ชีวิตใน Launceston ของคนรู้ภาษาอังกฤษน้อย


การเดินทาง......อันยาวไกล

           ดิฉันเดินทางไปกับคณะนักเรียนโรงเรียนสงวนหญิง   จังหวัดสุพรรณบุรี ตามโครงการแลกเปลี่ยนระหว่าประเทศไทยกับประเทศออสเตรเลีย โดยอาศัยอยู่กับ Billet ที่เมือง Launceston เป็นเวลา  15  วัน  อยากเล่าประสบการณ์ ซึ่งดิฉันจะเล่าในรูปแบบของการบันทึกเหตุการณ์ประจำวัน ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจากโรงเรียนสงวนหญิง  จังหวัดสุพรรณบุรี   จนถึงวันเดินทางกลับจากเมือง Launceston .....

ก่อนเดินทาง.....27  กุมภาพันธ์  2551

                 เรารื้อเสื้อผ้าอยู่หลายตลบ  เนื่องจากน้ำหนักเกินจากที่กำหนด    ครูสุพรรณชาติ กำหนดน้ำหนัก ไม่เกิน  20  กิโลกรัม   จนกระทั่งเสื้อที่น้องนึงเอามาให้ขอยืม  รวมทั้งเสื้อของป้าจิตด้วย ..เอาไปได้แค่  2  ตัว  เสื้อกันหนาวของตัวเองก็เอาไปไม่ได้เพราะมันหนักเกินไป  สุดท้ายก็จัดลงตัว  น้ำหนักกระเป๋าใหญ่  21  กิโลกรัม  น้ำหนักกระเป๋าขึ้นเครื่อง  6 กิโลกรัมเพราะขนโน๊ตบุคมาด้วย แถมมีหนังสืออ่าน  4  เล่ม (กะว่าได้อ่านแก้เหงา) 

วันเดินทาง...28-29  กุมภาพันธ์  2551 

          9.00 น.  เดินทางถึงโรงเรียน  ครูโต้งยกของลง แล้วไม่พูดไม่จา ยกกระเป๋าไปเก็บที่ห้องบริหารทั่วไป  (ช่วงเวลานี้เราไปเคลียร์งานที่นักเรียนมาส่งช้าบนโต๊ะ..........ลาครูกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ซึ่งวันนี้ตรงกับการเย็บข้อสอบปลายภาค  แต่ละคนก็อวยพร       ไปเที่ยวให้สนุกนะ      เราก็นึกในใจว่าจะสนุกจริงหรือเปล่า!

      เดินกลับมาที่ห้องกิจกรรม คณะ  5  แมวก็ชวนมาถ่ายรูปร่วมกัน   และได้ถ่ายรูปร่วมกันรองฯพิทยา ด้วย (ผู้ที่มีชะตาชีวิตใกล้เคียงกัน....ผู้ซึ่งรู้ภาษาอังกฤษเพียง  a  little) 

                 ตื่นแต่เช้า    โทรศัพท์ไปหาป้าเยาว์บอกข่าวว่าจะไปเมืองนอกแล้วนะ  ยังไม่รู้ว่าจะอยู่รอดกับเขาหรือเปล่า  (ในใจก็กลัวตลอดเวลา..........แต่ก็คิดว่าคงไม่เท่าไรมั๊ง)  ป้าเยาว์อวยพรให้ตักตวงประสบการณ์ให้มาก ๆ  ฟื้นฟูภาษาอังกฤษ (ซึ่งไม่มีเลย  แถมยังเป็นวิชาที่ไม่ชอบเสียด้วย)    

     10.00 น. นักเรียนและครูแลกเปลี่ยนเข้าประชุมที่ห้องโสตฯ  ทำพิธีเปิด  มอบเหรียญของโรงเรียน  ติดช่อดอกไม้ กล่าวเปิดงานโดยรองฯสัมพันธ์  ซึ่งทำหน้าที่แทนผู้อำนวยการซึ่งติดประชุมอยู่ที่กรุงเทพฯ  ต่อจากนั้นก็รับประทานอาหารไทย  (...นึกว่าจะเป็นมื้อสุดท้ายที่ได้กินอาหารไทยเสียแล้ว)

         12.00 น.  ออกเดินทางด้วยรถน้องเดียวเจ้าเก่า  โดยกลุ่ม  5  แมวรวมทั้งพี่อ้อยตามมาให้กำลังใจ

          14.00  .  ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  ภาระอันหนักหน่วงคือการลากกระเป๋าที่ใหญ่เกินตัว(แต่ในวันนี้พี่แดงเป็นคนช่วยจัดการให้โดยหารถลากและเข็นให้เสร็จ  น้องอาบก็ช่วยแบกเป้ซึ่งหนักมาก ๆ ให้ในระหว่างที่มีการถ่ายภาพที่ระลึก  (ซึ่งถ่ายกันมากมาย)

       15.30  น.  เป็นเวลาที่ต้องเข้า เช็คอินกระเป๋า  ตรวจบัตรอะไรก็ไม่รู้เรียกไม่ถูก (ดูน่าทุเรศตัวเองจัง) ตรวจกันเป็นหมู่คณะ  ครูสุพรรณชาติเป็นผู้อธิบาย  เตือนให้นักเรียนระวังหลายเรื่อง  โดยเฉพาะเรื่องตั๋วเครื่องบินซึ่งมีอยู่  2  ใบ คือเที่ยวบินจากกรุงเทพฯไปซิดนี่ย์  และจากซิดนี่ย์ไป  MELBOURNE  อย่าทำหายเด็ดขาด

      17.00 น. ประมาณนี้มั๊ง  (จำไม่ได้แล้วเพราะมัวตื่นเต้นอยู่ )  ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง  ทั้งคณะนักเรียนและครู  เดินไปตามทางประตู (Gate  G3 ) ได้เลขที่นั่ง  45C นั่งติดกับพี่อุไร (ซ้าย)  ส่วนทางขวามี อรพรรณ นักเรียนที่ตัวใหญ่ที่สุดในทีมนั่งอยู่

 การเดินทางอันยาวไกล.....มาก.......  มาก  ก็เริ่มต้นขึ้น 

            ครูสุพรรณชาติเล่าให้นักเรียนฟังว่านั่งเครื่องจากกรุงเทพ ไปซิดนีย์ใช้เวลาประมาณ  9  ชั่วโมงและเวลาที่ไปถึงคือเวลา  6.00 น. เนื่องจากเวลาที่ซิดนีย์ก่อนเวลาในไทย  4  ชั่วโมง  กิจกรรมระหว่างทางก็ไม่มีอะไรมากนอกจากนั่ง  กิน  คุย  เตือนให้นักเรียนบันทึกการเดินทาง  ในแถวเดียวกันทางซ้ายของพี่อุไรมีคนอังกฤษนั่งอยู่  อายุราว  60  กว่า ๆ    พี่อุไรกับฝรั่งคนนี้คุยกัน     เราเป็นคนแอบฟังเพื่อทดสอบความสามารถ  (ซึ่งไม่ค่อยมี..ฮิฮิ)  ได้ความว่า เขาอยู่อังกฤษ    ทำงานเป็นทนายความ(Lawer) เขาเดินทางมาหาน้องชาย (Brother) ซึ่งอยู่ที่ออสเตรเลีย และไม่เคยเจอกันมานาน 30 ปี (อันนี้พี่อุไรถ่ายทอดให้ฟัง)  นั่งฟังเขาพูดกัน  ก็นั่งวิเคราะห์ตัวเราเองว่า  กูเก่งซักครึ่งหนึ่งของพี่อุไรก็ดี ....มันคงจะไม่รู้สึกอึดอัด  กังวลใจ เหมือนที่เราเป็นอยู่ขณะนี้

       นั่ง ๆ   นอน  ๆ (นอนไม่หลับ  เนื่องจากเที่ยวบินนี้ มีเด็กเล็ก ๆ  ขึ้นมาหลายคน เดี๋ยวคนโน้นร้อง  คนนี้แว๊ด  ผสมกับความวิตกกังวล  ความตื่นเต้นของตนเอง  เลยไปกันใหญ่)      จำความได้ว่าทั้ง  9  ชั่วโมงนี้  หลับไปไม่ถึง  2  ชั่วโมง  กิจกรรมที่มีอีกประมาณ  3  ครั้งคือ การกินอาหารที่ไม่อร่อยที่สุดนึกต่อไปว่า  เราจะทนกับอาหารที่แทสมาเนียได้ไหม (แต่ถึงอย่างไรต้องทนน๊อ !)

                สิ่งน่าทึ่งบนเครื่องบินคือมีแผนที่การเดินทางให้เรากดเพื่อตรวจสอบว่าขณะนี้เราอยู่ตรงไหน สูงเท่าไหร่  อุณหภูมิภายนอกเท่าไหร่ (เมื่อก่อนประมาณปี 2536  ไม่มี เอ........หรือมี  แต่ไม่รู้หรือเปล่า)   เราเป็นครูก็ต้องมีการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นความรู้  เอาไว้บอกต่อ แต่ถ่ายตอนที่เกือบจะถึงซิดนีย์แล้ว

            ต่อจากนั้น คณะของเราก็ต้องนำกระเป๋าไปเช็ค โดยพนักงานของเขาจะให้เราเอากระเป๋ามาเรียงกันเป็นแถวยาวทั้งกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็ก  แล้วให้สุนัขตัวน้อย    มาดมทีละใบ ทั้งนักเรียนและดิฉันดูพฤติกรรมของสุนัขด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็น แต่ครูคนอื่นเขาคงไม่ตื่นเต้นเพราะดูมาหลายครั้งแล้ว (ขนาดแต่ละคนตื่นเต้น ตายังอยากหลับเพราะเป็นเวลาประมาณตีสอง...ที่บ้านเรา)  

           เสร็จจากการตรวจ  พวกเราก็ต้องขนมหาสมบัติไปเช็คอินอีกสายการบินหนึ่ง  คือระยะทางระหว่าง ซิดนีย์ กับ MELBOURNE แต่ว่ายังไม่ได้บิน...เลย ต้องรออีกเป็นเวลานาน  กลุ่มที่ไปทางเหนือ คือ  LAUNCESTON  เครื่องจะออกเวลา  11.40 น.กลุ่มที่จะไป HOBART  เครื่องจะออกเวลา 14.30  น.  ยังเหลือเวลาอีกนาน (นึกในใจว่าจะทำอะไรกันดี)  แต่เมื่อดูสภาพทั้งนักเรียนและครูแล้ว...........คงไม่ต้องทำดีกว่าเพราะแต่ละคนดูโทรมเต็มทน นอนกันบนเก้าอี้ทั้งครูและนักเรียน เนื่องจากยังปรับตัวไม่ได้เพราะเวลาที่เมืองไทยพึ่งจะตีสามกว่า ๆ  ครูชาติมีไอเดีย.....จะพานักเรียนและรองฯพิทยาเข้าไปในเมืองซิดนีย์เพื่อกินก๊วยเตี๋ยว  และค่าเวลา   แต่กลุ่มของเราไปไม่ได้เพราะมีเวลาน้อยกว่า เลยต้องดิ้นรนหาอาหารกินเอง  ดิฉันกับพี่อุไร(คอกาแฟเหมือนกัน)   ก็หากาแฟกินกับขนม(อะไรไม่รู้)  ราคาแพงมากคิดแล้วกินกันไปประมาณ 500  บาท(บ้านเรา)  แถมไม่อร่อยเลยพยายามกินด้วยความเสียดายเงินแต่ก็ไม่หมด  นักเรียนมาบอกว่าหนูใช้ไปแล้ว 2,000  บาท  เราตกใจถามนักเรียนว่าหนูเอาไปซื้ออะไร นักเรียนบอกว่า  ซื้อน้ำ  1  ขวด  ราคา 100  บาท  และซื้อตุ๊กตา  และ.........  พี่อุไรบอกว่าพวกตุ๊กตานี่เอาไว้ซื้อที่ซิดนีย์ จะถูกกว่านี้ (เรานึกในใจว่านักเรียนใช้เงินไม่ระวังเลย  น่าเสียดาย)

                          ....................ต่อวันหน้าจ้ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

            เครื่องบินลงจอดด้วยความปลอดภัย  พร้อมกับความโล่งอกของทุกคน  ถ้าดูรูปเวลาด้านบนจะเห็นว่าเวลาที่บ้านเรา(ไทย)  พึ่งจะตีหนึ่งกว่า ๆ  แต่ที่ซิดนีย์ เป็นเวลา  ตีห้าแล้ว  กว่าเครื่องจะลงจอดได้สนิทก็เป็นเวลาหกโมงเช้าพอดี   เห็นแสงสีทองจับขอบฟ้ารำไร  แต่ไม่มีมือถ่ายรูปไปให้โอ่งดูเพราะจะต้องไปรับกระเป๋าอันหนัก  แถมต้องแบกของบนบ่าอีก  6  กิโล (อะไรจะทรมานขนาดนี้)  พอได้กระเป๋าก็ต้องมานั่งเขียน(อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้)  ครูชาติก็เร่งให้เร็วเข้า เราก็แอบบ่นเบา ๆ ว่า   กูยังไม่ได้เยี่ยวเลย  พี่อุไรบอกว่า เออจริงด้วย  ครูตุ๊กนั่งบอกให้เขียนอยู่ข้าง ๆ  หัวเราะเสียงดัง  ความลับเลยแตก  ครูชาติเลยหันมาบอกว่า ก็รีบไป....ซิ เราและพี่อุไรเลยโกยอ้าว...ไปเข้าห้องน้ำอย่างรีบด่วน 

คำสำคัญ (Tags): #ประสบการณ์
หมายเลขบันทึก: 188639เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2008 22:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

'จา ร !!!!

ใด้ใปด้ว ย หร๊ อ.

อยา ก ใ ปด้วยอ่ะ .

ตัวก่เล็ ก แบกกะเป๋าหนั กจัง. ^^

รั กคุณ ,

อาจา รย์อารมที่รั ก !

สอบชีวะให้หนูเต็ ม น่ะ . 55555555555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท