ในปีการศึกษานี้เราได้รับหน้าที่ใหม่จากทางโรงเรียน คือ หัวหน้างานวิชาการระดับมัธยม ทำให้มีงานที่ต้องทำมากมาย แต่เมื่อมันเป็นงานใหม่ มือใหม่อย่างเราในบางครั้งก็มีการทำงานที่ผิดพลาดบ้าง แต่เราก็พยายามแก้ไขให้มันผ่านไปแบบดีที่สุด แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ คำพูด คำวิจารณ์ ซึ่งก็มีทั้งที่ดีและไม่ดี บางครั้งเราก็คิดว่าทุกคำพูดเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเราเพราะมันเปรียบเหมือนกระจกที่ส่องให้เราเห็นตัวเราเองและเราจะได้ปรับปรุงตัวเอง แต่บางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกท้อมากๆๆ จนมีความคิดว่าไม่อยากจะทำงานต่อไป
มีอยู่วันหนึ่งเรารู้สึกท้อกับการทำงานมาก เมื่อมาถึงบ้านจึงเปิดเมลอ่าน ได้อ่านเมลของเพื่อนคนหนึ่งแล้วทำให้ความคิดเปลี่ยนไป จากที่ไม่อยากทำงานก็เปลี่ยนความคิดเป็นว่าต้องทำงานต่อไปและต้องทำให้ดีที่สุด ในเมลเป็นข้อความที่สอนให้คนเรารู้จัก คิด และคิดในทางบวก เจ้าของข้อความ คือ ท่าน ว.วชิรเมธี ส่วนเจ้าของเมลที่ส่งมาให้ไม่ใช่ใคร คือเพื่อนรักที่แสนดี คุณ ณฐภัทร เจนจบ (บอกตามตรงนะเพื่อน เราไม่คุ้นกับชื่อใหม่ของเพื่อนที่เปลี่ยนมาเลย ถ้าเขียนผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะ) ก็ต้องขออนุญาตเจ้าของข้อความและเจ้าของเมลที่นำข้อความมาเผยแพร่เพราะเห็นว่ามันเป็นข้อความที่ดีมากๆ เราเลยอยากให้เพื่อนๆชาว gotoknow ที่กำลังหมดกำลังใจได้ลองอ่านข้อความดูนะค่ะ เมื่ออ่านแล้วรับรองว่า คุณต้องมีความคิด และความรู้สึกใหม่ๆเกิดขึ้น แน่นอน
เวลาเจองานหนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่า " มารไม่มีบารมีไม่เกิด "
เวลาเจอวิกฤต
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม " ในวิกฤตย่อมมีโอกาส "
เวลาเจอความจน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
ความคิดของคนเรามีทั้งดีและไม่ดี
ถ้าเราคิดดีเราก็จะเจอแต่สิ่งดีๆ
สวัสดีค่ะ ครูม.1
เป็นบทความที่ให้ข้อคิดดีมากๆเลยครับ
การจะสอนให้เด็กคิดในทางบวกก็ต้องให้เขาเปลี่ยนทัศนคติก่อน ผมมีบทความดีๆอยู่ในชุดคุณธรรมจริยธรรมของผมบทต้นๆครับ ถ้าไม่ตอนหนึ่งก็ตอนสองครับ ลองแวะไปอ่านนะครับ
ขอบคุณ
คุณ อัยการชาวเกาะนะค่ะ
เคยแวะเข้าไปอ่านเหมือนกัน
แต่ที่ชอบมากๆ คือ เรื่องเกี่ยวกับการนินทา
อ่านแล้วรู้สึกดีกับคำนินทาขึ้นเยอะ
5555
ดีครับชอบมาก
ดีครับปกติผมก็คิดบวกนะอยากให้ทุกคนมาคิดบวกน้อ
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..
บางครั้งเราไม่ได้ทำงานที่เราอยากจะทำ ถ้าเราติดบวก คือ รักงานที่เราได้ทำ ชีวิตก็จะมีความสุขกับการทำงาน