"ล็อตเตอรี่หนึ่งพันใบ" เป็นเรื่องของผู้เป็นแม่คนหนึ่งในกลุ่มงานต้านยาเสพติดที่ทำงานกับมูลนิธิภูมิพลังชุมชนไทย ใต้ตอนล่าง ได้ประสบกับตัวเอง และอยากบอกเล่าผ่านคำพูดธรรมดาให้กับแม่อีกหลาย ๆ คนที่กำลังหรือยังไม่ประสบกับเหตุการณ์อย่างนี้ เพื่อเป็นกำลังใจ และได้เห็นถึงการต่อสู้อีกรูปแบบของภาคประชาชนที่ต้องพบเจอในยุคทุนนิยม วัตถุนิยม
ล็อตเตอรี่หนึ่งพันใบ
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 14-15 ปีที่ผ่านมา ประมาณปี 2544 นายแบงค์ ปัจจุบันอายุ 31 ปีอยู่กับแม่และลูกอีกสองคนพ่อแม่แยกทางกัน ทางบ้านก็ค่อนข้างยากจน ในความเป็นแม่ก็ห่วงลูกตามหาทุกเช้าเย็นแล้วยังต้องทำงานอีกเพื่อเลี้ยงลูกทั้งสามคน ว่างเมื่อไหร่ก็ตามหาลูก สอบถามไปเรื่อย ก็ไปเจอเพื่อนๆบอกว่าลูกอยู่แถวนั้นแหละแม่ก็ได้ข่าวลูกมาสูบกัญชาก็ถามเพื่อนของลูกเพื่อนบอกป้าเขาสูบเพื่อกินข้าวได้แค่นั้นแหละไม่มีอะไรมาก อยู่มาเรื่อยๆก็เห็นการพัฒนาของลูก(เรื่อยเสพยา)มีรอยช้ำๆที่ต้นแขนเป็นแถวยาว ซึ่งก่อนหน้านั้นก็เคยพบเจอเข็มที่หลังบ้านก็แปลกใจใครเอามาทั้งที่นี่ ก็ได้เห็นแผลที่แขนลูกเป็นรอยช้ำๆที่แขนเป็นแถวยาว แม่ถามว่าลูกเป็นไรเหรอลูกบอกว่ายุงกัด ทั้งๆที่แม่เองก็ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักไม่เคยได้สัมผัสกับยาเสพติด นั่นก็พอจะรู้ได้ เพราะลูกผอมมากๆเมื่อลูกตอบเช่นนั้นแม่ก็ร่ำให้ต่อหน้าลูกโดยไม่อาย
การเป็นอยู่ของลูกก็อย่างนั้นเรื่อยมาคืออยู่แต่กับเพื่อนๆไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนแม่ก็ทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วยทั้งสามคน โดยเขาเป็นลูกชายคนโต ที่ต้องดูแลและเอาใจใส่มากกว่าคนอื่นๆ ทั้งนี้ก็ต้องแคความรู้สึกของน้องๆด้วยดูแลครอบครัวด้วยสารพัดสารเพที่แม่ต้องรับบทหนักตลอดมา แต่ก็ยังสู้ ทั้งๆที่ในใจน้ำตาไหล ร้องแล้วร้องอีก แต่มันก็คือสิ่งที่แม่ทุกคนต้องทำเพื่อลูก เพื่อคนที่เขารัก
ทุกวันนี้ไม่เคยบอกใครจริงๆแล้วบอกไปก็อายเขา แต่มาวันนี้นี่คือไม่ใช่ความอายแล้วกลับเป็นความภูมิใจในตัวแม่คนนี้ที่อยากจะเป็นสื่อกลางเป็นอุทาหรแก่แม่ทุกคน คือวันหนึ่งลูกได้เอาตะแกรงที่คว่ำจานไปขายเพราะต้องการเงิน แม่คิดว่านี่มันคืออะไรเหรอ นี่คือสิ่งที่ไม่นึกว่าจะเจอกับตัวเองในชีวิต ลูกติดยามากขนาดนี้เหรอ ต้องการเงินเอาไปซื้อยามากขนาดนี้เหรอ แล้วยังเอาสายไฟมาเผาแล้วรูดเอาสายไฟทั้งที่ยังร้อยๆอยู่มือนั้นไหม้เป็นแผลพุพองไปหมด เพื่อเอาสายทองแดงไปขายเพื่อเอาเงินไปซื้อยา แล้วใจแม่ละ ใจแม่จะเป็นอย่างไรที่ได้เห็นลูกเป็นแบบนั้นทรมานขนาดนั้น เจ็บไหมค่ะ เจ็บ เจ็บ มาก แล้วจะทำไงละ
หลายๆสาเหตุด้วยกันที่ทำให้ลูกเลิกได้เพราะความเอาใจใส่แม่ ครอบครัว คนที่บ้านต้องใส่ใจดูแลเขาและอย่าต่อว่าเขา อย่าหยาบคายกับลูก ไปไหนก็ต้องตามหา เช่นเพื่อนมาที่บ้านแม่ก็บอกว่าคนแบบนี้แม่ไม่ชอบนะอย่าชวนมาที่บ้าน อีกอย่างคืออย่าเปรียบเทียบลูกกับคนอื่นเด็ดขาด เพราะลูกเคยบอกว่าทำไมเหรอที่มาบอกว่าคนนู้นดีคนนั้นดีก็ไปเอาเขามาเป็นลูกสิ นี่คือสิ่งที่ลูกไม่ชอบ เขาจะต่อต้านต้องคุยดีๆ เช่นกินข้าวหรือยัง ถามว่าตามใจไปไหม ไม่นะ เป็นการเอาใจตามปกติเหมือนกับลูกคนอื่นๆก็เข้าใจ ลูกคนอื่นรู้ ว่าพี่ชายเป็นอย่างไร น้องก็คือน้องเสมอคุยทักทายกันตามประสาพี่น้อง โดยที่มีแม่เป็นคนโอบล้อมลูกๆเอาไว้ด้วยความอบอุ่นที่เท่ากันบนฐานของความเป็นจริงที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเป็นจริงตามสิ่งที่แม่ต้องการ
แล้วลูกเลิกได้อย่างไร ก็มาจากหลายทางด้วยกัน ทั้งครอบครัว แฟน แล้วทางศาสนา คือเขาต้องการบวช เขาต้องการทำงาน อยากซื้อรถเพื่อพาแขกมาเลย์ไปเที่ยวและบรรทุกของหนีภาษี และต่อมาก็ได้เปิดร้านอินเตอร์เน็ต นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ แล้วแม่ก็ได้เห็นแล้ว่าที่ผ่านมาเขาเริ่มเป็นคนดีและน่าจะลองให้โอกาสเขาอีกครั้ง ไหนๆเขาก็จะกลับใจแล้ว
หลังจากที่นายแบงค์ศึกจากการเป็นพระความเป็นคนของคนคนหนึ่งก็มีพลังมีความสง่าในตัวตนของเขาเองอ้วนท้วนสมบรูณ์สนุกสนานกับคนรอบข้างดูแล้วมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
ประการสำคัญที่สุดอย่าผลักใสลูก ถ้าลูกกลับบ้านก็ต้องเฝ้าคอยอยู่เสมอเพื่อให้เขาจิตใจอ่อนขึ้น ว่าแม่รอลูกอยู่นะ อย่ากลับดึกนะ คือหัดให้เขาคิด ต้องพูดอ้อมๆเพื่อให้เขารู้สึกตัว ต้องมีจิตวิทยาในการพูด ลูกอย่ากลับดึกๆนะ เพราะแม่คอย แม่ก็ต้องลุกขึ้นมาทำหุงข้าวเหนียวมาทอดไก่อีกตอนหัวรุ่ง นะลูกนะ
ยายข้างบ้านคุยกับแม่ว่าเขาเคยพูดกับยายข้างบ้านว่านี่แหละเขาเคยทำให้แม่น้ำตาตกมาแล้วและไม่อยากทำอย่างนั้นอีก แต่ถามว่าเขาเคยคุยกับแม่หรือบอกกับแม่ตรงๆบ้างไหมไม่เคย และแม่ก็ไม่ต้องการเช่นนั้นสิ่งที่ต้องการคือการเลิกติดยาของลูก การที่ลูกกลับตัวกลับใจเป็นคนดี นั่นสิคือสิ่งที่พอ และพอใจ ของผู้เป็นแม่
ตอนหลังมานี้เคยลองใจลูกลองเอาเงินตั้งไว้ก็ไม่หาย ตัวเขาเองจริงๆแล้วไม่มีไร เพราะตามเพื่อนอย่างเดียว อย่าไปดุด่าว่าเพื่อนเขาเขาไม่ชอบ เพราะเขาติดเพื่อน สิ่งไหนถ้าลูกไม่ชอบลูกบอกว่าไม่ชอบนะแม่แบบนั้น แม่ก็ไม่ทำ แม่ก็ทำได้เพื่อลูก แต่สิ่งที่แม่ขอบ้างทำไมลูกกลับทำให้แม่ไม่ได้ละนี่คือสิ่งที่แม่อยากตอบกลับออกไป แต่ไม่สามารถพูดออกไปได้เพราะนั่นเท่ากับว่าผลักใสลูกไป จะทำให้เขายิ่งถลำลึกเข้าไปอีก แม่ยอมเก็บเอาไว้คนเดียว ทั้งสวรรค์และนรกเหมือนกับอยู่ในอกแม่
เขาเคยพูดกับเพื่อนๆว่าแม่นี่แหละเป็นคนดีที่สุด แต่แม่ก็ได้แค่ยิ้มอยู่ในใจแค่นั้น แม่บอกว่าวันหนึ่งๆนะต้องให้ได้เห็นหน้าลูก ต้องออกตามหาอยู่เสมอไปถึงหาดใหญ่ เพื่อนของลูกก็ต้องดูแลด้วยเพราะว่าเขารักเพื่อน ต้องพูดดีๆ ทำดีๆ ทั้งๆที่ในใจนั้นร้องให้ร้องแล้วร้องอีก เมื่อลูกรู้ว่าแม่ไปเที่ยวตามหาก็สงสารแม่กลัวแม่เป็นอันตราย ก็บอกว่าอย่าไปนะที่นี่นั่นอันตราย ลูกว่าอันตรายแล้วลูกไปทำไม แม่ได้แต่นึกว่าอยู่ในใจ
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเพื่อนๆลูกนั้นที่ติดยาพร้อมกันแล้วเลิกไม่ได้ ปัจจุบันตามไปหมดแล้วสองสามคน ยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเป็นสิบๆใบ ไม่เท่ากับที่ได้ลูกกลับคืนมา ปัจจุบันแม่ก็สบายดีอ้อนท้วน สมัยก่อนกินไม่ได้นอนไม่หลับผอม ลูกเองก็ได้อะไรมาเยอะแยะผ่านอะไรมากมาย
อยู่มาวันหนึ่งเขาก็พูดออกมาว่าบ้านเรานี่นอนสบายนะ แม่ก็บอกว่าสบายอย่าไปนอนที่อื่นเลย คืออย่าพูดแดกดันลูก ว่าเออเห็นไหมสบายแล้วไปนอนที่อื่นทำไม ห้ามพูดเด็กขาด พูดให้เขารู้ว่าแม่ยังเป็นห่วง พูดดีเข้าไว้ ทั้งๆที่ในใจนั้นร้องให้อยู่เสมอ ไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนกับคนอื่นเขา เพราะห่วงลูก
ถ้ามาพูดสมัยทักษิณก็ดีเหมือนกันที่ตัดตอนผู้เสพผู้ค้านั้นก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้ลูกเลิกยาได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังจำอยู่ในใจ ที่สำคัญย้ำไว้เสมอว่าอย่าพูดหยาบคายรุนแรงกับลูกเด็กขาด เคยพูดหยาบมาครั้งหนึ่งเขาก็ยิ่งแดกดันและก็เปิดให้ดูแผลที่ไหล่ที่ใช้เข็มฉีดยาให้ดู ก็ยิ่งทำให้หัวอกคนเป็นแม่ช้ำใจมากกว่าลูกอีก
ทุกวันนี้ก็ยังพูดกับลูกสะใภ้ด้วยว่าขอบใจนะ คือลูกสะใภ้ก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้ลูกชายของเขามีวันนี้ได้ แม่ไม่รู้จะพูดอย่างไรที่ทำให้เราได้หัวใจของเราคืนกลับมา มันยิ่งกว่า ถูกหวยรางวัลที่ ๑ หนึ่งพันใบเป็นไหนๆ คำๆนี้คนที่สนิทและเพื่อนบ้านหรือคนข้างเคียงที่รู้จักและเข้าใจเขาพูดกับแม่
แม่ท่านใดที่มีประสบการณ์ร่วมพูดคุยกันได้นะค่ะ เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับปัญหายาเสพติด
เป็นประเด็นที่น่าศึกษาครับ? ความรักของแม่ไม่มีสิ่งใดเปรียบได้? ทุกชีวิตเกิดเพราะกรรมหนุนนำให้เกิด ทุกชีวิตต้องชดใช้ให้หมด...เราคนนอกครอบครัว เห็นใจ เข้าใจ..และให้กำลังใจน่ะครับ..?
thank for comment
สวัสดีคะน้อง น้อง
ยินดีค่ะ ที่จะ$นำเรื่องราวดี ๆ มาเล่าลู่กันฟัง
ก็เป็นอย่างที่คุณปูบอกละค่ะ มันสามารถนำมาใช้กับคนที่เรารักได้ทุกอย่าง "การถนอมความรู้สึกซึ่งกันและกัน ทำอะไรที่ไม่ติดบ่วงอารมณ์ขณะที่เป็นอยู่ ให้นึกถึงสิ่งที่จะเกิดในอนาคตมากกว่า"