หลังจากเปิดภาคเรียนได้ไม่ถึงสองเดือนมานี้ ผมสังเกตเห็นนักเรียนส่วนใหญ่เริ่มจะมีเพื่อนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต มีการจับกลุ่มกันมากขึ้น(ข้างบ้านมีหอพักขนาดห้าชั้น) จากเดือนแรกที่เปิดเรียนหอพักที่เคยเงียบเหงาก็มีรถขนของมาจอดวันละเป็นสิบๆ คัน ส่วนใหญ่มาจากชนบทขนของมาส่งลูกหลาน และจะเป็นเครื่องใช้ที่จำเป็นแต่ที่สังเกตเห็นชัดๆ คือทุกคันต้องมีรถมอเตอร์ไซต์มาด้วย ผมเลยตั้งข้อสังเกตว่าหอที่อยู่นี้อยู่ระหว่างวิทยาลัยสองแห่งเดินไม่เกินห้านาทีก็ถึงสถานที่เรียนแล้ว รถมอเตอร์ไซต์มีความจำเป็นมากน้อยเพียงไร สมัยก่อนผมก็เรียนวิทยาลัยแห่งนี้ก็ใช้วิธีเดินไปครับ แต่เด็กสมัยนี้ต้องขี่รถมอเตอร์ไซต์ไปเรียน บางวันโดนตำรวจตั้งด่านจับเดือดร้อนพ่อแม่ต้องเสียเงินอีกแล้ว บางวันเกือบทุกห้องตั้งวงกินเหล้ากันตั้งแต่บ่ายโมงแล้วก็ร้องเพลงเสียงดังมากจนถึงเวลาตีหนึ่งตีสอง ทำให้เป็นคำถามอีกว่าแล้วพวกท่านเอาเวลาไหนไปทำการบ้าน เอาสติที่ไหนไปนั่งเรียน บางครั้งตอนบ่ายๆ ก็พึ่งจะตื่นมากินข้าว กินก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้ไปเรียนกันเพราะไปไม่ไหวทั้งผู้หญิง ผู้ชาย อดไม่ได้ที่ผมจะถามเด็กพวกนี้ที่ร้านค้าบ่อยๆ ว่า ทำไมถึงมาเรียนแถวนี้ แล้วมาจากไหน คำตอบส่วนใหญ่เกือบ 100% ผมตามเพื่อนมาครับ ไม่รู้จะทำอะไรเพราะถ้าไม่มาเรียนพ่อแม่ก็จะให้ทำนาครับมันเหนื่อย ผมเห็นเพื่อนมันมาเรียนแล้วสบายได้เที่ยว มีรถขับ ไม่ต้องทำนาให้เหนื่อย ได้ยินแล้วแทบจะหงายท้องนี่หรือครับคำตอบของอนาคตของประเทศ ถ้าบ้านใครอยู่ใกล้ๆ หอพักลองไปศึกษาวิถีชีวิตเด็กกลุ่มนี้ดูซิครับแล้วคุณจะรู้ว่า ความล้มเหลวของการศึกษาเป็นอย่างไร ทิศทางของสังคมไทยคาดเดาได้ไม่ยากเลยครับ สังคมสกปรกมากๆ มั่วมากๆ อย่างที่บางครั้งเรายังนึกไม่ถึงเลยครับ แล้วอย่างนี้เราจะไม่ช่วยกันดูแลสังคม และอนาคตของประเทศไทยเลยหรือ
ไม่มีความเห็น