่ ๕ ที่คือ ๑) ภพนรก ๒) ภพเปรต ๓) ภพเดรัจฉาน ๔) ภพมนุษย์ ๕) ภพสวรรค์ พร้อมกับคำถามว่า "พวกเราอยากไปที่ไหน ไปนรกไหม หรือไปภพของเปรต" หลายคนบอกว่า "นรกน่าไปอยู่" "ถ้าอย่างนั้นต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้เลย ทั้งเสบียงและสะพานที่จะเชื่อมไปถึง ถ้าเราจะไปภพนรก เราต้องละเมิดศีล ๕ ให้มากๆ อย่าหยุดนะครับ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตกันมากๆ ทำเท่าที่จะทำได้ ลักเล็กขโมยน้อย ปล้นทรัพย์สิน ผิดลูกผิดเมียให้มากๆ ลูกเขาเมียใครไม่ต้องสนใจ โกหกหลอกลวงให้มากๆ และมัวเมาในสุราเมรัยให้มากๆ นี้คือเสบียงและสะพานที่จะเชื่อมต่อให้เราไปทัวร์ในภพนั้นได้" ปรากฏว่า แต่ละคนเริ่มทำลาเลิกลัก หันมาสนใจการอธิบายแบบนี้มากขึ้น ที่ดูเซื่องซึมก็เริ่มเงยหน้าขึ้นและฉายแววฉงนกับอธิบายแบบประหลาดนี้ "เราจะไปกันไหม ถ้าไปต้องเริ่มสะสมเสบียงกันตั้งแต่วันนี้เลยนะ แต่ถ้าใครจะไปทัวร์ภพเปรต ต้องตระหนี่ถี่เหนียวให้มากๆ ใครลำบากยากแค้นแสนเข็ญอย่างไร อย่าได้ให้เขาเด็ดขาด ทำให้บ่อยๆ ทำให้มากๆ ใครจะเดือดร้อนช่างมัน เราจะไม่ช่วยเหลือใครเด็ดขาด ..... นี่คือสเบียงสำหรับ เดินทางไปสู่ภพเปรต ......
วันนี้พบว่า ๑) อย่าเข้าใจว่านักศึกษาไม่สนใจพุทธศาสนา :-) ๒) ผมเชื่อมั่นจากสายตาแวววาวของนักศึกษาเหล่านี้ว่า สิ่งที่ผมพูดไปนั้น เขาเข้าใจความหมายบางอย่าง..
บางเรื่องเป็นเรื่องที่อภิปรายไม่ได้ (อจินไตย) เพราะต่างคนต่างก็ไม่ทราบ ดังนั้นการอภิปรายกันก็จะเสมือน "หมูกัดกัน"
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พระบรมศาสดาสอนไว้เพียงใบไม้ในกำพระหัตถ์เท่านั้นครับ
เมื่อสมัยที่ผมเป็นนักศึกษา เคยวุ่นวายอยู่พักหนึ่งว่าตายแล้วไปไหน เกิดไหม บังเอิญพบพระภิกษุรูปหนึ่ง เรียนถามท่าน ท่านตอบประโยคเดียวว่า "ใครที่ไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง เป็นคนโง่" ผมจึงหมดความสงสัย ทราบว่าไม่ต้องสนใจ เราทำความดีไว้ก็แล้วกัน เพราะเห็นผลปัจจุบัน หากมีชาติหน้าจริงก็คงจะดี
อาจจะเป็นประเด็นคล้ายๆกันนะครับ
สวัสดีค่ะ
อาจารย์สบายดีนะค่ะ
ทุกคนเรียนวิชาพุทธศาสนา มากันตั้งแต่เด็กๆ... เวลาเรียนก็จะง่วงๆ เซื่องซึม...ข้าพเจ้าก็เป็น อิ อิ อิ
ข้าพเจ้าว่าต้องหาเทคนิคที่สามารถดึงดูดให้นักเรียนมาสนใจ ดึงดูดให้มาสนุกโดยที่อย่าไปบังคับเขาอ่ะค่ะ... ความง่วง.... เซื่องซึม....ก็จะหายเป็นปลิดทิ้งเจ้าค่ะ...
ตั้งแต่เด็กจนโต ...ข้าพเจ้าเคยเป็นสารถีให้บิดาและไปแอบนั่งเรียน...หัวเราะตลอดชั่วโมง...เจ้าค่ะ...นศ.ก็หัวเราะ แซวกันไปแซวกันมา ดูสนิทสนมกันดีค่ะ......ก็แปลกไปอีกแบบเจ้าค่ะ...แถมเคยได้ยินนศ.ข้างๆว่านี่อ.จะไปเปิดคณะตลกที่คาเฟ่ไหน บ้างก็ว่าอ.สอนไม่เห็นมีในหนังสือเลย เปิดไม่ทันแล้ว ตอนสอบจะออกอย่างไรเนี่ย ฮา ฮา...ตลกดีค่ะ ... แสดงว่านศ.บางคนยังอยากที่จะท่องแต่ตัวอักษร อิ อิ อิ
ขอให้อาจารย์มีมุขเยอะๆนะค่ะ อิ อิ อิ...
ว่าแต่ว่า ข้าพเจ้าอยากไปภพสวรรค์อ่ะค่ะ...ต้องเตรียมอย่างไรค่ะ
อิ อิ อิ มาอีกรอบค่ะ
จริงๆตั้งใจมาอ่านบันทึก และทักทายอ.นะค่ะ... แต่พูดไปพูดมา นึกถึงแต่บิดาทุกทีเลยค่ะ อย่าถือสานะค่ะ(คงอายุเข้าขั้นนะค่ะ...)
มาเป็นกำลังใจให้ยิ้มเยอะๆๆๆๆค่ะ...จะได้ไม่เครียดค่ะ
สวัสดีครับ "ท่านสาโรจน์"
สวัสดีครับ "my sister"
มาเยี่ยม คุณ นม.
ฮา ๆ เอิก ๆ...เออ...ได้มุมคิดเพื่อการพูดคุยกับคนบางกลุ่มนะนี่...
ผมนึกว่า ชวนไปเที่ยวเมืองอินเดีย แถว ๆ ริมแม่น้ำคงคา เมืองพาณาณสีนะ มี โรงแรมชื่อว่า...มรณาโฮเตลด้วยนะนี่ ฮิ ฮิ ฮิ...
สวัสดีครับท่านอาจารย์ยูมิ