มีความสุขใจที่ได้ไปร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเกษตรกรที่บ้านวังเพชร
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2551 ผมและอ.สิงห์ป่าสัก ได้รับการประสานงานจากคุณบุญช่วย เข็มคง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6 ว. ประจำสำนักงานเกษตรอำเภอโกสัมพีนคร กำหนดจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเด็นการผลิตน้ำส้มควันไม้ไว้ใช้ในการเกษตร ที่หมู่ 9 บ้านวังเพชร ตำบลเพชรชมพู อำเภอโกสัมพีนคร (ศาลาเรียนรู้ในสวนคุณลุงสมนึก ศรีสงคราม ) ซึ่งมีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดังนี้
1. คุณบุญช่วย เข็มคง ได้กล่าวทักทายพี่น้องเกษตรกรที่มาร่วมเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้พร้อมได้โยนคำถามให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมเวทีเป็นผู้ตอบ โดยถามว่า วันนี้เราจะมาเรียนรู้กันเรื่องอะไร จากนั้นมีเกษตรกรตอบว่า เราจะเรียนรู้เรื่องการผลิตน้ำส้มควันไม้ไว้ใช้เอง
2. จากนั้นมีแกนนำท่านหนึ่งคืออาจารย์อำนวย ศรีชมพู อดีตข้าราชการครูที่เกษียณราชการแล้วซึ่งอยู่ในชุมชน ได้เอ่ยขึ้นมา พร้อมนำเข้าสู่บทเรียน โดยกล่าวถึงประโ ยชน์ของการใช้น้ำส้มควันไม้ จากนั้น ก็ถึงเวลาสาธิตการทำจริง พร้อมมีการเตรียมอุปกรณ์การทำเตาเผาถ่าน เพื่อเอาน้ำส้มควันไม้
3. มีเกษตรกรท่านหนึ่งชื่ออาจารย์สมศักดิ์ ทองคำ อดีตข้าราชการครู ซึ่งอยู่ในชุมชน ได้สาธิต พร้อมได้อธิบายถึงวิธีการทำเตาเผาถ่านเพื่อผลิตน้ำส้มควันไม้ ประกอบด้วย (1) เตรียมถัง 200 ลิตร ถังเปล่าที่เคยใช้แล้ว ซึ่งมีการตัดปากถัง เพื่อเป็นประตูพาความร้อนเข้าไปในถัง แต่ถังนี้มีการผ่าตัดครึ่งถัง ตามแนวยาวของถัง สามารถปิดเปิดได้ เพื่อสำหรับใส่ฟืน (2)ท่อปูนขนาด 4 นิ้ว ยาว 3-4 เมตร เพื่อใช้ต่อจากข้องอที่เป็นจุดระบายควันถ่านสู่อากาศ แต่ท่อปูนนี้มีการเจาะช่องดักน้ำส้มควันไม้ (3) เตรียมกระป๋องเปล่าพลาสติกมารองรับน้ำส้มควันไม้ที่ไหลหยดจากช่องดักน้ำส้มควันไม้ สำหรับ ผู้เข้าร่วมการเรียนรู้ในครั้งนี้ มีส่วนร่วมกันทุกคนช่วยกัน ต่างตั้งใจปฏิบัติสร้างเตาเผาถ่านเพื่อผลิตน้ำส้มควันไม้ไว้ใช้กันเอง
4. เมื่อมีการจุดไฟ ผ่านประตูพาความร้อนเข้าไปในถัง แล้วเกิดควันขึ้นที่ปล่องควัน จากนั้นทางสมาชิกกลุ่ม ก็ได้มานั่งรับความรู้และซักถามข้อสงสัย จากนั้นอาจารย์สมศักดิ์ ทองคำ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การใช้ฟืนจุดปากเตาประมาณ 10 %ของฟืนภายในเตา ใส่ลงไปในช่องว่างหน้าเตาโดยเร่งไฟให้เต็มที่ เมื่อไฟติดฟืนในเตาแล้วหยุดใส่ฟืนในเตา และนำอิฐบล็อกปิดให้มิดชิดเหลือแต่ช่องอากาศเข้าเท่านั้น ประมาณชั่วโมงที่ 3 ของการจุด เริ่มเก็บน้ำส้มควันไม้หลังจากเกิดควันบ้า(ควันสีขาวปนน้ำตาล ) อุณหภูมิปากปล่องประมาณ 80 องศา และประมาณชั่วโมงที่ 9 เริ่มหยุดเก็บน้ำส้มควันไม้ หรือสังเกตควันสีขาวปนเทาออกน้ำเงิน อุณหภูมิปากปล่อง 150 องศา อุณหภูมิในเตาประมาณ 400 องศา ให้เอาท่อปูนออกทันที พอควันใส ให้ใช้กระเบื้องวางปากปล่องทดสอบความชื้นในถังวาง 1 นาที แล้วเอามือสัมผัส ถ้าเปียกก็ยังไม่ปิด ถ้าแห้งหมาดๆ ก็ปิดหน้าเตา โดยใช้ดินเหนียวห้ามอากาศเข้า และทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อไล่น้ำมันทาร์ จึงเอาผ้าขี้ริ้วห่อดินเหนียวเป็นลูกประคบ จุ่มน้ำเปียกไปอุดปากปล่องควันไม่ให้อากาศเข้าในเตาได้เด็ดขาด จนเตาเย็นจึงเปิดเอาถ่านออกได้ห้ามใช้น้ำรดถัง
ท้ายสุดอาจารย์สมนึก ยังได้สรุปว่า วิธีการดักเก็บน้ำส้มควันไม้จะปล่อยให้ควันวิ่งผ่านท่อปูนยาวประมาณ 3-4 เมตร เมื่อได้น้ำส้มควันไม้แล้วให้ทิ้งไว้ในภาชนะพลาสติกมีฝาปิดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ในที่ไม่ถูกแสงแดด ไม่สั่นสะเทือน เพื่อให้สารที่เป็นน้ำมันทาร์ (TAR )ตกตะกอนเสียก่อน ควรใส่ถ่านป่นที่ล้างสะอาดและตากให้แห้ง จำนวน 5 %ของน้ำหนักน้ำส้มควันไม้จะทำให้การตกตะกอนดีขึ้น ห้ามเปิดฝาทิ้งไว้สารต่างๆจะเหย น้ำส้มควันไม้มีจะกลิ่นไหม้ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดอะซิติก มีความเป็นกรดต่ำ มีสีน้ำตาลแกมแดง
ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับยังได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับเกษตรกรที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้เรามีความใกล้ชิดและคุ้นเคยกันมากขึ้นครับ และยังได้มีการนัดหมายเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันครั้งต่อไป วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 ณ ศาลาการเรียนรู้ในสวนของคุณลุงสมนึก ศรีสงคราม แห่งนี้ครับ..
หวัดดีครับ
เรียน พี่สายัณห์
ผมได้ดัดแปลงเตาถัง 200ลิตรจากท่อไยหินเป็นท่อเหล็ก
และใช้เปิดบนเพื่อใส่ฟืนและเอาถ่านออก
ถัง200ลิตรจะถูกปิดด้วยดินทุกด้าน จึงทำให้เตาร้อนเร็ว
ลองเอาแบบไปดัดแปลงต่อนะครับ เข้าไปดูที่
http://www.rakbankerd.com/agriculture/wb/show.php?Category=agriculture&No=12686