คนของหัวใจ
ผมเก็บคุณไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจไม่ได้เขียนถึงคุณมานานแล้วนะ สองวันก่อนผมมีภารกิจที่เมืองไชยะบุรีอีกครั้ง ได้ไปเยือนเมืองไชยะฯ ที่ที่ผมเคยเขียน “บันทึกถึงคนของหัวใจจากไชยะบุรี”อีกคราว ทำให้ห้วงความคิดถึงคุณเผยอารมณ์ขึ้นอีกครา
เมืองไชยะฯถ้าเปรียบกับทางบ้านเราก็เหมืองกับเป็นอำเภอเมืองของจังหวัด(แขวง)ไชยะบุรี ส่วนเมืองหงสาของผมนั้นถือเป็นอำเภอรอบนอก ที่อยู่ห่างจากอำเภอเมืองเกือบร้อยกิโลเมตร หากมีประชุมระดับแขวงทีก็ต้องเดินทางผ่านร้อยขุนเขา พันลำห้วย หมื่นทางโค้ง ส่วนเวลาที่ใช้ในการเดินทางนั้นขึ้นอยู่กับฟ้าฝน และสภาพถนน อย่างเร็วที่สุดก็ประมาณสามชั่วโมง อย่างช้าก็อาจจะถึงสองวันหากเจอหินถล่มทับทาง หรือมีรถบรรทุกไม้จอดเสียขวางทางอยู่
รอบนี้เป็นการประชุมใหญ่ ผู้ร่วมทางของผมจึงเป็นระดับสูง ทางโครงการจึงได้จัดรถที่ดีที่สุดให้พร้อมทั้งพนักงานขับรถมือหนึ่ง อันที่จริงเรามีคนขับรถทั้งหมดถึงเก้าคนแต่มีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ไม่เคยพารถยนต์ประสบอุบัติเหตุบนเส้นทางสายหงสา-ไชยะบุรี หนทางช่างยากลำบากเสียจริงๆ เราออกเดินทางหลังอาหารกลางวัน นั่งรถไปตามเส้นทางขรุขระคดโค้งเต็มไปด้วยหลุมโคลน ผ่านบ้านนาปุง บ้านหนองหลวงของชาวลาวเทิง บ้านภูแลงของชาวลาวใหม่(ลั๊วะ) แล้วผ่านบนยอดภูแล้งซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดของเมืองหงส า ภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาซ้อนเทือกเขาที่สูงเสียดฟ้า มีหมอกหลังฝนสีขาวคลอเคล้าป่าหนาดงทึบช่างสวยงาม คิดถึงคุณจัง เหมือนกับแถวดอยแม่สะลอง ที่เราบังเอิญไปพบกันโดยไม่ได้นัดกันไว้ คราวผมไปทำงานดอยตุงแล้วครอบครัวคุณไป “ไหว้บรรพบุรุษ”คราวนั้นไง
บนยอดภูแล้งรถของคณะผมต้องหยุดรอให้รถแทรกเตอร์เปิดเส้นทาง ที่หินและต้นไม้ใหญ่ถล่มลงมาปิดทางไว้ มองเห็นสายน้ำแมดลิบๆอยู่ด้านล่าง ลงจากยอดภูแล้งก็เข้าเขตแดนเมืองไชยะฯ ถนนหนทางค่อยดีขึ้นมานิดหน่อยครับ แต่ก็มีบางช่วงที่ผมเห็นผู้คนแบกรถจักรยานแทนการถีบ หรือหามรถจักรยานยนต์แทนการขับขี่ เราผ่านบ้านนาซิว บ้านนาวี ของชาวยวนพี่น้องสายเลือดเดียวกับผม ที่เคยเล่าให้ฟังใน( เขียนถึงคนของหัวใจจากไชยะบูลี: (๕) เยี่ยมคนยวน พบญาติในต่างแดน ) ก่อนเข้าสู่เมืองไชยะฯมองเห็นผาช้าง ผาขะมิ้น และผาซุยที่เคยเล่าไว้ใน(เขียนถึงคนของหัวใจจากไชยะบูลี: (๗) เลียบน้ำฮูงไปชิมไคแผ่น แสนอร่อย )แต่ไกล ถึงไชยะฯเกือบหกโมงเย็น ต้องรีบไปประสานงานเตรียมการประชุม ได้นั่งรถผ่านสามวัดสามเจดีย์ที่เคยเล่าให้ฟังใน(เขียนถึงคนของหัวใจจากไชยะบูลี: (๒) มุ่งสู่ไชยะบูลี เที่ยวสามวัด สามแบบเจดีย์ ) วัดและเจดีย์ยังคงสงบเงียบอยู่เช่นเดิม เหมือนกับที่ผมยังคงคิดถึงคุณคนเดิมครับ
รุ่งเช้าผมแว้ปไปเดินตลาดมองหาแม่ค้าน้ำอ้อยกะทิ(เขียนถึงคนของหัวใจจากไชยะบูลี: (๑๑) แม่ค้าน้ำอ้อยกะทิที่ตลาดไชยะบูลีกลัวบาป ) ว่าจะไปทักทายไปอุดหนุนอีกสักครั้ง แต่ไม่ได้เจอกัน หรือผมจำไม่ได้แล้วก็ไม่รู้ ผมมีประชุมสองกองประชุมทั้งเช้าและบ่าย ในรอบบ่ายท่านเจ้าแขวงพอทราบว่าคณะเราจะต้องเดินทางกลับเมืองหงสาภายในวันนี้ท่านเลยกรุณาปิดการประชุมบ่ายสามโมงครึ่ง ด้วยความห่วงใยเกรงว่าจะลำบากในการเดินทาง เราซื้อเสบียงเผื่อไว้ว่าอาจต้องนอนค้างในป่าแล้วรีบเดินทางกลับพร้อมกับภาวนาว่าขอให้ฝนอย่าตกระหว่างทางหรือให้เราข้ามภูแล้งไปก่อนแล้วฝนค่อยตก แต่เมื่อเห็นสภาพรถเปื้อนโคลนที่สวนทางมาทำให้ความหวังเริ่มริบหรี่ ขึ้นสู่ภูแลงได้สักพักเราต้องจอดรถช่วยลากรถหกล้อคันหนึ่งขึ้นจากหล่ม
รถของเราค่อยๆคืบคลานขึ้นยอดภูแล้งอย่างช้าๆ ในขณะที่ความมืดและห่าฝนคืบคลานตามหลังเรามาอย่างรวดเร็ว แล้วเราก็ไปไม่รอดครับ ฝนตามมาทันและแซงหน้าเราไปได้พักหนึ่ง รถของเราก็พลาดท่าเดินผิดร่องไปติดหล่มจนได้ ทุกคนต้องเปลี่ยนจากชุดประชุมตัวเก่งถอดรองเท้าหนังลงไปช่วยกันขุดดิน แบกต้นไม้มารองล้อรถ มีพี่น้องชาวลาวใหม่มาช่วยหลายคนรถก็ยังไม่ยอมขึ้นสักที ขณะที่เรากำลังจะยอมแพ้ยอมรับสภาพการนอนกลางป่ากัน พลันก็มีคาราวานรถที่สวนมาจากหงสาห้าคัน เหมือนมีโชคใหญ่หลวงครับ ที่อ้ายน้องช่วยชักลากรถของเราขึ้นมาจนได้ ผมเห็นวิธีการเดินทางของอ้ายน้องที่ไปกันเป็นกลุ่มคอยช่วยเหลือชักลากกันแล้วน่าชื่นชม คิดว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมกับสภาพทางเช่นนี้ ไม่ใช่ว่ามีรถราคาเกินล้านขับเคลื่อนสี่ล้อแล้วคิดว่าจะไปมาเองได้
ขึ้นจากหล่มแล้วเราค่อยๆคลานผ่านความมืด แสงไฟรถถูกหมอกบดบังจนแทบมองไม่เห็นทาง เกือบชนวัวที่ชอบมานอนขวางบนถนนก็หลายหน ผมมาถึงหงสาเอาเกือบสามทุ่มครับคุณ ได้สัมผัสกับความยากลำบากในการเดินทางของพี่น้องชาวหงสาแล้วน่าเห็นใจมาก คนหงสาเวลาเจ็บป่วยจึงเลือกที่จะเข้ามารักษาที่น่านแทน ยังดีที่การแพทย์ของเราไร้พรมแดน นะคุณนะ
ได้ไปเยือนเมืองไชยะฯอีกครั้ง ทำให้คิดถึงคุณมากเกินกว่าที่จะเก็บไว้คนเดียว
เขียนมาให้ได้รับรู้ครับ
เส้นทางในลักษณะนี้ มักซ่อนความงามของจุดหมใยไว้อย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นที่สุด
ขอบคุณครับ