เรื่อง ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
** เพชรงาม **
ร้านหนังสือ
“นี่ฟาง เธอดูนายนั่นสิ อ่านหนังสือของศรีบูรพาด้วยด้วย”
“ไม่เห็นแปลกเลยฟ้า”
“แปลกสิใครว่าไม่แปลก วัยรุ่นอย่างพวกเราต้องอ่านหนังสือนิยายแบบวัยรุ่นรักๆสิ ไม่ใช่อ่าน เอ๊ะ...เรื่องอะไรนะ”
“ข้างหลังภาพ”
“เออ...นั่นแหละข้างหลังภาพ เช้ยยยยย เชยยย”
“นี่ แต่หนังสือเล่มนี้น่ะ เป็นที่นิยมอ่านมากเลยนะ ตั้งแต่เริ่มออกจำหน่าย และต่อมาก็ได้ถูกนำไปแสดงเป็นภาพยนตร์ด้วยนะ”
“เหรอ แล้วไอ้เรื่องข้างหลังภาพเนี่ยเป็นอย่างไรล่ะ”
“ก็เรื่องข้างหลังภาพเนี่ยนะ เป็นเรื่องที่ศรีบูรพาแต่งขึ้นตอนไปประเทศญี่ปุ่น ในเนื้อเรื่อง ญี่ปุ่นเป็นดินแดนชีวิตรักของม.ร.ว.กีรติ กับนพพร แต่ความรักของทั้งสองนั้นรันทดเหลือเกินจึงไม่ได้ครองคู่กัน เนื่องจากคนในสมัยก่อนถือเรื่องชนชั้น แต่ฉันนะชอบบทความที่ ม.ร.ว.กีรติ เขียนใส่กระดาษให้นพพรก่อนจะสิ้นใจว่า
‘ฉันตาย โดยปราศจากคนที่ฉันรัก
แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก’
อ้อ ! และเธอสังเกตหน้าปกหนังสือเรื่องนี้ดีๆนะ จะพบว่าปกหน้าของเล่มเป็นภาพความงดงามของมิตาเกะ”
“ดีจัง ฉันอยากอ่านบ้างแล้วสิ ว่าแต่เธอพูดซะยืดยาว รู้จักประวัติของศรีบูรพาหรือเปล่า”
“รู้สิ ฉันน่ะแฟนพันธุ์แท้เลยนะ มาเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง
ศรีบูรพา เป็นนามปากกาของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2448 ปลายรัชกาลที่ 5
“โห กี่ปีแล้วนี่”
บิดาชื่อสุวรรณเป็นเสมียนเอกกรมรถไฟมีความรู้ภาษาอังกฤษดีมาก มารดาชื่อสมบุญ ครอบครัวมีอาชีพทำนาอยู่ที่สุพรรณบุรี มีนิสัยชอบเย็บปักถักร้อย เมื่อโตเป็นสาวจึงเข้ามาอยู่กับญาติในกรุงเทพฯ ปู่ของกุหลาบเป็นหมอรักษาตาแผนโบราณ ย่าของกุหลาบเป็นแม่ค้าขายข้าวตอกแถวหัวลำโพง กุหลาบมีพี่สาวอายุมากกว่า 3 ปี ชื่อว่าจำรัส สี่ชีวิตพ่อแม่ลูกอยู่ร่วมกันที่บ้านฝ่ายบิดาภายหลังจึงแยกครอบครัวออกมาเช่าห้องแถวย่านหัวลำโพง พออายุได้ 6 ขวบบิดารถึงแก่กรรมจึงเหลืออยู่เพียง 3 ชีวิต
“โถ น่าสงสารจัง”
เมื่อสิ้นหัวหน้าครอบครัว มารดาต้องขยันทำมาหากินากขึ้นจึงพาลูกๆย้ายมาเช่าห้องแถวที่สะพานยศเส แล้วเปิดเปิดเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ส่วนพี่สาว แม่ส่งให้หัดละครรำ ละครร้องและละครพูดต่อมาจึงยึดเป็นรายได้เสริมอีกแรง เมื่อกุหลาบจบ ป.4 มารดาก็พาไปฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนทหารเด็กของกรมหลวงนครราชสีมาเพื่อฝึกเป็นทหารรักษาวังมีการสอนวิชาทหารและวิชาทั่วไป
“ดีนะ ที่กุหลาบได้เรียนเป็นทหาร โก้ดี”
เรียนอยู่ได้ 2 ปี มารดาอยากให้เรียนวิชาทั่วไปเพิ่มมากขึ้น จึงย้ายไปเรียนมัธยม 2 ที่โรงเรียนวัดเทพศิรินทราวาส
“หยุดเล่าเถอะฟาง”
“ทำไมล่ะฟ้า”
“คือ..ฉันต้องรีบไปเรียนพิเศษต่อน่ะ แต่ฉันก็อยากรู้ประวัติและงานเขียนของศรีบูรพาอีก จะทำอย่างไรดีล่ะฟาง”
“อ่ะ ! ฉันให้เธอเอากลับไปอ่าน แต่ต้องรักษาให้ดีนะ”
“ได้ รับรองว่าจะครบถ้วนทุกหน้าเหมือนเดิม ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไปก่อนนะ”
“นี่ อย่าลืมเอาของฉันมาคืนล่ะ”
“จ้ะ บาย”
“บาย”
ตื้ด....ตื้ด..... เสียงนาฬิกาบอกเวลา 12.00 น.
ได้เวลานัดแล้ว ต้องรีบไปเดี๋ยวกอล์ฟรอนาน เมื่อนึกได้ฟางก็เดินไปยังร้านไอศกรีมร้านหนึ่งและเดินเข้าไปในร้าน นั่งเก้าอี้สีขาวติดกับกระจกใส สักพักชายหนุ่มชื่อกอล์ฟก็มาถึงร้านและเดินเข้ามาหาฟางที่โต๊ะ
“ฟาง รอนานไหม”
“ไม่หรอก ฟางก็มาถึงเมื่อกี๊นี้เอง”
“กินอะไรหรือยัง”
“ยังเลย ก็รอนายนั่นแหละ”
“นี่ เมื่อกี๊เราไปร้านหนังสือมาด้วยนะ”
“เหรอ แล้วได้อะไรดีๆกลับมาด้วยหรือเปล่า”
“แฟนเธอซะอย่าง ต้องได้อยู่แล้ว”
“ไหน เรื่องอะไร ขอดูหน่อยสิ”
“นี่ไงฟาง ข้างหลังภาพ”
สวัสดีครับพี่เปิ้ล....
พยายามต่อไปนะครับ.....แล้วจะเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ ครับ
ขอบคุณค่ะ
น้องฟ้า น้องมิก น้องแม็ก ที่เป็นกำลังใจให้พี่ น้องๆก็ต้องพยายามเข้านะคะ พี่จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
มีคนชื่นชมว่าเขียนบันทึกเก่งแล้ว เลยแวะมาอ่านดู ฟางนี่ใช่ ข้าวฟางเปล่า จะมาเยี่ยมบ่อยๆๆ
แวะมาชื่นชมครับ
รพี
สวัสดีค่ะ คุณพ่อประจักษ์
หนูไม่ใช่น้องฟางข้าวหรอกค่ะ ...หนูชื่อแอ๊ปเปิ้ลอยู่วงเพลงอีแซวค่ะ...ขอบพระคุณมากค่ะที่เข้ามาเยี่ยมหนู หนูจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้บ่อยๆนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ คุณลุงรพี
ที่มาเยี่ยมเยียนหนู....คราวหน้าหนูจะเข้าไปเยี่ยมนะคะ
ขอบคุณค่ะ คุณป้าลำดวน
ที่เข้ามาเยี่ยมชมเรื่องสั้นของหนู.... หนูจะพยายามพัฒนาฝีมือต่อไปนะคะ...
หวัดดีครับพี่เปิ้ล
อ่านสนุกมากเลย
สวัสดีค่ะ
* พยายามต่อไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ น้องฉัตร
ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของพี่ แล้วพี่จะเข้าไปเยี่ยมบ้างนะ
ขอบพระคุณมากค่ะ คุณครูพรรณา
ที่มาเยี่ยมชมผลงานของหนูนะคะ