สวัสดีครับคุณปู
เป็นเพียงมุมมองทางปรัชญานะครับ
ชีวิตที่แท้จริง คือชีวิตที่ไม่มีชีวิต
ชีิวิต...อยู่ที่ว่าเราจะให้ความหมายมันอย่างไร หากคุณปูยึดที่ลมหายใจก็ได้ครับ แต่หากคุณปูหลุดจากกรอบของคำว่า ชีวิตต้องมีการหายใจ แล้ว คุณปูจะเห็นชีวิตอีกมากมายครับ
- ชีวิตแห่งสายน้ำ สายลม แสงแดด ดวงอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว
- เสียงดนตรี กระดาษที่เราเคยวาดเขียน ก้อนหิน เพลงทั้งหลาย
- คลื่นน้ำ เมฆฝน และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้คือ ชีวิตที่ไม่มีชีวิต
คนเราก็เช่นกันครับ ล้วนผูกพันอยู่กับสิ่งเหล่านี้ เราเองก็ไม่ได้จะมีชีิวิตแบบจริงๆ หรอกนะครับ หากจะแ้ม้จะพิจารณาที่ลมหายใจ เพราะว่า จะมีช่วงที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง แต่เป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ สั้นมากๆ ชีวิตมันจะนิ่ง เราก็ไม่ต่างจากก้อนหินครับ เพียงแต่ก้อนหินนั้น มันนิ่งได้ช้ากว่า ยาวนานกว่าเราแค่นั้นเองครัีบ
ความหมายนี้ที่ผมให้ไว้ ไม่แน่ใจว่าให้เคยให้ไว้แล้วหรือยังนะครับ ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ผมเคยทำงานเรื่องก้อนหิน การจัดเรียงก้อนหินท่ามกลางสายน้ำ พระธรรมชาติบอกผมว่า เค้ามีจิตวิญญาณของความเป็นหินอยู่ครัีบ
อย่างพ่อแม่เรานะครับ หลังจากท่านจากเราไปแล้วด้วยอายุขัย เราจะให้ท่านมีชีวิตอยู่อีกไหมครับ แต่สำหรับผมผมเชื่อว่าท่านไม่ได้เสียไปไหน และอยู่ในส่วนผสมของเราอยู่เช่นกันครัีบ การมีชีวิตในตอนนั้นคือ การที่เราระลึกถึงไงครับชีวิตในสิ่งที่เราให้คุณค่า เมื่อให้คุณค่าสิ่งนั้นจะมีชีิวิตอีกครั้งเสมอ โดยไม่จำเป็นว่าสิ่งนั้น จะยังหายใจอยู่อีกหรือไม่ครับ
เหมือนบทเพลงที่คนลืมไปแล้วไงครัีบ มันจะยังมีชีิวิตเสมอ เราเอามาคิด เอามาทำต่อ เอามาพูดต่อ ร้องต่อ ชีวิตก็เกิด ทุกอย่างบนโลกนี้จึงมีชีิวิตอย่างที่ผมบอกว่า
ชีิวิตที่แท้จริง คือ ชีวิตที่ไม่มีชีวิต แบบเดียวกับ ประตูที่่ว่าไ้ว้นั่นเองครับ
ขอบคุณมากๆ นะครัีบ ปรัชญาไปไหมครับ....
เม้งครับ