การยืนกินไม่ใช่เรื่องปกติค่ะ หากการกินนั้นเป็นการกินอาหารมื้อหลัก ไม่ใช่กินของว่างหรือกินเลี้ยงค็อกเทลปาร์ตี้
อิริยาบถที่ถือว่าเป็นปกติของการกินมื้อหลักคือ การนั่งกิน ซึ่งถ้าเป็นสากลก็ต้องนั่งบนเก้าอี้มีโต๊ะวางอาหารอยู่ตรงหน้า ถ้าเป็นแบบไทยแท้ก็นั่งบนพื้นหรือเสื่อมีอาหารจัดไว้ให้ในสำรับ
การยืนกินที่เคยถือว่าไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมตามมาตรวัดเกี่ยวกับมารยาทของหลายๆสังคม เปลี่ยนไปแล้วค่ะ และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากสังเกตการณ์มาได้ระยะหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวิวัฒนาการเรื่องยืนกินว่าอย่างนี้ค่ะ
ยืนกินเพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา
ข้อนี้เห็นจากร้านสะดวกซื้อหลายๆ แห่งในต่างประเทศ สำหรับเมืองไทยนั้นอาจมีอยู่บ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง
ร้านประเภทนี้จะมีอาหารสำเร็จรูปที่อุ่นด้วยเตาไมโครเวฟไว้บริการลูกค้า ซื้อแล้วก็อุ่นกินเดี๋ยวนั้นได้เลย มีช้อนส้อม ตะเกียบและเครื่องปรุงให้ แถมมีโต๊ะกินอาหารไว้บริการลูกค้าด้วย แต่ไม่มีเก้าอี้ให้หรอกค่ะ โต๊ะนั้นออกแบบให้มีความสูงที่เหมาะสำหรับการยืนกินเท่านั้น และมีพื้นที่หน้าโต๊ะขนาดพอวางอาหารได้สบายๆ
มารยาทที่ต้องคำนึงในการกินแบบนี้ก็คือ การแบ่งปันพื้นที่ใช้สอยร่วมกับผู้อื่นอย่างมีน้ำใจ เคารพสิทธิการมาก่อนมาหลัง และเก็บขยะของตนเองให้เรียบร้อยเมื่อกินเสร็จ
วิถีชีวิตสมัยนี้อะไรๆก็ต้องสะดวกและรวดเร็ว เมื่อต้องการให้ลูกค้าได้รับความสะดวก แต่ไม่อยากให้อยู่ในร้านเป็นเวลานาน จะได้มีการหมุนเวียนพื้นที่สำหรับลูกค้ารายใหม่ต่อไป ก็ต้องทำแบบนี้แหละค่ะ คนที่ยืนกินย่อมใช้เวลาไม่นานเท่านั่งกิน
ยืนกินเพื่อเพิ่มปริมาณและประหยัดเนื้อที่
เหตุการณ์นี้เจอด้วยตัวเองอีกเหมือนกันค่ะ ตั้งตัวแทบไม่ติดเพราะไม่คุ้นเคย
การยืนกินครั้งนี้เกิดขึ้นในงานระดับชาติซึ่งหน่วยงานรัฐบาลจัดขึ้นที่หอประชุมใหญ่ของศูนย์การค้าแถวลาดพร้าว เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเชิญของจากหิ้งไปสู่ห้าง ผู้คนไปร่วมงานเยอะมาก คนที่ไปร่วมสัมมนาทุกคนจะได้รับคูปองสำหรับอาหารกลางวัน
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณห้องอาหารก็พบว่า รอบๆ ห้องจัดเป็นซุ้มอาหาร วางเป็นกลุ่มๆ ละ 5 อย่าง มีทอดมัน ผัดไทย ข้าวหมูแดง ข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่าง และผลไม้ จัดไว้ให้หลายกลุ่มเพื่อบริการคนจำนวนมากได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
พื้นที่ตรงกลางมีโต๊ะวางเต็มไปหมดค่ะ แต่ไม่มีเก้าอี้แม้แต่ตัวเดียว!
หันรีหันขวางสักครู่ ก็เห็นเก้าอี้จำนวนไม่มากวางเรียงอยู่รอบๆ ผนังห้อง ซึ่งไม่พอสำหรับคนทุกคนอย่างแน่นอน ฉันจึงรีบนำคูปองไปแลกอาหารและดิ่งตรงไปที่เก้าอี้ก่อนที่จะไม่มีให้นั่ง
กินไปก็สังเกตไป พบว่าผู้ร่วมสัมมนาบางคนก็ลากเก้าอี้ไปนั่งที่โต๊ะซึ่งจัดไว้ บางคนก็ยอมรับสภาพได้ดี คือยืนกิน
ภาพทั่วๆไปที่เห็นคือความทุลักทุเลค่ะ เพราะโต๊ะที่จัดนั้นมีความสูงในระยะที่ต้องนั่งกิน เมื่อยืนกินก็ทำให้ระยะห่างระหว่างปากกับจานอาหารอยู่ไกลเกินไปสำหรับการกินได้อย่างสะดวกและสุภาพ
เห็นแล้วก็สงสารเพื่อนร่วมชะตากรรมส่วนใหญ่เหมือนกัน เพราะอายุเกินครึ่งศตวรรษกันทั้งนั้น ผู้ร่วมสัมมนาที่ยังหนุ่มสาวดูเหมือนว่าจะทำตัวกลมกลืนกับภาวะนี้ได้ง่ายกว่า
ความจริงก็ต้องชมความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาของผู้จัด เมื่อต้องการให้มีปริมาณพื้นที่สำหรับคนจำนวนมากขึ้น ก็ยกเก้าอี้ออกไปซะ การยืนย่อมเปลืองเนื้อที่น้อยกว่าการนั่ง
แต่ขอโทษเถอะค่ะ ถ้าจะจัดอย่างนี้อีกในภายภาคหน้า ช่วยหาโต๊ะที่ระดับความสูงพอเหมาะสำหรับการยืนกินมาใช้จะได้มั๊ย ขืนเป็นอย่างนี้ ความคิดสร้างสรรค์ดีๆ จะกลายเป็นความเสื่อมของวัฒนธรรมการกินไปได้
ไหนๆ ก็คงจะเลี่ยงอาการยืนกินได้ยาก หากพบเจอเมื่อใด หรือจำต้องเป็นผู้กระทำ ก็ช่วยกันปรุงแต่งให้การยืนกินเป็นกิริยามารยาทที่งดงามกันหน่อยก็แล้วกันนะคะ