ไม่ครบห้า (No One’s Perfect) (2-14)


เราต้องยอมรับความจริงว่าอดีตผ่านไปแล้ว เราไม่อาจแก้ไขอะไรได้ อนาคตก็ยังไม่มาถึง แต่ปัจจุบัน เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร...."

อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล

 

 

" เราต้องยอมรับความจริงว่าอดีตผ่านไปแล้ว เราไม่อาจแก้ไขอะไรได้ อนาคตก็ยังไม่มาถึง แต่ปัจจุบัน เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร"

                                                        พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

 

 

จากหนังสือเล่มเล็ก ๆ ชื่อ เราเกิดมาทำไม  พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ได้เล่าถึงเรื่องราวของชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ผ่านงานเขียนของเขาซึ่งติดอันดับขายดีในญี่ปุ่น ชื่อ  No One’s Perfect  เมื่อแปลเป็นภาษาไทยใช้ชื่อว่า ไม่ครบห้า 

 

เพื่อไม่ให้คนอ่านต้องใช้เวลามากเกินไป  คนไม่มีรากจึงขอย่อความจากหนังสือเล่มนี้ ดังนี้นะคะ

 

          เรื่อง ไม่ครบห้า เป็นชีวิตจริงของ ฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ ซึ่งเกิดที่โตเกียว เขาเกิดมาด้วยการไม่มีแขนขาเลยตั้งแต่เกิด แต่น่าแปลกตรงที่เขากลับมองความพิการของตัวเองว่า นั่นคือ ลักษณะพิเศษทางกายไม่ต่างจากคนอื่น ๆ  ความพิการของเขา เป็นเพียงความไม่สะดวก แต่ไม่ใช่ความไม่สบาย

 

        วันแรกที่หมออนุญาตให้แม่ได้พบเขาเป็นครั้งแรกนั้น ทุกคนกังวลว่าแม่ของเขาจะยอมรับไม่ได้ มีการเตรียมการอย่างมาก ทุกฝ่ายเคร่งเครียดกันไปหมด  แต่...ประโยคแรกที่แม่เขาอุทานเมื่อได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งแรกคือ...

 

        เธอช่างเป็นเด็กที่น่ารักเหลือเกิน.....

 

และด้วยอารมณ์นี้จึงเป็นพลังผลักดันให้ โอโตตาเกะ สามารถพิสูจน์ว่า เขาไม่ได้แตกต่างจากคนอื่น  พ่อแม่เลี้ยงให้เขาเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ใช้ความพิการเป็นข้ออ้าง ไม่ให้คิดว่าความพิการเป็นปมด้อย  เขาจึงเติบโตขึ้นมาด้วยการไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เขาเขียนหนังสือได้ ใช้คอมพิวเตอร์เป็น เล่นกีฬาได้หลายอย่าง เขานั่งรถขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร เขาเรียนจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลับชั้นนำโดยไม่ต้องใช้อภิสิทธิ์ใด ๆ เลย และปัจจุบันเขาทำงานเป็นครูสอนหนังสืออย่างมีความสุข

 

        โอโตตาเกะ ไม่เคยโทษโชคชะตา ฟ้าลิขิตที่สร้างเขาให้มีรูปร่างไม่สมประกอบ เขาภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็น  และคิดว่าโลกนี้ไม่ควรมีพรมแดนและสิ่งกีดขวางระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพียงเพราะคนใดคนหนึ่งเกิดมาพิการเท่านั้น เขาได้เรียกร้องให้สังคมเปิดใจให้กว้าง ให้ทุกหัวใจในสังคมเป็นหัวใจที่ไร้สิ่งกีดขวาง

L00gf

 ภาพปกหนังสือจาก http://bp3.blogger.com/_a3eCNkfFVsU/RhkZpdgjTnI/AAAAAAAAAZo/2yTL0XbRjMA/s1600-h/L00GF.jpg

        

              เขาใช้ชีวิตได้สง่างามและน่าชมเชย....

 

ทุกวันนี้เขาใช้ร่างกายเล็ก ๆ ที่ไม่มีแขนขาของเขาขับเคลื่อนสังคม  เขาช่วยเหลือให้กำลังใจแก่คนพิการ  เขียนหนังสือและเดินทางไปเผยแพร่แนวคิดในการเปิดใจกว้างแก่โลกที่เท่าเทียมกัน ทั่วญี่ปุ่น

 

เรื่องของฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ น่าจะเป็นตัวอย่างและเป็นกำลังใจในการช่วยอีกหลาย ๆ คนที่คิดท้อแท้ ให้หันกลับมามองตนเอง  ในการที่จะต่อสู้ชีวิตด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง

 คนไม่มีรากอ่านจนจบด้วยรอยยิ้ม...หันมาบอกตัวเองเบา ๆ ว่า...แล้วเธอล่ะ...อวัยวะก็ครบ สิ่งแวดล้อมก็แสนจะเอื้ออำนวยช่วยเธอ ยังจะมัวท้อแท้ เหงาหงอย เกเร ยืดยาด อีกหรือนี่….

      มนุษย์นั้นจะทำสิ่งดีงามและที่ยิ่งใหญ่ได้...ต้องออกจากตัวเองให้ได้ก่อน    มองไปรอบ ๆ ในสังคมและโลก...อย่ามัวหมกมุ่น ทดท้ออยู่กับปัญหาของตัวเอง... เราจะเห็นว่า โลกกว้างขวาง สวยงาม และมีอะไรที่รอเราอยู่อีกมากมายมหาศาล

พลังและกำลังใจท่วมท้นและโถมทับจนพูดเกือบไม่ออก  เลยขอส่งต่อให้กับคนอื่น ๆ ด้วยรับด้วยค่ะ....(^__^)....

 

อ้างอิง

หนังสือ เราเกิดมาทำไม  ของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ขอบคุณกวินสำหรับภาพปกหนังสือเรื่อง ไม่ครบห้า  

http://bp3.blogger.com/_a3eCNkfFVsU/RhkZpdgjTnI/AAAAAAAAAZo/2yTL0XbRjMA/s1600-h/L00GF.jpg

 

หมายเลขบันทึก: 187020เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2008 10:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (196)
  • มารับกำลังใจจากบันทึกนี้ค่ะ
  • หนังสือเล่มนี้รู้จักหลายปีแล้ว แม้ไม่เคยอ่านในรายละเอียด แต่ทราบเนื้อหาย่อ ๆ ค่ะ
  • ยิ่งมาอ่านบันทึกนี้ ยิ่งระลึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้ด้วยความชื่นชม และยิ่งชื่นชมพ่อแม่ของเขาที่เลี้ยงดูสนับสนุนให้เขาเป็นคนที่,uคุณค่าเยี่ยงนี้
  • นึกถึงเรื่อง "โต๊ะโตะจัง" เหมือนกัน เรื่องนั้นก็มีแนวคิดเชิงบวกแฝงอยู่ไม่น้อยเลย
  • คนที่พลังในทางที่ดีงาม สามารถส่งต่อพลังดีงามอันยิ่งใหญ่นั้นให้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
  • อ่านบันทึกนี้แล้ว ใบไม้ก็ได้รับพลังมาด้วยเช่นกันค่ะ
  • ขอบคุณคนเขียนบันทึกนี้จริง ๆ เลย ^_^

ร่วมให้กำลังใจคนหนุ่มสาว

ดีมากครับ เตือนใจและให้เห็นความต่างครับ

 

  • มาบอกว่าท่านนี้อยู่เมืองกาญจน์ครับ
  • แถวๆๆไทรโยค
  • วัดท่านสวยมาก
  • พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
  • กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญครับ
  • กำลังใจดี ทำทุกๆๆสิ่งทุกอย่างจะประสบผลสำเร็จ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณใบไม้

  • ดีใจและแปลกใจที่คุณใบไม้มาอ่านบันทึกนี้เป็นคนแรก
  • นึกว่ากำลังยุ่ง อยู่กับงานที่โถมทับ...เกรงใจค่ะ..เลยไม่กล้าไปชวน...คิดว่าถ้าว่าง เราต้องแวะมาเยี่ยมกัน 3 เวลาหลังอาหาร ก็คงจะเห็นอยู่แล้ว...แต่สรุปว่าดีใจค่ะที่มาอ่าน
  • ส่งพลังและกำลังใจให้ทำงานด้วยความเบิกบานค่ะ
  • ขอบคุณเล่าซือค่ะ
  • ที่กรุณามาอ่านตามคำชักชวน....
  • แล้วแวะมาอีกนะคะ..^_^...
  • ขอบคุณคุณครูขจิตค่ะ
  • ถ้ามีโอกาสคนไม่มีรากอยากไปเยี่ยมวัดของท่านค่ะ
  • ได้อนุสติจากหนังสือของท่านมากเลยค่ะ
  • วัดท่านอยู่ในอำเภออะไรคะ..

มาตามคำเชิญครับ ปัจจุบัน คุณฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ เรียนจบปริญญาตรีเมื่อปีที่แล้ว และทำงานเป็นครูสอนหนังสือครับ

สวัสดีค่ะคุณหนุ่ย

  • คิดไว้ไม่ผิดค่ะว่าคุณหนุ่ยต้องรู้จัก คุณฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ แน่ ๆ เลยค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจในการเขียนบันทึกนี้นะคะ
  •  (^__^)

ยินดีครับที่ได้เป็นแรงบันดาลใจ ... จริงๆ แล้วช่วงนี้ต้อง เชฟคุณวอลเตอร์ ลี ครับ คุณพ่อนักสู้ ก็กำลังติดตามทางเดินของน้องไซ อยู่แบบเงียบๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษาครับ..ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะ

* ตามมาจากหน้าแรกค่ะ

* ครูพรรณา ก็พบแล้ว ๑ คน ค่ะ ชื่อชัชวาล อำไพ..อยู่บ้านราชาวดีชาย(บ้านปากเกร็ดค่ะ)คนนี้เป็นพลังทุกครั้งที่ท้อถอยค่ะ...พูดคุยกับเขาแล้วสนุกมีความสุขกลับบ้าน....นับว่าเอาเปรียบเขานะคะ...ก็ไปให้เขาปลอบใจปลุกขวัญ...

* ขอบคุณมากค่ะที่นำปิติเช่นนี้มาบอกกัน....ฟังแล้วก็ปิติด้วย

  • คุณหนุ่ยคะ
  • ขออนุญาตถามค่ะ ใครคือ เชฟคุณวอลเตอร์ ลี ครับ คุณพ่อนักสู้ คะ
  • คนไม่มีรากออกจะเชย ๆ หน่อยค่ะ
  • แนะนำด้วยนะคะ จะได้ตามไปอ่านค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.พรรณา

  • ดีใจที่อาจารย์ตามมาอ่านค่ะ
  • เขียนบันทึกนี้ด้วยความอิ่มเอิบและปิติในใจค่ะ  จึงอยากขออนุญาตแบ่งปันต่อกัลยาณมิตร
  • คนไม่มีรากคิดว่า...ไม่ว่าจะยาก ดี มี จน พิการ หรือ สมบูรณ์แบบเพียงใดก็ตาม ล้วนแต่สามารถเป็นกำลังใจให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้เสมอค่ะ
  • ขอให้พวกเราปิติและมีความสุขร่วมกันนะคะ
  • ...^_^....
  • ท่านอยู่ไทรโยคครับ
  • ที่นี่ครับ
  • http://www.watpahsunan.org/
  • วัดสุนันทวนาราม     ดูแผนที่
    เลขที่ 110 บ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150
    โทร. 034-546635
    E-mail Address : [email protected]

สวัสดีครับ พี่คนไม่มีรากครับ

  • แวะมาเยี่ยม
  • และมาอ่านบันทึกครับ
  • สบายดีนะครับ
  • เห็นด้วยครับ
  • อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล

  • เพราะฉะนั้น ทำปัจจุบันให้มันดีที่สุด

  • เพื่อส่งผลต่ออนาคตข้างหน้า จริงไหมครับ

อ๋อคุณวอลเตอร์ ลี เป็นกุ๊กที่ทำอาหารออกทีวีครับ แต่มีลูกพิการ ทั้งๆที่ตอนไปทำอัลตร้าซาว หมอบอกว่าลูกเค้าสมบูรณ์ดีทุกอย่าง

http://gotoknow.org/blog/nunuinui/184534 เนี๊ยะอ่ะครับ

ถ้าอยากดูรายการย้อนหลัง ก็ ไปที่ www.me.in.th เลือกช่อง 3 เลื่อนช่วงเวลาไปวันที่ 19 ก็ตอนแรก 27 ตอน 2 เวลา 4 ทุ่มกว่า ถ้าจำไม่ผิดนะครับ รายการจับเข่าคุยครับ

มาตามคำเชื้อเชิญครับ

    แปะลงชื่อไว้ก่อน แล้วค่อยอ่านให้ละเอียดๆ แล้วจะแสมดงความคิดเห็นที หลัง

ขอบคุณครับ

สวัสดีคะคนไม่มีราก

โชคดีค่ะที่เข้ามาอ่านตอนนี้พอดีกับที่มีบันทึกใหม่ของคุณคนไม่มีราก ... รออ่านด้วยใจจดจ่อ...ส่งต่อให้เพื่อนและลูก ๆ หลาน ๆ อ่านอีกหลายคนนะคะ...บอกไว้จะได้ปลื้ม..ปิติไงคะ

อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจจริง ๆ ด้วยค่ะ  มีคนอีกเยอะเลยที่ไม่ได้พร้อมเช่นเรา ๆ ท่าน ๆ แต่จิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ ไม่อดทน พร่ำเพ้อ ก่นศร้า ด่าว่าโชคชะตา  กลับไม่หันมาดูคนที่ขาดแคลนและด้อยกว่าตัวเองบ้างเลย

ขอบคุณสำหรับบันทึกดี ๆ นี้

รู้แล้วค่ะ...ว่าคนไม่มีรากหายเหงา หายว่างเปล่าในจิตใจแล้ว เพราะมองและแบ่งปันความคิดบวก ๆ ความคิดดี ๆ เช่นนี้ให้คนอื่นได้

รักคุณคนไม่มีรากค่ะ

  • อ.ขจิตคะ
  • ข้อมูลมาเร็ว ทันใจจังค่ะ
  • ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมแล้วค่ะ ^ ^ ขอบคุณที่แวะไปตามนะคะ

พูดถึงเรื่องไม่ครบห้านี้ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนเรา/สังคมถูกสอนให้มีอคติ โดยมีการแยะแยะว่าอะไรเรียกว่าปกติ และไม่ปกติ.. ดีที่เด็กคนนี้มีคุณแม่ที่เข้าใจและรักลูก..ไม่ได้มองลูกว่าเป็นอะไรนอกจากเป็นลูก..เขาก็เลยได้รับอานิสงส์นี้ สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างทั่วไป...

จริงๆ แล้วตั้งแต่เด็ก เราถูกสอนมาให้มีอัตตา ตัวตนตลอดเวลา น่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ สวยอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้ของเธอ อันนี้ของฉัน.. จนกระทั่งหลงคิดว่าอัตตานี้ยั่งยืนอยู่คู่กับเราตลอด ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่เรียกว่าปกติหรือไม่ก็ตาม..เกิดเป็นทุกข์เป็นสุขมากมาย..เกิดอุปาทานไปต่างๆ นาๆ.. กว่าตัวเองจะพอเข้าใจว่ายึดอัตตาแล้วแย่ขนาดไหน ก็ปาไปครึ่งชีวิตแล้วมั้งคะ...อิอิ

อ้อ..คงทราบแล้งกระมังคะว่าพระอาจารย์มิตสุโอะเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา หลวงพ่อมิตซูโอะก็เป็นพระที่ตัวเองนับถือมากๆ เช่นกันค่ะ ^ ^

ครายหมดไฟ..มาชาร์ตแบต Blog  นี้  ได้แบตกลับไปเต็มค่ะ

               

  • สวัสดีครับคนไม่มีราก  อีกหน
  • เคยอ่านหนังสือเล่มนี้นานแล้ว แต่เลือกที่จะจำบางเรื่องเช่น
  •   จำได้ว่าคนญี่ปุ่นนับระยางใหญ่ในร่างกาย คือ แขนสองข้าง +ขาสองข้าง+ศรีษะ = ๕
  • คนไทยนับ  ทวัตติงสาการปาฐะ ( อาการ ๓๒)
  • อ่าน แต่ไม่ได้คิดเชื่อมโยงในทางที่สร้างสรรค์เพื่อให้ กำลังใจแก่ตัวเอง
  • เป็นไปได้ว่าตอนนั้นยังไม่มีทุกข์ (เพราะยังไม่ได้แกว่งเท้าหาเสี้ยน ..)
  • ก็ต่อเมื่อ เห็นทุกข์ ก็เริ่มจะเห็นธรรม ...
  • ขอบคุณคนไม่มีรากที่อ่านแล้ว สะท้อนสิ่งดีๆในหนังสือ ให้ ได้รับรู้นะครับ 
  • สวัสดีคนไม่มีราก

    วันนี้ไม่เข้ามหาวิทยาลัยหรือครับ .. ท่าจะหนีเรียนเสียแล้ว..ขนาดเป็นนิสิตดีเด่น นะนี่

    ผมเป็นลูกศิษย์ท่านพระอาจารย์ชา (ด้วยการอ่านหนังสือ) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านมิตซูโอะน่ะครับ

    การเขียนเรื่องราวที่ให้กำลังใจและเผื่อแผ่พลังให้แก่ผู้อื่นแบบนี้ .. มีกุศลครับ  ... ถ้าจะว่าไปคุณคนไม่มีรากก็มักจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว

    ผมอ่านเรื่องนี้มาแล้ว แต่ก็ยังชอบในแง่มุมที่คนไม่มีรากสรุปไว้ว่า

    มนุษย์นั้นจะทำสิ่งดีงามและที่ยิ่งใหญ่ได้...ต้องออกจากตัวเองให้ได้ก่อน    มองไปรอบ ๆ ในสังคมและโลก...อย่ามัวหมกมุ่น ทดท้ออยู่กับปัญหาของตัวเอง... เราจะเห็นว่า โลกกว้างขวาง สวยงาม และมีอะไรที่รอเราอยู่อีกมากมายมหาศาล

    แล้วจะส่งคนมาทาบทามไปเป็นนักเขียนมืออาชีพนะครับ 

    สวัสดีครับ

    สวัสดีค่ะคุณครูโย่ง

    • ใช่แล้วค่ะ ต้องทำปัจจุบันให้ดี เพื่อส่งผลถึง อนาคตที่ดีค่ะ
    • ขอบคุณนะคะที่กรุณาแวะมาทักทาย
    • สบายดีนะคะ คนไม่มีรากสบายดีค่ะ
    • ...^_^...
    • ขอบคุณคุณหนุ่ยสำหรับข้อมูลที่มีคุณค่าค่ะ
    • จะหาเวลาไปชมให้ได้ค่ะ
    • ...^_^....
    • สวัสดีค่ะคุณครูข้างถนน
    • ยินดีค่ะที่มาแปะไว้ก่อน...ว่าแต่นิ้วที่มาแปะไว้ก่อนน่ะนิ้วไหนคะ จุ่มหมึกมาหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ใช่นิ้วโป้งขวา ถือว่าใช้ไม่ได้ตามกฏหมายนะคะ...
    • ขอบคุณค่ะ.

    มีภาพ และ เรื่องย่อ หนังสือบันทึก จากปลายเท้า ที่ JJ ใช้ สื่อสารให้กำลัง นักศึกษาแพทย์ ครับ

    หนังสือเรื่อง บันทึกจากปลายเท้า เป็นหนังสือที่แสดงถึงเรื่องราวของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต  เนื้อเรื่องเป็นการบรรยายถึงคนพิการคนหนึ่ง  โดยที่ตลอดชีวิตของเธอนั้นผ่านเรื่องราวอุปสรรคต่างๆมากมาย  จะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งต่างๆมากมาย นับครั้งไม่ถ้วน  แต่สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี   และยังสอดแทรกเนื้อหาที่แสดงเกี่ยวกับความคิดต่างๆของคนพิการ  ที่บางทีคนปกติอย่างเราๆนั้นก็ไม่สามารถจะรู้ได้  

    บันทึกจากปลายเท้า

    เป็นเรื่องราวของผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตของเลน่า มาเรีย คลิงวัลล์ซึ่งเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงของสวีเดน โดยเนื้อเรื่องจะมีลักษณะเป็นตอนๆดังนี้

    ตอนที่ 1 “อ้อมแขนของพ่อและแม่”

    ในตอนนี้สอนให้รู้ว่าพ่อ แม่ที่ทำใจยอมรับสภาพอันผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกตัวเองได้และพร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกต่อไป ไม่คิดรังเกียจและทอดทิ้งลูกนับว่าเป็นการให้การเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นได้อย่างดีเยี่ยม มีเนื้อเรื่องดังนี้

    ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1968 เลน่า ยูฮันซอนได้ถือกำเนิดขึ้น โดยที่เธอนั้นได้เกิดมาพร้อมกับความพิการ คือตรงส่วนที่เป็นแขนเธอไม่มีอะไรเลย ที่หัวไหล่มีแค่ปุ่มเล็กๆ 2 ปุ่ม ขาข้างขวาดูปกติแต่ข้างซ้ายนั้นสั้นกว่าข้างขวาครึ่งหนึ่ง ส่วนเท้าซ้ายชี้ขึ้นข้างบนเกือบถึงขา เธอเป็นลูกคนแรกแน่นอนที่พ่อ แม่เธอนั้นเสียใจมาก หมอต้องให้ยาระงับประสาทแก่พ่อ แม่เธอก่อนที่จะอธิบายความจริงเกี่ยวกับการพิการที่เกิดขึ้น และหมอก็แจ้งให้พ่อ แม่เธอทราบถึงเรื่องที่ท่านสามารถจะทิ้งเธอไว้ที่สถาบันดูแลเด็กพิการได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตัดสินยาก และแล้วพ่อเธอกลับคิดได้ว่าการที่เธอไม่มีแขนก็ไม่เห็นเป็นไร แต่เธอนั้นต้องมีครอบครัว พ่อและแม่เธอจึงตัดสินใจนำเธอกลับมาเลี้ยงดูเอง

    ตอนที่ 2 “ใช้เท้าจับขวดนม”

    ในตอนนี้สอนให้รู้ว่าบุคคลทุกคนย่อมมีการปรับตัวรวมทั้งคนพิการนั้นก็จะมีการปรับการใช้งานอวัยวะต่างๆของตนที่มีอยู่ให้ใช้งานเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอดไปได้ มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่าเจริญเติบโตขึ้น และยังมีการพัฒนาการเร็วกว่าเด็กอื่นๆอีกด้วย เธอนั้นสามารถใช้เท้าจับขวดนมได้

    เธอเป็นคนร่าเริง การใช้เท้าของเธอนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองมีอวัยวะอะไรที่ขาดหายไป ในปีแรกนี้แม่เธอจะเป็นคนคอยดูแลเธอทุกอย่างและเป็นผู้ทำให้เธอได้รู้จักสิ่งต่างๆรอบตัว แม่เธอเองต้องพบกับปัญหามากมายโดยเฉพาะกับการต้องคอยตอบคำถามจากคนรอบข้างที่คอยแต่จ้องจะถามถึงความพิการของเธอ เมื่อเลน่าอายุได้ 3 ขวบเธอได้รับการใส่ขาปลอมในข้างซ้าย การหัดเดินครั้งแรกของเธอนั้นยากมาก และต้องใช้เวลา เธอต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการมีขาปลอมให้ได้ แต่แล้วเธอก็สามารถผ่านเวลานั้นมาได้และเดินได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป

    ตอนที่ 3 “ครอบครัวที่อบอุ่น”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าครอบครัวนั้นเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา ไม่ว่าจะเป็นการให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นสิ่งที่ให้กำลังใจได้อย่างดี ปรารถนาให้แต่สิ่งดีๆแก่เราอย่างจริงใจและตลอดเวลา การมีครอบครัวที่อบอุ่นทำให้เราสามารถก้าวไปสู่วันข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ มีเนื้อเรื่องดังนี้

    ครอบครัวของเลน่าทำฟาร์ม ประกอบด้วยสมาชิกคือ พ่อ แม่ เธอ และน้องชายคนเล็กของเธอที่ปกติดีทุกอย่าง เธอและน้องชายส่วนใหญ่เข้ากันได้ดี ชีวิตของเลน่านั้นดีมากที่ดีได้เนื่องมาจากทุกคนในครอบครัวของเธอ พ่อแม่ของเธอจะสนับสนุนแธอและน้องชายให้ทำในสิ่งที่ชอบ ด้วยเหตุนี้เลน่าจึงไม่มีความคิดในแง่ลบต่อความพิการของตัวเองเลย เธอมักคิดว่าตัวเองก็เป็นเหมือนคนอื่นๆ เพียงแต่ทำบางสิ่งบางอย่างที่ต่างไปจากคนอื่นบ้าง พ่อแม่เธอจะให้เวลาเธอในการทำความเข้าใจว่าจะจัดการสิ่งต่างๆอย่างไรแทนที่จะมาช่วยเธอในทันทีที่ร้องขอ แต่เมื่อไรที่เธอทำพลาดหรือไม่มีกำลังพอที่จะทำเอง พ่อแม่เธอก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ

    ตอนที่ 4 “ขาปลอมและไม้ตะขอ”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าการเรียนรู้การทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองนั้นดีที่สุด คนเราคงจะไปคอยหวังความช่วยเหลือจากคนอื่นแต่อย่างเดียวนั้นไม่ได้ มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่าเริ่มมีความชำนาญในการใช้ขาปลอมมากขึ้นการทรงตัวของเธอค่อยๆดีขึ้นและวันหนึ่งเธอประสบอุบัติเหตุขึ้น ขาเธอมีเสียงเหมือนกระดูกแตกที่สะโพกข้างซ้าย เธอไม่สามารถเดินได้ ต้องเอาขาปลอมนั้นออก

    แต่เธอก็ไม่ไปโรงพยาบาลเนื่องจากเธอไม่มั่นใจโรงพยาบาลใกล้ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงมากขึ้น ทุกครั้งที่เธอเคลื่อนไหวขาซ้ายเธอจะสั่นอย่างแรง เป็นเวลาเกือบ 2 ปีที่เธอไม่ยอมใช้ขาปลอม เธอนั่งรถเข็นและความเจ็บปวดก็ค่อยๆทุเลาลง ต่อมาเธอได้เรียนรู้ถึงการช่วยเหลือตัวเองในหลายๆด้านที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพของคนพิการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใส่เสื้อผ้าเองโดยทางศูนย์ได้เป็นผู้นำวิธีการใส่เสื้อผ้าแบบต่างๆพร้อมอุปกรณ์ช่วยให้ใส่ได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือไม้ตะขอ เธอสะดวกที่จะพบมันไปได้ในทุกที่ ทำให้เธอสามารถพึงตัวเองได้

    ตอนที่ 5 “ไปโรงเรียน”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าชีวิตเริ่มต้นในวัยเรียนนั้นสำคัญมากถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กพิการก็ตาม เนื่องจากที่โรงเรียนจะสอนให้เด็กรู้จักการปรับตัวอีกขั้นหนึ่ง จะได้พบสังคมที่กว้างขึ้น มีเพื่อน มีคุณครู มีเนื้อเรื่องดังนี้

    ถึงเวลาที่เลน่าจะได้ไปโรงเรียน เธอได้อยู่ร่วมกับเด็กนักเรียนปกติ แต่เธอได้รับผู้ช่วย 1 คน ในขั้นนี้เธอต้องเผชิญปัญหามากมาย เริ่มตั้งแต่เธอต้องทำการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆคนปกติ ต้องทำทุกอย่างให้เท่าเทียมกับคนปกติ รวมทั้งเธอต้องเผชิญกับเพื่อนที่มีความสงสัยเกี่ยวกับความพิการของเธอ แต่ปัญหาที่คิดว่าหนักที่สุดนั่นก็คือ เธอพบว่าตัวเองไม่มีใครยอมมาเป็นเพื่อนสนิทด้วยเลย เหมือนกับนักเรียนหญิงคนอื่นๆ เธอจึงต้องเรียนรู้และเล่นกับเด็กทุกคนเพื่อที่ว่าเวลามีความช่วยเหลืออะไรเพื่อนๆทุกคนของเธอจะได้ให้ความช่วยเหลือได้ แทนที่เธอจะมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว และต้องคอยให้ความช่วยเหลือแก่เธอเพียงคนเดียว มันเลยทำให้เลน่านั้นมีเพื่อนเยอะ ในบางครั้งก็มีเพื่อนบางคนชอบล้อเลน่าบางทีก็ตลก แต่บางทีก็แรงไป แต่เลน่าไม่เคยนึกโกรธเพราะเธอได้รับการสอนมาว่าคุณค่าของเธอนั้นอยู่ภายใน ไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นภายนอกเธอจึงไม่อายที่เกิดมาพิการแต่กลับใช้ความพิการนั้นให้เป็นประโยชน์ เลน่าสามารถเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนได้เกือบทุกอย่าง มีสิ่งหนึ่งหนึ่งที่เธอทำได้ดีเป็นพิเศษนั่นก็คือการว่ายน้ำ

    ตอนที่ 6 “ความเชื่อมั่น”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าคนเราทุกคนควรมีศาสนาป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่านับถือศาสนาคริสต์ เธอมีพระเจ้าอยู่ในใจเสมอมาจนกลายเป็นความมั่นใจของเธอ ในคริสตจักรทุกคนยอมรับเธอ และยังได้เป็นกลุ่มเยาวชนร้องประสานเสียงในโบสถ์ด้วย เธอมีกลุ่มเพื่อนซี้ที่โตมาด้วยกันในคริสตจักรนี้ด้วย

    ตอนที่ 7 “เหมือนปลาในน้ำ”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าคนเราทุกคนไม่ว่าเกิดมามีร่างกายผิดปกติหรือไม่ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้เหมือนกัน เพราะความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้เนื่องจากความตั้งใจจริง มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่าเริ่มเรียนวายน้ำตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ทุกคนในครอบครัวของเธอจะไปว่ายน้ำด้วยกันเสมอ เธอจะเริ่มต้นการว่ายน้ำด้วยการใช้เท้าแตะน้ำ และเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เธอได้เรียนเทคนิคการว่ายน้ำมากมาย มีท่าที่เธอถนัดสุดคือการว่ายน้ำท่าผีเสื้อ แลละเธอมีความตั้งใจจริงที่ฝึกฝนจนเธอสามารถได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของทีมชาติสวีเดนเพื่อเข้าแข่งขันว่ายน้ำชิงแชมป์โลกสำหรับคนพิการและเธอก็สามารถทำสำเร็จเธอสามารถได้รับเหรียญรางวัลมากมาย

    ตอนที่ 8 “มุ่งสู่โอลิมปิก”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าการทำสิ่งใดๆก็ตามย่อมมีจุดหนึ่งที่คนเราจะเริ่มอิ่มตัว รู้สึกเพียงพอกับการทำในสิ่งนั้น เราควรจะหยุดเมื่อถึงจุดสูงสุด ทุกอย่างจะเป็นวัฏจักรอย่างนี้เรื่อยไป มีเนื้อเรื่องดังนี้

    ตลอดชีวิตของเธอได้ทุ่มเทให้กับการว่ายน้ำจนหมด เธอได้รับรางวัลจากการว่ายน้ำมากมาย จนมาถึงกีฬาโอลิมปิกในปี 1988 หรือที่เรียกสำหรับคนพิการว่ากีฬาพาราลิมปิก แต่ในครั้งนี้ตัวเธอเริ่มรู้สึกเบื่อและคิดจะไปถอนตัวออก แต่แล้วจู่ๆมีหญิงคนหนึ่งโทรมาหาเธอว่าคอยเป็นกำลังใจให้เธอ ทำให้เลน่าเปลี่ยนใจกลับมาลงแข่งเช่นเดิม แต่การแข่งในครั้งนี้เลน่าไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย แต่เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายแต่อย่างใด เธอสามารถยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ตอนนี้เธอคิดอยากจะทุ่มเทให้กับดนตรีและการร้องเพลง

    ตอนที่ 9 “โลกของเสียงเพลง”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าถ้าเรามีความตั้งใจจริงจะทำในเรื่องใดแล้ว เราจะสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ และทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่ามีเสียงที่ไพเราะ และเริ่นเล่นดนตรีกับครอบครัวตั้งแต่เล็กๆ เมื่อถึงชั้นมัธยมปลายเธอได้เลือกเรียนสาขาสังคมและดนตรี เธอได้อยู่คณะนักร้องเยาวชนด้วยต่อมาเธอได้รับการเลือกเป็นผู้นำ โดยเธอจะนำคณะให้ร้องเพลงโดยใช้ปาก ศรีษะ สายตาแทนการใช้มือ ต่อมาเธอก็สามารถสอบผ่านได้เข้าเรียนดนตรีในวิทยาลัยได้เป็นสำเร็จ

    ตอนที่ 10 “ ฉันคือเลน่า มาเรีย ”

    ตออนนี้สอนให้รู้ว่าเราไม่ควรตัดสินคุณค่าของคนคนหนึ่งได้พียงแต่การดูที่รูปลักษณ์ภายนอก เราควรจะดูที่ความสามารถและจิตใจของคนคนนั้น มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เมื่อเลน่าได้การเลือกให้เข้าเรียนที่วิทยาลัยการดนตรีนี้ เธอจำเป็นต้องย้ายไปพักที่บ้านพัก โดยมีเพื่อนจากที่เดียวกัน 2 คน แต่พักกันคนละบ้าน มาที่นี่ทุกคนรู้จักเธอในนาม เลน่า มาเรีย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะต้องทำอะไรทุกอย่างเองเพียงลำพัง โดยไม่มีแม่คอยช่วยเลย ในตอนแรกเธอยอมรับว่าเป็นการปรับตัวที่ยากลำบากมาก แต่แล้วเธอก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี ที่วิทยาลัยให้อิสระแก่เธอมาก สามารถเลือกตารางและครูสอนเองได้ โดยเป้าหมายของการสอนอยู่ที่การใช้ร่างกายประกอบเมื่อร้องเพลง ทำให้การเปล่งเสียงของเธอออกมาอย่างมีพลัง เธอพยายามเรียนรู้ทุกอย่าง เธอเรียนดีจนได้รับทุนและได้ตีพิมพ์เรื่องราวของเธอทางหนังสือพิมพ์ด้วย ต่อมาก็มีการถ่ายทอดเรื่องราวของเธอในรูปสารคดีเรื่อง เป้าหมายชีวิต เธอได้ย้ายตัวเองมาอยู่อพาร์ตเมนท์ แต่ว่าอพาร์ตเมนท์นี้ไม่ได้สร้างสำหรับคนพิการ แต่ยังไงเลน่าก็พอใจที่จะอยู่อย่างคนปกติ เธอต้องการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆมากที่สุด สารคดีเรื่องชีวิตของเธอได้รับรางวัลชนะเลิศในงานโทรทัศน์คริสเตียนในประเทศฮอลแลนด์ด้วย

    ตอนที่ 11 “เป้าหมายในชีวิตของฉัน”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าเราควรจะศึกษาทำความเข้าใจกับตัวเอง ว่าเราชอบอะไร ต้องการอะไร จะได้ดำเนินเป้าหมายของเราให้ไปถึงจุดสูงสุด มีเนื้อเรื่องดังนี้

    มีคนดูสารคดีของเธอมาก เป็นเหตุให้เธอได้รับการเชิญไปแสดงคอนเสิร์ตเยอะมากขึ้นจากปกติ เธอจึงกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ครั้งหนึ่งพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดนได้ทอดพระเนตรเห็นสารคดีเรื่องเธอเข้า จึงต้องการพบเธอ เลน่าได้เข้าเฝ้าและพระองค์ก็ได้พระราชทุนการศึกษาให้แก่เลน่าด้วย ต่อมาเป็นช่วงที่เลน่ามีงานชุกมาก สารคดีเธอได้ไปเผยแพร่ที่ญี่ปุ่น ทำให้คนญี่ปุ่นที่แต่ก่อนรู้สึกเกลียดคนพิการมองเป็นคนชั้นต่ำ เปลี่ยนมุมมองการคิดเมื่อเห็นสารคดีชุดนี้ ตัวเธอเองยังคงวนเวียนกับการแสดงคอนเสิร์ตอย่างหนัก จนวันหนึ่งเธอรู้สึกเหนื่อยล้า และเมื่อเธอได้พักอ่านพระคัมภีร์เธอก็รู้สึกดีขึ้น แต่กลับคิดได้ว่าตอนนี้หัวใจเธอกำลังเรียกร้องอยากจะเข้าทางศาสนาแล้ว ต้องการที่จะหยุดร้องเพลง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไปเรียนพระคัมภีร์ที่อินเดีย

    ตอนที่ 12 “ชีวิตในอินเดีย”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าชีวิตของคนเราทุกคนนั้นย่อมมีช่วงเวลาที่ลำบาก เราควรอดทนและเรียนรู้การแก้ไขปัญหาแล้วจะสามารถผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่าไปอยู่ที่อินเดียแล้วรู้สึกไม่ดี เธอปรับตัวเข้ากับที่นั่นไม่ค่อยได้ ที่อินเดียเป็นเมืองที่สกปรกมาก เธอต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนตั้งมาก มันเป็นที่เล็กคับแคบ ไม่มีอิสระใช้เวลากับตัวเองเลย มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เลน่าจะปรับตัวได้ เมื่อเธอมาอยู่ที่นี่ เป็นครั้งแรกเลยที่เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิการ เธอไม่สามารถทำอะไรเองได้เลยแม้แต่การเข้าห้องน้ำ เธอต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอ แม้ว่าช่วงในอินเดียจะเป็นช่วงที่ลำบากมากกว่าที่เคยเป็นแต่เธอยังคิดได้ว่ามันก็เป็นช่วงที่ทำให้ชีวิตมีสีสรรขึ้น เธอเรียนรู้ที่จะพอใจกับสิ่งต่างๆที่เธอไม่เคยจะเห็นคุณค่ามาก่อน มันทำให้เธอมีแรงจูงใจที่จะร้องเพลงอย่างเอาจริงเอาจังอีกครั้ง

    ตอนที่ 13 “ฉันรักประเทศญี่ปุ่น”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าการเป็นจุดสนใจต่อคนอื่นนั้นเวลาเราจะทำอะไรต้องทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผู้คนกำลังจับตามองเราเป็นแบบอย่างอยู่ มีเนื้อเรื่องดังนี้

    คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับคนพิการมากขึ้น ตั้งแต่ได้ดูสารคดีชีวิตของเลน่า บริษัทดนตรีทางญี่ปุ่นก็สนใจในตัวเธอมากเช่นกัน บริษัทต้องการลงทุนทำแผ่นเสียงให้เธอ มีชื่ออัลบัมว่า My Life เธอได้ทัวร์คอนเสิร์ตมากมาย ขณะเดียวกันคนญี่ปุ่นก็มีความสนใจเธอมากขึ้นทำการตีพิมพ์ชีวิตและเรื่องราวของเธอให้เป็นหนังสือแบบเรียน นำเธอไปเป็นตัวอย่างที่ดีแกเยาวชน

    ตอนที่ 14 “ชายหนุ่มของฉัน”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าความรักเป็นสิ่งที่ดี เป็นยาชูกำลังขนานแท้ ความรักที่แท้จริงคือการรักกันที่จิตใจ ไม่ใช่รูปลักษณ์ทางร่างกาย ดังแฟนของเลน่าซึ่งมีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่าพบรักแท้กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่วิทยาลัยดนตรี ชายคนนั้นไม่ใช่คนพิการเป็นคนปกติ สมบูรณ์ดีทุกอย่าง เลน่าคิดอยู่เสมอว่าการแต่งงานกับคนพิการอย่างเธอ จะเป็นการสร้างภาระและความยุ่งยากอันใหญ่หลวงให้กับแฟนที่เป็นปกติดีทุกอย่าง แต่แล้วความรักทำให้ทั้งสองตกลงกันได้ แฟนของแธอยอมรับสภาพที่เธอเป็นได้และต้องการที่จะใช้ชีวิตคู่กับเธอ เขาทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน ทุกครั้งที่เขาเผชิญกับเรื่องต่างๆ เขาทั้งสองจะหันหน้าพูดคุยกันและช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน เขาไม่เคยละเลยปัญหาที่เกิดขึ้น

    ตอนที่ 15 “ด้วยรักและศรัทธา”

    ตอนนี้สอนให้รู้ว่าคนเราเกิดมาไม่มีใครที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากปัญหา ประสบการณ์ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ทุกอย่างนั้นจะเป็นไปตามที่เรากำหนดเอง มีเนื้อเรื่องดังนี้

    เลน่าสามารถประสบความสำเร็จในหลายๆด้าน และสามารถผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรคมาได้นั้น เนื่องจากเธอมีทัศนคติต่างๆเกี่ยวกับตัวเองในแง่บวกก่อน เหตุผลที่เธอมองต่อตัวเองในแง่บวกก็คือ ประการแรกเธอคิดว่าคนเราทุกคนเกิดมาก็ย่อมมีความแตกต่างกันมาตั้งแต่เกิด เธอจึงกล้ายอมรับสิ่งต่างๆตามที่มันเป็น ประการที่สองก็คือ พ่อแม่ของเธอ ท่านไม่เคยกังวลใจเกี่ยวกับความพิการของเธอ ท่านช่วยให้เธอได้เรียนรู้ที่จะยอมรับทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว

    สรุปข้อคิดที่ได้จากหนังสือ “บันทึกจากปลายเท้า”

    1. ทุกชีวิตเกิดมาต้องรู้จักการดิ้นรน ต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ไม่ควรยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตไปง่ายๆ ยิ่งสำหรับคนปกติอย่างพวกเราแล้วปัญหาต่างๆที่เราได้เผชิญ เราก็คิดว่ามันเป็นปัญหาที่หนักแล้ว แต่เมื่อเราลองนำกลับมาเทียบกับคนพิการ ผู้ที่มีความผิดปกติทางร่างกายแล้ว คนเหล่านี้ก็เผชิญปัญหาอย่างเดียวกับเราและยังมีปัญหาบางอย่างที่คนเหล่านี้ต้องเผชิญมากกว่าเราด้วย เขายังดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่รอดมาได้ ทั้งๆที่ลักษณะการแก้ปัญหาของคนเหล่านี้จะดำเนินไปได้ยากลำบากกว่าธรรมดา เขาก็ไม่เคยคิดท้อแท้

    2. การมีครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่สามารถทำใจยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นกับลูกตัวเองได้ พร้อมที่จะให้การเลี้ยงดู ให้ความรัก ความอบอุ่น พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและคอยเผชิญปัญหาต่างๆของลูกเสมอ ถือว่าเป็นการสร้างรากฐานชีวิตที่ดีแก่อนาคตของลูก ลูกจะโตมาเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับสถาบันครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันแรกที่จะอบรมสั่งสอน คอยให้กำลังใจและความเชื่อมั่นต่างๆแก่ลูก อย่างเลน่าเธอมีครอบครัวที่อบอุ่น สมบูรณ์ โตขึ้นมาเธอจึงเป็นเด็กที่มีนิสัยร่าเริง ไม่คิดรังเกียจตัวเองว่าเป็นคนพิการ ไม่นำมาคิดเป็นปมด้อย เธอจะทำสิ่งต่างๆพร้อมด้วยความมั่นใจ

    3. วิธีการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูก และยิ่งเด็กที่มีความพิการทางร่างกายแล้ว พ่อแม่ควรที่จะเข้าให้ถึงจิตใจลูก ไม่ควรเลี้ยงลูกแบบปล่อยปะละเลย และก็ไม่ควรเลี้ยงแบบถนุถนอมจนเกินไป ควรเลี้ยงให้เด็กมีการช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดที่จะทำได้เนื่องจากพ่อแม่คงจะอยู่ช่วยเขาไปไม่ได้ตลอด และยังเป็นการทำให้เด็กมีความรู้สึกว่าตัวเองก็มีค่า ไม่ได้เกิดมาเป็นภาระให้แก่ผู้อื่น

    4. พ่อแม่ที่มีลูกเป็นคนพิการ ไม่ควรที่จะปิดกั้นเด็ก เนื่องจากเด็กพิการก็มีจิตใจเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป มีความต้องการเหมือนกับเด็กทั่วไป เพราะหากพ่อแม่อายมีลูกที่พิการแล้วไปปิดกั้นเด็ก ปิดกั้นโอกาสต่างๆ ไม่ให้เขาได้พบปะกับสังคม มันจะเป็นการทำให้เด็กนั้นมีความผิดปกติทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วย พ่อแม่ควรจะส่งเสริมให้ลูกได้เข้าสังคม ไปโรงเรียน มีเพื่อน มันจะเป็นการทำให้เด็กมีพัฒนาการเพิ่มขึ้น รู้จักที่จะเรียนรู้ถึงการปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้นอกจากคนในครอบครัวตัวเอง และยังทำให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่แปลกใหม่ด้วย

    5. คนปกติไม่ควรที่จะไปซ้ำเติมคนพิการ ด้วยการแสดงความรังเกียจ มองดูคนพิการเป็นตัวแปลกประหลาดในสังคม รวมทั้งการพูดล้อเลียนถึงความพิการของเขา เพราะคนพิการเหล่านี้ก็มีความทุกข์ในชีวิตมากพออยู่แล้ว เราไม่ควรไปซ้ำเติมให้เขารู้สึกทุกข์เพิ่มขึ้น เราควรจะให้ความช่วยเหลือแก่คนเหล่านี้

    6. การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยความตั้งใจจริง ย่อมจะพบผลสำเร็จ ความตั้งใจของเรานั้นเป็นสิ่งที่จะนำเราผ่านอุปสรรคและปัญหาต่างๆไปได้ด้วยดี เราต้องไม่ย่อท้อ และยอมแพ้ไปเสียก่อน อย่างเลน่าตอนที่เธอต้องการจะเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยดนตรีนั้นเธฮตั้งใจจริงหมั่นฝึกฝนด้านดนตรี และแล้วเธอก็สามารถผ่านการคัดเลือกได้

    ขนาดคนพิการยังมีความตั้งใจที่แรงกล้า และคนที่ร่างกายปกติอย่างเราล่ะ

    7. เมื่อเราประสบความสำเร็จมากๆในสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว ก็ถือได้ว่านั่นคือจุดสูงสุดและมันก็เป็นจุดอิ่มตัวด้วยเช่นกัน มันก็ถึงเวลาที่จะหยุดในการทำสิ่งๆนั้นแล้ว อย่างที่เลน่าเธอสามารถได้รางวัลมากมายจากการว่ายน้ำและแล้วเธอก็ปิดรายการสุดท้ายของการแข่งขันด้วยการไม่ได้รางวัลใดเลย แต่เธอก็สามารถยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นได้ เราสามารถนำเรื่องนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้เกือบทุกเรื่อง เราควรคิดว่าทุกสิ่งนั้นมีขึ้นก็ต้องมีล่วง เป็นของธรรมดา

    8.ก่อนที่เราจะให้ใครมามองว่าเรานั้นมีชีวิตที่มีคุณค่าได้นั้น เราต้องทำชีวิตของเราให้มีคุณค่าเสียก่อน เราต้องไม่ดูถูกตัวเองโดยเฉพาะคนพิการ ต้องไม่นึกรังเกียจตัวเอง ต้องมองตัวเองด้วยทัศนคติที่ดี ไม่นำเรื่องความพิการมาคิดเป็นกังวล นำความพิการเปลี่ยนเป็นกำลังใจที่จะทำสิ่งต่างๆให้ได้เหมือนกับคนปกติดีกว่า

    9. คุณค่าของคนนั้นไม่ได้ตัดสินที่รูปลักษณ์ภายนอก เราต้องตัดสินภายในจิตใจของคนคนนั้น คนที่มีรูปร่างภายนอกปกติดี ดูว่าสวย ว่าหล่อ แต่มันไม่แน่แสมอไปว่าในจิตใจขานั้นจะเป็นดังที่เห็น อาจจะเป็นแบบหน้าเนื้อใจเสือก็ได้ กลับกับคนที่มีรูปร่างภายนอกผิดปกติ พิการ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีจิตใจที่พิการไปด้วย

    10.ทุกครั้งที่เราพบปัญหา หรือตกอยู่ในภาวะที่ยากจะทนได้ เราต้องรู้จักการปรับตัว ตลอดชีวิตของคนเรานั้นต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดไม่ว่าต้องปรับให้คนกับสภาพแวดล้อม หรือคนอื่นๆรอบข้าง การปรับตัวได้ทำให้เรามีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข

    คำนำ

    หนังสือเรื่อง บันทึกจากปลายเท้า เป็นหนังสือที่แสดงถึงเรื่องราวของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต เนื้อเรื่องเป็นการบรรยายถึงคนพิการคนหนึ่ง โดยที่ตลอดชีวิตของเธอนั้นผ่านเรื่องราวอุปสรรคต่างๆมากมาย จะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งต่างๆมากมาย นับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี และยังสอดแทรกเนื้อหาที่แสดงเกี่ยวกับความคิดต่างๆของคนพิการ ที่บางทีคนปกติอย่างเราๆนั้นก็ไม่สามารถจะรู้ได้

    หนังสือเรื่องนี้ยังเหมาะกับผู้ที่รู้สึกท้อแท้กับชะตาชีวิตของตัวเองด้วย เมื่ออ่านหนังสือเรื่องนี้แล้วท่านจะรู้สึกได้ว่ายังมีบุคคลอื่นอีกที่มีชีวิตที่เลวร้ายกว่าท่าน และผู้เขียนยังได้บอกแนวความคิดต่างๆที่ทำให้ผู้เขียนมีกำลังใจต่อสู้ชีวิตให้อยู่รอดมาด้วย

    นุชรีย์ ก่อเลิศรัศมี

    ผู้จัดทำ

    รายงาน

    จิตวิทยาการปรับตัว

    จากหนังสือ บันทึกจากปลายเท้า

    เสนอ

    อ. วราภรณ์ ตระกูลสฤษดิ์

    จัดทำโดย

    น.ส.นุชรีย์ ก่อเลิศรัศมี รหัส 42213920

    ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์

    สวัสดีค่ะคุณแฟนเก่า

    • ปลื้มปิติจริงด้วยค่ะที่คุณบอกว่า จะส่งต่อให้เพื่อนและลูก ๆ หลาน ๆ อ่านอีกหลาย...ดีใจจังค่ะ
    • (^__^)...ยิ้มซะกว้างเลย....

    มีคนอีกเยอะเลยที่ไม่ได้พร้อมเช่นเรา ๆ ท่าน ๆ แต่จิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ ไม่อดทน พร่ำเพ้อ ก่นเศร้า ด่าว่าโชคชะตา  กลับไม่หันมาดูคนที่ขาดแคลนและด้อยกว่าตัวเองบ้างเลย

    • ทุกครั้งที่รู้สึกไม่สบายใจ หรือ เกิดความรู้สึกว่างเปล่าขึ้นในใจ คนไม่มีรากจะ ...เดิน และ หาหนังสือดี ๆ อ่าน แล้วจัดการย่อยออกมา ...ส่งต่อให้แก่ผู้อื่น ...และทุกครั้งก็จะช่วยเติมเต็มความว่างในใจของตัวเองได้ค่ะ
    • ...ด้วยความปิติ ไงคะ 
    • เราไม่ควร ก่นเศร้า ดังที่คุณแฟนว่าไว้ค่ะ ต้องมองไปนอกตัวให้มาก ๆ  จะได้รู้ว่า เราไม่ใช่คนเดียวที่ทุกข์
    • ขอบคุณค่ะ วันนี้เป็นวันดีอีกวันหนึ่งค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณกมลวัลย์

    • คุณโอโตตาเกะ เป็นคนโชคดีดังที่คุณกมลวัลย์วิเคราะห์ไว้ค่ะ หลายคนอาจไม่โชคดีเช่นนี้
    • เห็นด้วยค่ะที่คุณกมลวัลย์บอกว่า... เราถูกสอนมาให้มีอัตตา ตัวตนตลอดเวลา น่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ สวยอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้ของเธอ อันนี้ของฉัน.. จนกระทั่งหลงคิดว่าอัตตานี้ยั่งยืนอยู่คู่กับเราตลอด ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่เรียกว่าปกติหรือไม่ก็ตาม..เกิดเป็นทุกข์เป็นสุขมากมาย..เกิดอุปาทานไปต่างๆ นาๆ.. กว่าตัวเองจะพอเข้าใจว่ายึดอัตตาแล้วแย่ขนาดไหน ก็ปาไปครึ่งชีวิตแล้ว
    • ท่านมิตซูโอะเป็นศิษย์หลวงปู่ชา เช่นเดียวกับ พระอาจารย์พรหม ค่ะ
    • ขอบคุณที่กรุณามาแบ่งปันความคิดเห็นดี  ๆ ค่ะ
    • คุณกวินคะ
    • ได้ความรุ้เพิ่มจากคุณกวินอีกมากเลยค่ะ ยังสงสัย นับอะไรนะจึงไม่ครบห้า..ไม่ทราบจะถามใคร คุณกวินมาบอกพอดี

    ระยางใหญ่ในร่างกาย คือ แขนสองข้าง +ขาสองข้าง+ศรีษะ = ๕ ส่วนคนไทยนับ  ทวัตติงสาการปาฐะ ( อาการ ๓๒)

    • อย่ารังเกียจความทุกข์ ความผิดหวังเลยนะคะ เพราะเห็นทุกข์ ก็เริ่มจะเห็นธรรม ... ดังที่คุณกวินว่าค่ะ
    • เราอย่ามัว อยู่กับความทุกข์ ความเศร้าเลยนะคะ ออกมาโลกภายนอกอันไพศาล และ ปวารณาตัวทำประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น กันเถอะค่ะ
    • ส่งกำลังใจให้คุณกวินประสบความสำเร็จในการออกจากทุกข์ทั้งปวงค่ะ
    • ...^_^....

     

    • คุณ  OOHOOH  คะ
    • เอาปลั๊กไหมคะ จะได้ชาร์ทไฟได้เต็มที่
    • ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณคนตัดไม้

    • วันนี้รู้สึกเหมือนคุยกับคุณคนตัดไม้ทั้งวันเลยค่ะ  ตอบจนไม่ทราบว่าตอบบันทึกไหนไปบ้างแล้ว...ฮา...ตอบซ้ำไปบ้างอย่าหัวเราะนะคะ..^_^...
    • วันนี้ไม่ต้องไปเรียนค่ะ แต่ทำงานและส่งทางอีเมล์ได้ค่ะ ไม่ได้หนีเรียนค่ะ ไม่เคยขาดเรียนเลย.(ถ้าไม่จำเป็น)
    • ทำไมเราคล้ายกันหลายเรื่องเลยนะคะ..คนไม่มีรากก็เป็นลูกศิษย์ท่านพระอาจารย์ชา (ด้วยการอ่านหนังสือ) เช่นกันค่ะ..^_^...
    • การเขียนเรื่องราวที่ให้กำลังใจและเผื่อแผ่พลังให้แก่ผู้อื่นนี้ ต้องยอมรับว่า...เป็นการทำเพื่อตนเองเป็นอันดับแรกค่ะ แต่ผลพลอยได้นั้นคือส่งผลให้แก่ผู้อื่น และก็ได้รับอานิสงส์กลับมายังตัวเองอีกครั้ง...วันนี้มีความสุขมากค่ะ
    • เย้...ชอบที่ตัวเองสรุปเหมือนกันค่ะ ..อ้าว..ก็สรุปเองจะไม่ชอบได้ไงล่ะคะ...อิ อิ อิ
    • ขอบคุณค่ะที่วันนี้กรุณามาเยี่ยมหลายครั้งหลายครามากเลย
    • ........(^__^).........

     

     

    สวัสดีค่ะพี่โก๊ะคนดี..

    ตามมาขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลและกำลังใจที่มีมาอย่างต่อเนื่องค่ะ ส่งกำลังใจกลับให้พี่โก๊ะเช่นกันนะคะ...คิดถึงเหมือนเดิมค่ะ

     

    สวัสดีค่ะคุณคนโรงงาน

    • ชีวิตต้องสู้...ใช่แล้วค่ะ
    • สู้กันต่อไปค่ะ .. และนอกจากสู้แล้วเรายังต้องช่วยคนอื่นด้วยนะคะ
    • ...^_^....

    แม้ร่างกายจะพิการ แต่ใจไม่ได้พิการไปด้วยค่ะ น่าชื่นชมนะคะ อ่านแล้วหันกลับมามองตัวเองเหมือนกันว่าจะมัวท้อแท้ หมดกำลังใจไปทำไมกัน มีครบพร้อมทุกอย่างแล้ว อ่านแล้วได้กำลังใจจริงๆค่ะ เพราะฉะนั้นต้องสู้ๆ ค่ะ (^_^)

    ขอบคุณพี่โก๊ะค่ะที่นำมาแบ่งปันค่ะ

     

    สวัสดีค่ะท่าน JJ

    • ขอบพระคุณสำหรับ ภาพ และ เรื่องย่อ หนังสือบันทึก จากปลายเท้า ใช้ สื่อสารให้กำลัง นักศึกษาแพทย์ ครับ 
    • ขอให้เกิดอานิสงส์ร่วมกันนะคะ
    • ...^_^....
    • สวัสดีค่ะคุณหนุ่ย
    • ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลดี ที่นำมาฝากไว้ให้
    • อ่านแล้ว คนไม่มีรากรู้สึกเลยว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ๆ ค่ะ
    • ขอให้คุณหนุ่ยได้รับอานิสงส์จากการร่วมกันแบ่งปัน ความรู้สึกดี ๆ กำลังใจให้แก่ผู้ที่อาจจะกำลังต้องการกำลังใจนะคะ
    • เมื่อเราออกจากโลกภายในที่มองและยึดเพียงปัญหาของตัวเองแล้ว ... โลกภายนอกกว้างใหญ่ สวยงาม และรอเราช่วยกันจรรโลงนะคะ
    • ...^_^...
    • กราบขอบพระคุณอ.ประจักษ์ค่ะ
    • ดอกไม้สวยงามมากค่ะ

    สวัสดีค่ะครูมิม

    • วันนี้นั่งทำการบ้านไปก็คิดถึงครูมิมไป .. ได้อ่านข้อความที่ส่งมาแล้ว...ก็ยิ้ม..เหมือนกับตัดพ้อต่อว่า...โอ๋ ๆ ๆ ๆ ๆ รักพี่ต้องอดทนหน่อยนะคะ...พี่มันพวกอิสรชน .. ตามใจตัวเองเป็นอันดับหนึ่งค่ะ...ฮา....รักแล้วทนหน่อย...^_^..
    • ครูมิมคะ เมื่อวานพี่ไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย...ตื่นเช้าวันนี้จึงหยิบหนังสือธรรมะเล่มนี้มาอ่านค่ะ อ่านแล้วได้คิดว่าเรา ไม่ควรหมกมุ่นกับความทุกข์ของเรา ควรออกไปนอกตัว มองไปยังคนอื่นบ้าง
    • เราพร้อมและยังดีกว่าคนอีกมากมายนัก ทำไมมัวทุกข์ มัวท้อ เศร้าใจ จิตตก ปรุงแต่งจิตให้ตัวเองทุกข์ไปไยกัน พอคิดได้ก็รีบเขียนบันทึกนี้ค่ะ ได้อานิสงส์มากมายค่ะ ...
    • ตอนนี้พี่มีความสุขมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ
    •           (^__^) 
    • ดีใจคะที่เห็นพี่โก๊ะมีความสุข พลอยทำให้คนรอบข้างได้มีความสุขไปด้วยคะ
    • มิมเข้าใจ อิสรชนอย่างพี่โก๊ะค่ะ ดีแล้วค่ะ ถือเป็นการทดสอบความอดทน ทดสอบจิตใจตัวเองไปด้วยคะ ถ้าเราอดทนต่ออารมณ์ จิตใจ ของเราได้นับว่าเป็นเรื่องดีค่ะ ถึงแม้ว่ามันจะทำได้ยากก็ตามค่ะ มิมจะถือว่าเป็นบททดสอบจากพี่โก๊ะก็แล้วกันนะคะ
    • เคยดูหนังเรือง 2499 อันธพาลครองเมืองไหมค่ะที่บอกว่า เป็น..พี่ต้องอดทน อิอิ ไม่เกี่ยวกันเลยเนอะๆๆ
    • ความทุกข์ใจไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวงที่เข้ามา หากเรามีวิธีการจัดการมันอย่างถูกต้อง จะทำให้เราได้สติ กลับคืนมาค่ะ จิตใจก็จะสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน คิดทำอะไรก็ทำได้โดยง่าย นี่คืออานิสงฆ์ค่ะ
    • ตอนนี้มิมก็กำลังสร้างอาณิสงฆ์เหมือนกันค่ะ จิตสงบ แน่วแน่ในสิ่งที่ตั้งใจ หวังว่าสักวันคงได้อาณิสงฆ์เหมือนกัน
    • บททดสอบที่ว่าคงไม่นานเกินนะคะ อิสรชนต้องไม่ใจร้ายเกินไปนะคะ
    • ยิ้มๆค่ะ (^_^)

    + สวัสดีค่ะ...

    + คุณแม่แอมแปร์มาแล้วค่ะ...

    + มารายงานตัว...คิดถึงเช่นกันค่ะ..

    + ขอบอกว่า... 3 วันที่หายไป..เครื่องข้าน้อยโดนไวรัสกินค่ะ...

    + ท่านคนไม่มีรากเป็นอย่างไรบ้าง....

    • ครูมิมคนดี ๆ ๆ ๆ ๆ
    • เรียกซ้ำ ๆ  ค่ะ ..เอ้...เขียนอย่างนี้...แฟนานุแฟนของพี่ก็เข้าใจผิดพี่หมดน่ะสิ...สองคนนี้นี่ยังไงนะ..พูดอะไรกำกวม ยิ่งกำลังหาวิธีการร่วมกันคุณครูปูอยู่ว่า...จะทำไงจะได้ออกจาก คานทองนิเวศน์เสียที...ยังหาทางออกไม่ได้ ครูมิมจะทำให้ทางออกของพี่ปิดตายซะแล้ว...ฮือ..ๆ  ๆ ๆ 
    • อิสรชนน่ะมีวิญญาณขบถจ้ะ..คิดไม่ค่อยเหมือนใครหรอก แล้วผนวกกับเป็นคนลักษณ์เจ็ด ลองอ่านเรื่อง นพลักษณ์ของคุณหนุ่ยดูนะ จะรู้จักพี่มากขึ้น ถึง 80 % ค่ะ
    • อิสรชนไม่ใจร้ายค่ะ แต่ไม่ชอบการถูกผูกมัด....ไม่ชอบมีภาระทางอารมณ์ร่วมกับใครมากนัก...เพราะแท้ที่จริงแล้ว เขาเป็นคนอ่อนไหว...มากเหลือเกิน...อ้าวเผลอบอกจุดอ่อนเสียแล้ว...ฮา...
    • รักใครก็แล้วแต่...ต้องรักในแบบที่เขาเป็นนะคะ...
    • ยิ้มด้วยค่ะ (^__^)

    สวัสดีค่ะพี่คนไม่มีราก

    • แจ๋วเชื่อว่าทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ให้จิตใจอ่อนแอ ท้อถอย แรกๆ เรายังไม่มีกำลังมองไปรอบๆ นั่นคือภาวะที่จมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง และช่วงระยะเวลานี้จะผ่านไปเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันส่วนตัวของแต่ละคน
    • หากเราเกิดมามีไม่ครบ ตั้งแต่แรกเกิดเราจะไม่รู้สึกขาด แต่เราอาจแปลกต่างไปจากคนอื่นๆ แต่หากเรามีแล้วจึงสูญเสียไปนั่นเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ
    • อาจเป็นเพราะแจ๋วเชื่อว่าคนแต่ละคนมีความต่าง เราอาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าคนที่มีเหมือนกัน  หรือเราอาจมีชีวิตที่แย่มากกว่าคนที่มีไม่ครบก็เป็นได้ ทุกคนต่างมีทางของตน
    • อย่างไรก็ตามอ่านเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกชื่นชมผู้ที่ไม่มี มีไม่ครบแต่ดำเนินชีวิตในทางที่ดีและประสบความสำเร็จได้ค่ะ
    • เพราะอีกส่วนหนึ่งแจ๋วก็เชื่อว่าผู้ที่มีไม่ครบก็ย่อมต้องฝ่าด่านชีวิตมากมาย  และผ่านช่วงเวลาท้อใจได้ไม่ต่างกับคนที่ครบสมบูรณ์เช่นกัน แต่ท้อแล้วจะลุกให้เร็วเพื่อก้าวต่อไปอย่างไร
    • ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณแม่น้องแอมแปร์

    • ดีใจที่ได้พบอีกครั้งค่ะ
    • อย่านำไวรัสมาให้เครื่องนี้นะคะ...ขาดใจตายเหมือนกันค่ะ มีข้อมูลเรื่องเรียนเต็มเลย....ฮา...
    • คนไม่มีรากสบายดีค่ะ
    • สบายดีเช่นกันนะคะ
    • (^_^)

    สวัสดีครับ

    P

    • แวะมาทักทายครับ
    • ทานอาหารเย็นยังครับ
    • สบายดีไหมครับ
    • รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
    • คิดถึงครับ
    • คุณแจ๋วคะ
    • คนไม่มีรากนิยมความจริงจัง จริงใจ และการแสดงความคิดเห็นที่ซื่อตรงที่สุดของคุณแจ๋วมากค่ะ..^_^..
    • คุณแจ๋วพูดถูกแล้วค่ะ การเผชิญกับปัญหานั้น ขึ้นกับภูมิคุ้มกันส่วนตัวของแต่ละคน และภูมิคุ้มกันก็มีเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งภูมิหลังครอบครัว นิสัย การปรับตัว สังคม เศรษฐกิจ และจิตดั้งเดิมของคนคนนั้น
    • คุณโอโตตาเกะ เป็นคนโชคดีค่ะ ที่มีครอบครัวที่เข้าใจ และยังอยู่ในสังคมประเทศญี่ปุ่นที่มีการดูแลผู้พิการเป็นอย่างดี เขาจึงประสบความสำเร็จได้ 
    • แน่นอนค่ะที่คนพิการหรือคนที่มีไม่เหมือนคนอื่นนั้น ต้องฝ่าฟันมากกว่าคนอื่น ๆ ทั่วไป ... อย่างน้อยที่สุดเขาต้องสามารถฝ่าด่านอารมณ์ที่รู้สึกด้อยค่าที่เกิดขึ้นในตัวเองให้ได้เสียก่อน ... คนที่มีอวัยวะสมบูรณ์ครบบางคนก็ยังไม่สามารถฝ่าด่านนี้ได้ด้วยซ้ำไปค่ะ นี่คือสิ่งที่อยากนำเสนอและให้พวกเราที่มีพร้อมกว่า..ได้ชื่นชมและให้กำลังใจคนเหล่านี้
    • ขอบคุณคุณแจ๋วนะคะ เหนื่อย ๆ กลับมายังมานั่งอ่านและอุตส่าห์ให้ความคิดเห็นอย่างน่าสนใจเช่นนี้เสมอเลย
    • ...^__^....

     

    สวัสดีค่ะคุณครูโย่ง

    • สบายดีมาก  ๆ ค่ะ
    • วันนี้อดอาหารเย็นค่ะ ถือศีลแปดค่ะ
    • ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง
    • รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ

    พี่คนไม่มีรากก็จริงจังจริงใจในการตอบมากๆ เช่นกันจ๊ะ

    อ่านแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ ^_^

    แวะมาอีกรอบมาถามว่า...ทานข้าวเย็นหรือยังคะ

    สวัสดีค่ะ

    • ภาพถ่ายสวยค่ะ
    • ขอบคุณนะคะที่สรุปเรื่องดีๆ ให้อ่าน
    • แหม มาช้ามากมายเป็นคนที่ 50/208 แล้วแน่ะค่ะ

    มีหนังสือของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เล่มหนึ่งค่ะ แต่เล่มเล็กพกติดกระเป๋าถือ ชื่อ "เหตุสมควรโกรธ...ไม่มีในโลก" ได้มาปีแพะ (2546) แหม ก็ยังรู้จักการโกรธอยู่ดี...

     

    • คุณแจ๋วคะ
    • ขอบคุณค่ะที่กลับมาส่งยาหอมให้หัวใจอันชุ่มชื่นของคนไม่มีรากอีกครั้ง
    • วันนี้อดอาหารเย็นค่ะ ร่วมกับคุณกะปุ๋มตามเคยค่ะ
    • ให้ได้รับอานิสงส์ด้วยกันนะคะ
    • คุณแจ๋วทานข้าวให้อร่อยนะคะ
    • ...^_^....
    • พี่ดาวลูกไก่คะ
    • ดีใจที่พี่ชอบภาพนี้ค่ะ น้องตั้งชื่อภาพนี้ว่า ฟ้ากับทะเลทราย ค่ะ ถ่ายในทะเลทรายทางตอนเหนือของเมือง Pert, Australia ซึ่งไปศึกษาดูงานมาเมื่อ 16-20 พค.51 ค่ะ น้องก็ชอบภาพนี้มากเช่นกันค่ะ
    • ได้อ่าน  "เหตุสมควรโกรธ...ไม่มีในโลก" แล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของค่ะ ชอบมากเช่นกันค่ะ
    • ขอบคุณพี่นะคะที่แวะมาทักทายค่ะ...^_^...
    • ขอโทษค่ะ ไม่น่าถามเลยนะคะ
    • ขอให้ความตั้งใจดีนำสิ่งดีๆ มาสู่พี่คนไม่มีรากค่ะ
    • แจ๋วรู้สึกตาปรือๆ ไม่สู้แสงยังไงไม่รู้ค่ะ
    • ขอตัวไปพักสายตาก่อนนะคะ ^_^

    พี่โก๊ะอย่ากังวลค่ะ ทางนั้นเปิดสำหรับพี่โก๊ะอยู่เสมอค่ะ...ขอบคุณค่ะ

    นอนหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ นะค้าบ กัลยณมิตร คนไม่มีราก

    มาทักทายแต่เช้ามืดเลย

    ใบไม้ใกล้จะออกเดินทางแล้ว จะไปสูดอากาศบริสุทธิ์เผื่อนะคะ ให้คุณคนไม่มีรากได้มีพลังส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้คนอื่นต่อไปค่ะ ^_^

    แวะมาทักทายพี่คนไม่มีรากค่ะ^_^

    หวัดดีคนไม่มีราก ไว้คุณย่าจะหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านบ้างน่ะ น่าอ่านเชียว ทำให้อยากติดตามต่อ มันให้กำลังใจดี...ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ ได้เท่านี้ก็ดีถมไป ถึงไม่ได้เป็นนางสาวไทยก็พอใจแล้วค่ะ

    กวิน(ไม่ได้ล็อกอิน)

    สวัสดีคนไม่มีราก แวะมาปั่น เหรตติ้ง กระทู้...ไปกินข้าวก่อนนะครับ เมื่อคืนนอน หลับสบายดีมั้ยครับ

    มาเยี่ยม...คุณคนไม่มีราก

    ตัวตนที่แท้จริงของเราคือจิตใจ

    มาอาศัยร่างกายนี้อยู่นะ

    มองด้วยดวงตาที่สาม ( ปัญญา ) จะเห็นแจ่มแจ๋วแหว๋ว..ฮิ ฮิ ฮิ

    คุณโหลจ๋า....

    ยังไม่กลับมาอีกหรือจ้ะ มาบอกอีกทีว่า ฉันมีธุระตอน 19-21 น นะ จะโทรหลัง 21.30 น ก็แล้วกัน

    อย่าเพิ่งหลับนะ มีเรื่องสำคัญมาก

    ต่อว่าก่อน ตอนเที่ยงทำไมไม่เปิดมือถือฮะ....

    เบี่อจังเธอนี่ เมื่อไรจะเปลี่ยนนิสัยนี้เสียที  ชักเคืองเล็ก ๆ แล้วนะ

    .......

    คุณแจ๋วคะ

    • ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีผลอะไร ขอบคุณค่ะที่ห่วงใย พักผ่อนมาก ๆ นะคะ

    ครูมิมคะ

    • พี่ล้อเล่นค่ะ .. อย่าเพิ่งงอนน่า...โอ๋ ๆ ๆ ๆ ๆ

    คุณกวินคะ

    • ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์มาส่งไปนอน คืนนี้ถือศีลแปดตามคำแนะนำ นอนเสื่อค่ะ ....หลับสบายดีค่ะ เจ็บตัวนิดหน่อยตอนตื่นนอนเพราะไม่ค่อยเคยนอนเสื่อค่ะ แต่สบายใจดีค่ะ

    คุณใบไม้

    • เดินทางแต่เช้าเลยนะคะ 
    • เดินทางปลอดภัยค่ะ ... 

    สวัสดีจ้ะ คุณจิ๊ก

    • คืนนี้คุยกันจ้ะ
    • ขอบคุณที่สืบข่าวให้ตามที่ขอ...^_^...

    สวัสดีค่ะคุณแจ๋ว (อีกครั้ง)

    ตื่นเช้าจังค่ะ  วันนี้ต้องออกไปทำงานข้างนอกหรือเปล่าคะ

    ...^_^...

    สวัสดีค่ะคุณย่า

    • ยินดีต้อนรับค่ะ
    • ดีใจที่คุณย่ากรุณาแวะมาทักทายค่ะ
    • หนังสือเล่มนี้ขนาดเล็กกระทัดรัดค่ะ ใส่ติดกระเป๋าไว้ได้ค่ะ
    • เนื้อหากระชับ เรียบง่าย และมีภาพวาดประกอบค่ะ
    • คนไม่มีรากคิดว่าเป็นหนังสือธรรมะที่ย่อยมาแล้ว..บางคนมองว่าไม่ลึกซึ้งพอ แต่ส่วนตัวคิดว่า..เหมาะกับระดับสติปัญญาแบบโลก ๆ ของคนไม่มีรากค่ะ เพราะเมื่อเกิดคำถามขึ้น เราสามารถเปิดอ่านได้โดยเร็ว คล้ายอาหารสำเร็จรูปค่ะ
    • ขอบคุณคุณย่านะคะ ที่เข้ามา ลปรร. กันค่ะ

                                 (^__^)

    สวัสดีค่ะน้องแอมป์

    • น้องก็มีจิตใจที่สวยงาม...ไม่แพ้นางงามนะคะ
    • พี่วัดความงามของคนจาก..จิตใจค่ะ  บางคนมีชาติตระกูล ฐานะ การงานสูงเป็นที่นับหน้าถือตา แต่จิตใจ..ไม่สวยงามไม่สูงส่งเหมือนภายนอก...ก็คงไม่ถือว่าเป็น คนงาม ค่ะ
    • น้องแอมป์เป็นคนรักหน้าที่ และทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด..ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามที
    • สำหรับพี่แล้ว...น้องเป็น คนที่งดงาม ค่ะ

               (^__^)

    สวัสดีค่ะ อ.ธ.วัชชัย

    • อนุโมทนากับอาจารย์ด้วยค่ะ

    สวัสดีคุณกวิน (อีกครั้ง)

    • เมื่อคืนหลับสบายดีค่ะ แต่เจ็บตัวนิดหน่อย เพราะไม่เคยชินกับการนอนพื้นธรรมดา เลยทำให้รู้ตัวขึ้นมาเลยว่า...เรานี่ใช้ชีวิตสะดวก สบายมากจนเคยตัวแล้ว
    • ตั้งใจว่า...จะถือศีลแปดตามที่คุณกวินแนะนำสักเดือนละครั้งค่ะ...^_^...

    สวัสดีค่ะ อ.ยูมิ

    • คนไม่มีรากกำลังพิจารณาสิ่งที่อาจารย์กล่าวว่า ...ตัวตนที่แท้จริงของเราคือจิตใจ มาอาศัยร่างกายนี้อยู่นะ มองด้วยดวงตาที่สาม ( ปัญญา ) จะเห็นแจ่มแจ๋วแหว๋ว

    • เลยรู้สึกว่าตัวเองออกจะยังด้อยปัญญาอยู่มากค่ะ ... มองคน ตัดสินคน ก็มักจะเพียงมองพฤติกรรม มองคำพูด มองหน้าตา มองสิ่งที่เขาต้องการให้เราเห็น...

    • คงต้องหาทางใช้ตาที่สาม (ปัญญา) ให้มาก ให้ยิ่งขึ้นไปค่ะ จะได้ไม่ หลงยึดติด กับรูปแบบและบางสิ่งบางอย่างที่เห็นด้วยตาเนื้อมากเกินไป

    • ด้วยเหตุนี้เองที่คุณโอโตตาเกะคนนี้ แม้จะพิการ เมื่อมองด้วยตาเนื้อ แต่ตัวตนภายในของเขา ไม่ได้พิการ กลับสมบูรณ์ เต็มเปี่ยม เมื่อมองด้วยตาที่สาม (ปัญญา)...เพราะเขาใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ เป็นตัวอย่างแก่คนที่ร่างกายไม่พิการอย่างเรา ๆ หลายคน

    • ขอบคุณอาจารย์ค่ะ ที่กรุณามาให้ปัญญาแก่บันทึกนี้

    • ต่อไปจะมองใคร ต้องมองด้วย ตาที่สาม (ปัญญา) จึงจะเห็นตัวตนที่แท้จริง

    •         (^__^)

    สวัสดีจ้ะจิ๊ก

    • อย่าเพิ่งโกรธเลยนะ..โอ่ ๆ ๆ ๆ
    • คืนนี้ค่อยคุยกันจ้ะ
    • (^__^)

    + ทราบแล้วเปลี่ยน..ค่ะท่านพี่คนไม่มีราก..

    + อ๋อ...ครูปูมาประชุมที่ทางใต้..คิดถึงจังเลยค่ะ

    + วันนี้สอนครึ่งวันค่ะ...

    + อีกครึ่งวันไปเลี้ยงต้อนรับครูน้องใหม่เอกอังกฤษค่ะท่าน..

    + เครื่องอาการยังไม่หายดี...ยังให้ยาตามอาการไปเรื่อย ๆ ค่ะ

    + ขณะตอนนี้ที่มาเยี่ยมท่านพี่ ก็ยังต้อง Delete ไวรัสกันไปด้วย...

    + เฮ้อ..ทำใจค่ะ

    + ทุกปัญหาต้องใช้ ตาที่สาม แก้กันไปตามสภาพค่ะ

    + รักและคิดถึงค่ะ

    + เมื่อได้อ่านด้วยใจที่ตั้งมั่น

     + เมื่อใจไม่พิการ...อย่างอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา..

    + นี่แหละหนาเพราะว่าเรามี ตาที่สาม + เคยอ่าน "ผีเสื้อและนักประดาน้ำ" ไม่แน่ใจว่าชื่อถูกต้องแบบนี้ไหม  แต่ชื่อประมาณ ๆ นี้แหละ 

    + เป็นเรื่องราวของคนที่ใช้ตาที่สามในการดำเนินชีวิต...เมื่อร่างกายพิการ

    + จำได้อ่านแล้วร้องไห้...ขณะที่ร้องไห้..ก็มีพลังกายใจมากมายที่จะให้เราเริ่มทำอะไรดี ๆ ต่อไป ด้วยตาที่สาม..." ปัญญา "

    + หนังสือมีคุรค่ามากมายอย่างนี้แล

    + หนังสือทำให้ตาที่สามของเราแจ่มชัดขึ้นค่ะ

    + รักและคิดถึงอีกครั้งค่ะ

    • คุณแม่น้องแอมแปร์คะ
    • เราเป็นนักอ่านที่เลือกอ่านหนังสือคล้าย ๆ กันนะคะ เรื่อง "ผีเสื้อและนักประดาน้ำ" นี้คนไม่มีรากก็ได้อ่านนานแล้วและก็ชอบด้วยค่ะ...^_^...
    • เรื่อง ดวงตาที่สาม (ปัญญา) ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ยูมิ เป็นท่านที่คนไม่มีรากมักจะได้อะไร ๆ และข้อคิดจากท่านอยู่เสมอ ทั้งที่ท่านก็เขียนแบบอ่านง่าย ๆ เบา ๆ สบาย ๆ ลองอ่านดูสิคะ มีสาระและสัจจธรรมแฝงอยู่ในข้อเขียนของท่านมากมายเลยค่ะ
    • ไม่ทราบว่าเราจะเหมือนกันไหม ถ้าไม่สบายใจหรือมีความเปล่ากลวงขึ้นในความรู้สึก .. นอกจากการเดินแล้ว ก็จะชอบอ่านหนังสือและอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ เพื่อนหลายคนมักจะบ่นว่าทำไมตอนมีทุกข์ไม่โทรไปเล่าให้เพื่อน ๆ ช่วยปลอบ ทำไมเก็บไว้คนเดียว ...ก็ตอบไม่ถูกค่ะ รู้ว่าอยากจะฟังเสียงภายใน..ของตัวเองมากกว่า...ค่อยคิดค่อยใคร่ครวญไปทีละเรื่อง .. การอ่านหนังสือดี ๆ ก็จะมีส่วนให้เกิดข้อคิด ข้อสะกิดใจกับตัวเองเสมอมาค่ะ
    • หนังสือทำให้ ดวงตาที่สาม แจ่มชัด จริงดังที่คุณแม่น้องแอมแปร์ว่าค่ะ
    • (^__^)
    • สวัสดีครับท่านคนไม่มีราก
    • แวะมาทักทายครับ หลังจากหายไปหลายวัน
    • ร่างกายจะครบ 32 หรือไม่ ไม่สำคัญ สำคัญที่ใจเต็มร้อยครับ
    • ดูตนเองให้ออก บอกตนเองให้ได้ ใช้ตนเองให้เป็น (ใครคนหนึ่งพูดไว้ ใครทราบ ช่วยบอกทีครับ)
    • โชคดีมีความสุขครับ
    • กราบท่านอ.ทนัน
    • เกรงใจที่ท่านกลับมาเหนื่อย ๆ แล้วต้องมาเยี่ยมและทักทาย แต่ก็ซาบซึ้งใจในจิตเมตตาของท่านค่ะ
    • ชอบและน้อมรับค่ะ...
    • "ดูตนเองให้ออก บอกตนเองให้ได้ ใช้ตนเองให้เป็น"  ขออนุญาต ขยายความตามความคิดของตัวเองนะคะ
    • ดูตนเองไม่ออกจะเป็นคนที่สมบูรณ์ได้อย่างไร
    • บอกตนเองไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะดำเนินชีวิตไปได้อย่างไรให้ปกติสุข  และถ้า...
    • ใช้ตนเองไม่เป็นแล้วไซร้...จะใช้ชีวิตในโลกสมมติชั่วคราวนี้อย่างสร้างสรรค์ต่อตนเองและผู้อื่นได้อย่างไร
    • ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์เป็นอีกท่านหนึ่งที่มักจะให้ปัญญากับคนไม่มีรากอยู่เสมอค่ะ
    • (^__^)

    + ไม่อยากจะบอกว่า "เป็นมิตรรักพันธุ์แท้" ของอาจารย์ยูมิค่ะ

    + อ่านทุกเรื่องราว...ที่ท่านนำเสนอ..เรื่องราวที่ท่านนำเสนอ สูงสุดสู่สามัญ + เราเหมือนกันและไม่เหมือนกัน คือว่า

        "ชอบเดิน ชอบอ่านหนังสือ ฟังเสียงภายในของตัวเอง คุยกับสามี"

    + "คุยกับสามี"  ไง คือความต่าง

    + ฮา ๆ เอิ้ก ๆ .....

    + ดูเหมือนว่าเรามีสิ่งที่เหมือนกันอีก คือ

    + เป็นมิตรรักพันธุ์แท้ ของ อ.ยูมิ และ อ.ทนัน

    + ฮา ๆ เอิ้ก ๆ

    สวัสดีค่ะพี่คนไม่มีราก

    แวะมาทักทายค่ะ ค่ำนี้ต้องทำงานต่อ

    แล้วพรุ่งนี้มีประชุมอีก ช่วงนี้อาจหายๆ ไปนะคะ

    สวัสดีตอนเย็น ครับ มาชวนไปอ่าน กระทู้

    007 : มัจฉาจมวารี...ไซซี หญิงงามผู้พลิกแผ่นดินจีน@187350  โดย ดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ

    สำนวนจีน “โว่ซินฉางต่าน” ซึ่งอาจารย์ เล่า ชวน หัว แปลเล่นสัมผัสว่า “ทนนอนบนท่อนฟืน กล้ำกลืนรสดีขม” อันหมายถึง ความอดทนที่มีปณิธานแน่วแน่

    นึกถึงคนไม่มีราก กับปณิธานการถือศีลแปด ขอคารวะๆๆๆ

    • คุณแม่น้องแอมแปร์คะ
    • เราเหมือนกันหลายอย่างจริงด้วยค่ะ
    • มีอย่างเดียวคือ ...คนไม่มีรากต้องคุยกับตัวเอง แต่คุณแม่แอมแปร์โชคดีที่มี..คุณพ่อน้องแอมแปร์คุยและช่วยกันฟังเสียงภายในค่ะ...ดีใจด้วยค่ะ
    • ขอบคุณค่ะที่มาบอกเล่าความเหมือนและความต่างของเรา
    • ...^_^...

    คุณแจ๋วคะ

    • ทานข้าวหรือยังคะ
    • ทำงานด้วยความเบิกบานนะคะ
    • ไม่เป็นไรค่ะ เราส่งใจถึงกันก็แล้วกันค่ะ

    สวัสดีครับ

    • แวะมาทักทายครับ
    • มาดูรูปสวยๆ ครับ
    • ชอบจังเลย
    • รูปนี้
    • สบายดีนะครับ
    • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

    สวัสดีค่ะคุณกวิน

    • ความจริงไปอ่านมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้คอมเม้นท์ หนังสือเรื่องหญิงงามทั้งสี่ในประวัติศาสตร์จีนนั้น...ที่บ้านมีอยู่ค่ะ เป็นหนังสือเก่าแก่มาก และมีภาพวาดพู่กันจีนสวย ๆ ทังนั้น
    • “ทนนอนบนท่อนฟืน กล้ำกลืนรสดีขม” ทัศนคติและความเชื่อนี้ คุณปู่ (อากง) ของคนไม่มีรากซึ่งเป็นหมอจีน มักจะสอนลูกหลาน (ตัวเองเกิดไม่ทันท่านค่ะ) ว่าต้องรู้จักความลำบากก่อนจึงจะสบายภายหลัง ของขมเปรีบบเหมือนความยากลำบาก มีคุณประโยชน์ต่อชีวิตเช่นเดียวกัน
    • ภาษิตไทยคงใช้ว่า  หวานเป็นลม ขมเป็นยา ..ใช่ไหมคะ  คำพูดหวาน ๆ กริยาน่ารัก น่าดู ก็อาจจะเป็นคำหวานที่เคลือบยาพิษได้ ส่วนความหยาบ คำพูดไม่รื่นหู แต่จริงใจ ก็เปรียบได้กับยาหรือของขมที่ช่วยรักษาร่างกายและจิตใจ
    • ...คนไม่มีรากตระหนักว่า...ความลำบากจะช่วยให้เราเข้มแข็งขึ้นค่ะ
    • ถือศีลแปด..ไม่ยากลำบากหรอกค่ะ...เพียงแต่ไม่เคยชิน ทำบ่อยสักพักก็คงรู้สึกไม่ทุกข์ยากไปเองค่ะ
    • ขอบคุณค่ะ ขอให้คุณกวินได้รับอานิสงส์ที่แนะนำเรื่องการไม่นอนบนฟูก...จนการอดมื้อเย็นกลายเป็นการถือศีลแปดไปได้อย่างสมบูรณ์นะคะ
    • ........(^__^).........

    สวัสดีครับ

    รายงานข่าว :

    วันนี้ปกติดีครับ อากาศร้อนอบอ้าว แต่ก็ดื่มน้ำตามปกติ

    พอดีคุณคนไร้รากบอกช้า อิๆ เลยไม่ได้ดื่มน้ำมากเป็นพิเศษ

    มีน้ำผลไม้อีกนิดหน่อย จิบๆ ไป

    ถึงตอนนี้ก็ยังโอเคครับ

    ฝึกบ่อยๆ คงอดข้าวประท้วงได้แน่ๆ เลย อิๆๆ

    ขอบคุณครับ

    • มาให้ข้อมูลเรื่อง ศีลแปด อีกที รู้สึกจะตกหล่นไป ในเรื่อง เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี แต่คนไม่มีรากคงไม่ชอบเที่ยวกลางคืนอยู่แล้วนะครับ

    • ศีลข้อที่ 6. เว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล (หลังเที่ยงถึงวันใหม่)

    • ศีลข้อที่ 7.เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี และประดับร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องประดับ เครื่องทา เครื่องย้อม

    • ศีลข้อที่ 8.เว้นจากการนั่งนอนเหนือเตียงตั่ง ที่เท้าสูงเกิน ภายในมีนุ่นหรือสำลี

    • ศีล(ะ) มาจาก คำว่า ศิลา (คนถือศีล ก็คือคนถือ/แบก ก้อนหิน ย่อมต้องเกิดความหนัก-อึดอัดเป็นธรรมดา และคนอื่นก็มักจะหัวเราะเยอะ คนที่แบกหิน เสียด้วย ว่าเดินช้าล้าหลัง แต่ถ้าถือหินบ่อยๆ เวลาพายุแห่งอุปสรรค+ความเศร้าโศก พัดพานมา ผู้ที่แบกก้อนหิน ก็ย่อมไม่ปลิวไปตามแรงพายุ นะครับ ว้ามั้ย) และถ้าเราแบกก้อนหินจนชินแล้ว จะไม่รู้สึกหนัก (เท่ากับว่าเรามีศักยะภาพมากกว่าคนธรรมดา 1 เท่าตัว เพราะเดินไปแบกหินไป ฮาๆเอิ๊กๆ หัวเราะแบบอาจารย์อุทัย)

    • ผมค่อยๆ แบกทีละก้อนก่อนดีกว่า เนื่องจากพลังวัต ยังไม่แก่กล้าเท่าศิษย์ผู้พี่ (คนไม่มีราก) ฉะนั้นเมื่อ ศิษย์พี่ฝึกวิชาการแบกหินสำเร็จแล้วโปรดถ่ายทอดวรยุทธให้ศิษย์น้องด้วยนะขอรับ แล้วจะช่วยหาบน้ำ ตัดฟืน ช่วยบีบช่วยนวดเป็นการตอบแทน :) จึ๋ย...

    ศีลห้าศีลแปดนั้น      คือวิถี
    ยึดเหนี่ยวกายวจี       มั่นไว้
    กันภัยไล่ราคี            ผันผ่าน
    หากท่านรักษ์ศีลไซร้  ย่อมได้สุขสันติ์

    หวัดดีค่ะ...พี่ (คนไม่มีราก)

    หนังสือ เล่มนี้เพื่อนเคยแนะนำมาครั้งหนึ่ง

    สามารถสร้างพลังและกำลังใจได้ดีทีเดียวเลยค่ะพี่

    ใช่ค่ะ...ตัวเราอวัยวะก็ครบ

    สิ่งแวดล้อมก็แสนจะเอื้ออำนวยช่วยเรา

    จะเลิกท้อแท้ เหงาหงอย เกเร ยืดยาด อีกต่อไป...คะพี่

    สวัสดีค่ะอ.ธ.วัชชัย

    • ต้องขอโทษค่ะที่แนะนำไม่ครบถ้วนเรื่องการดื่มน้ำมาก ๆ และแนะนำช้าเกินไป
    • อนุโมทนากับความตั้งใจดีด้วยนะคะ
    • จะไปประท้วงเมื่อไหร่บอกด้วยนะคะ..ขอไปด้วยค่ะ

     

    สวัสดีค่ะคุณกวิน

    • ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ที่ลิงก์มาให้ค่ะ
    • เห็นด้วยกับการถือศีล หรือ การแบกหิน เพื่อให้เกิดความอดทนได้ต่อความยากลำบากค่ะ
    • สิ่งเหล่านี้ผู้ปฏิบัติเองจะได้..รู้สึกด้วยตัวเอง
    • คนไม่มีราก็ยังคงต้องขอบคุณคุณกวินอย่างมากค่ะ ที่ทำให้ได้ถือศีลแปด..อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ได้ตั้งใจ
    • ...^_^...

    สวัสดีค่ะท่านอ.ทนัน

    • ต้องกราบขอโทษท่านด้วยค่ะ ที่ตอบช้ามาก เนื่องจากมีภารกิจที่ไม่สามารถเข้ามาดูได้ค่ะ
    • กราบขอบคุณสำหรับโคลงที่ท่านกรุณาให้เป็นสติเตือนใจค่ะ
    • ^_^

    สวัสีดีค่ะคุณวินดี้

    • ยามที่รู้สึกท้อแท้หรือไม่สบายใจ คนไม่มีรากคิดว่าเราควร ...ออกจากตัวเอง ..มองไปยังโลกภายนอก เราจะเห็นว่าเราเป็นเพียงเสี้ยวธุลีเล็ก ๆ เท่านั้นในจักรวาล...เราไม่ได้มีตัวตน หรือ ความสำคัญอะไร เราจึงไม่ควรยึดอยู่กับตัวเองเท่านั้น
    • ....มีคนอีกมากค่ะ ที่ลำบาก ..และอาจกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเรา  อย่ามัวอยู่กับ...ตัวเองเลย เพราะอาจทำให้ยิ่งทุกข็ไม่หมดสิ้นเสียที
    • ...โลกข้างนอกยังสวยงามและมีสิ่งดี ๆ รออยู่ค่ะ
    • ขอบคุณค่ะ ...เป็นกำลังใจร่วมกันนะคะ
    • (^_^)

    โหลจ้ะ

    เปิดโทรศัพท์ด้วยนะ มีเรื่องคุยจ้ะ .... อย่าเพิ่งโกรธนะ....น่านะ

    อธิบายได้จ้ะ

    รักจ้ะ

     

    • สวัสดีค่ะจิ๊ก
    • แล้วค่อยคุยกันจ้ะ...และไม่ได้โกรธค่ะ
    • ...^_^...

    พี่คนไม่มีรากคะ แวะไปที่บ้านครูมิมสักนิดนะคะ ด้วยความคิดถึงค่ะ

    • คุณแจ๋วคะ
    • คงต้องขอตัวค่ะ  ขอโทษนะคะ
    • แล้วค่อยคุยกันค่ะ
    • คิดถึงค่ะ

    คนไม่มีรากสนใจส่ง ประกวดภาพถ่ายชีวิตและงานบริการปฐมภูมิ  ในหัวข้อ “สุขภาพใกล้ตัว บริการใกล้บ้าน”@187804  สนใจมั้ย..(แต่ในประกาศบอกว่า บุคคลากรทางการแพทย์/สาธารณสุข น่าจะได้นะคนไม่มีรากจบพยาบาล มานี่นา :) เผื่อมีเพื่อนก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆ คนไม่มีรากด้วยนะครับ) ขอให้มีความสุข ในการเรียนนะครับ miss u v v v much 

    คุณแจ๋วคะ

    • เมื่อคืนทำการบ้านไม่เสร็จค่ะ เลยไปคุยไม่ได้ การบ้านต้องส่งตอน 10 โมงเช้า เพิ่งทำเสร็จตอน ตี 1 ค่ะ เนื่องจากมัวแต่ไปประชุมค่ะ
    • ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ...^_^..

    คุณกวินคะ

    • ตามไปอ่านแล้วค่ะ
    • ว่าจะหาภาพเก่าที่เคยถ่ายส่งไปประกวด  ได้ไหมคะนี่

    สวัสดีค่ะพี่คนไม่มีราก

    งานเยอะๆ อย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ

    คิดถึงค่ะ

    สวัสดีครับ

    แวะมาทักทาย

    หวังว่าสบายดีนะครับ

    วันนี้กลับมาทำภาระกิจของเราแล้วนะคะหลังจากบกพร่องมาหลายวัน หวังว่าพี่โก๊ะคงเข้าใจนะคะ ....ยังคิดถึงเหมือนเดิมค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ มื้อเย็นทานอะไรบ้างก็ดีค่ะ เดี๋ยวไม่มีแรง เป็นห่วงค่ะ...

     

     

    สวัสดีค่ะคุณแจ๋ว

    • สุขภาพเต็มร้อยค่ะ
    • ไม่ต้องห่วง....^_^...
    • รักษาสุขภาพเช่นกันค่ะ

    สวัสดีค่ะอ.ธ.วัชชัย

    • สบายดีค่ะ ฝนไม่ค่อยตก เลยไม่ค่อยได้ไปเดินตามฝนพรำเหมือนที่ชอบ...ก็เลยไม่เป็นหวัด...รอดตัวค่อ
    • ขอบคุณค่ะ..^_^..

    สวัสดีค่ะครูมิมคนดี

    • วันนี้ดอกไม้สวยเป็นพิเศษเลย....^_^....
    • ความจริง..ดอกไม้ ใบหญ้า ก็สวยและงดงามทุกวันค่ะ ธรรมชาติงดงามเสมอ...ในตัวของมันเอง...
    • แต่อารมณ์ที่เบิกบาน ผ่องใส และความปิติในความอาทรของผู้นำมาฝาก ทำให้..ยิ่ง งดงามขึ้นอีกมากมายเหลือเกินค่ะ....(^_^)...
    • ทานอาหารปกติค่ะ ขืนงดมื้อเย็นบ่อย ๆ เข้า  อาจถูกพี่สาวหิ้วไปพบแพทย์ .. คิดว่าน้องสาวเป็นอะไรไปแล้ว...ยิ่งโก๊ะ ๆ ๆ คิดอะไรแปลก ๆ อยู่ด้วย...
    • อ้อ..จะบอกว่า การงด/อดอาหารไม่ทำให้เจ็บป่วยนะคะ แต่ช่วยให้ร่างกายได้พักและจัดการกับพิษที่คั่งค้างในร่างกายค่ะ
    • ไว้วันพฤหัสบดีจะงดเนื้อสัตว์ค่ะ
    • ขอบคุณครูมิมค่ะ
    • (^__^)

    สวัสดีค่ะพี่คนไม่มีราก

    แจ๋วเองนะคะ ตัวจริงค่ะ

    พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ มีงานเข้ามามาก วันหยุดก็เหมือนไม่หยุด

    ยังไม่มีบันทึกใหม่ๆ ก็เลย แอบมาปิดล็อคบล็อกไว้ชั่วคราวก่อนค่ะ

    เพราะเกรงว่าจะไม่มีเวลามาตอบ มาเขียน

    น้องครูมิมมาส่งข่าว เลยแวะมาบอกพี่คนไม่มีรากนะคะ

    แจ๋วสบายดีค่ะ แต่งานเริ่มเข้ามาจนจัดการไม่ไหว

    สวัสดีค่ะพี่โก๊ะคนดี

    • วันนี้ทำอะไรบ้างค่ะ ส่งกำลังใจไปให้พี่โก๊ะคนดีมีกำลังแรงใจในการทำภารกิจต่างๆ ด้วยความเบิกบานค่ะ
    • พี่แจ๋วบอกว่าช่วงนี้งานเยอะๆค่ะก็เลยปิดชั่วคราวก่อน แต่เห็นว่าจะมาเปิดบล็อกไว้นะคะ บอกว่าไม่มีเวลาเข้ามาตอบคอมเม้นส์ เกรงใจคนมาเยี่ยมนะคะ
    • วันนี้มิมเอาหมีหมี่กรอบ จากตลาดสามชุกมาฝากพี่โก๊ะค่ะ น่ารักไหมคะ แถมยังกินได้ด้วยค่ะ
    • คิดถึงเช่นเดิมคะ

    อ้าว...พี่แจ๋วมาส่งข่าวพอดีเลย อิอิ

    อ้าว...พี่แจ๋วมาส่งข่าวพอดีเลย อิอิ

    พี่คนไม่มีราก----> เปิดบล็อกใจสั่งให้เขียนเอาไว้ให้พี่คนไม่มีรากฟังเพลงฝากรักค่ะ

    และให้มิตรที่น่ารักท่านอื่นๆ เข้าไปอ่านได้นะคะ

    ครูมิม-----> ครูมิมไปตามพี่ก็รีบมาก่อนจ๊ะ...ไม่งั้นออกข้างนอกแล้วยาวเลยค่ะ

    แวะมาอีกรอบค่ะพี่คนไม่มีราก เพราะเดี๋ยวจะปิดเครื่องเดินทางแล้วจะยาวถึงค่ำแน่ๆ ค่ะ

    พี่คนไม่มีรากและมิตรที่น่ารักที่ไม่ได้เอ่ยนามอีกหลายท่านทำให้ที่นี่มีความหมายสำหรับแจ๋วเช่นกันค่ะ

    ดีใจ สบายใจไปด้วยที่ทราบว่าคุณคนตัดไม้นั้นเป็นคนกันเอง

    เพราะชอบอ่านที่คุณตัดไม้มาคุยกับพี่คนไม่มีรากเช่นกันค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    • คุณแจ๋วคะ
    • คุณค่าของบางสิ่งบางอย่างวัดไม่ได้ด้วย...ตัวเลข
    • แต่..วัดได้ที่ ใจ....
    • ส่งคุณแจ๋วออกไปทำงานอย่างมีความสุขและปลอดภัยค่ะ
    • คุณคนตัดไม้คงไม่ต้องเข้ามาคุยในนี้แล้วค่ะ
    • เพราะคุยทางโทรศัพท์กันค่ะ
    • ขอบคุณที่อุตส่าห์มาส่งข่าวอีกค่ะ
    • ...^_^...
    • ครูมิมคะ
    • อย่าน้อยใจที่ตอบของคุณแจ๋วก่อนนะคะ..^_^...
    • คิดว่าคุณแจ๋วต้องออกไปทำงาน เลยรีบตอบก่อน คุณแจ๋วจะได้ออกไปทำงานอย่างสบายใจค่ะ
    • หมีหมี่กรอบ..แหะ ..น่าทานแต่ทานแล้วจะเจ็บคอหรือเปล่าหนอ....ต้องดื่มน้ำมาก ๆ ค่ะ
    • ขอบคุณที่ครูมิมส่งข่าวและมาส่งกำลังใจให้นะคะ
    • รักครูมิม...จังเลย
    • ....(^__^)....
    • ไม่น้อยใจค่ะพี่โก๊ะ..เข้าใจค่ะ
    • มาบอกรักกันแบบนี้ ก็แย่ซิค่ะ กำลังจะตัดใจได้อยู่เชียว อิอิ
    • รัก..
    • ครูมิมคะ
    • จะ ตัดใจ น่ะ จะตัดใจจากใครกันแน่...รู้น่า...^_^...
    • รักกันดีกว่า...ไม่รัก กันนี่นา
    • รักกันเถอะนะ...แต่รักน้อย ๆ รักทุกวัน ความรักจะได้เติบโต มั่นคง....
    • (^_^)

    พี่โก๊ะคนดี..ตัดใจจากใครกันหล่ะ อิอิ เบื่อจังเลยคนรู้ทันเนี๊ยะ ไม่รักกันยังงัยค่ะ ดูบรรทัดสุดท้ายซิ ..เห็นไหมค่ะ คำว่า รัก...ว้าหวานๆเลี่ยนๆอีกหละ ไม่เอาดีกว่าเอาเป็นว่าเรารักกันทุกวันก็แล้วกัน มาอ่านนี่ดีกว่าค่ะ ^_^

    ชีวิตจะเป็นสุข...เมื่อมองทุกข์อย่างเข้าใจ


    การที่เราจะมีความสุขในชีวิตหรือไม่นั้น
    สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่จิตใจ และความคิดของตนเอง
    หากคิดแต่เรื่องดีๆ
    ชีวิตก็มีความสุขและมีความทุกข์อย่างเข้าใจ
    ถ้าหากกำลังมีทุกข์
    ขออย่าคิดว่าทุกข์ของตนเองมากมายกว่าผู้อื่น
    ให้เพียรพยายามคิดว่าผู้อื่นก็มีทุกข์ไม่น้อยไปกว่า
    หรืออาจจะหนักหนาสาหัสกว่าเสียอีก
    หากนำความทุกข์ไปเปรียบกับผู้ที่แย่กว่า
    จะช่วยให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น
    และรู้สึกว่ายังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน

    ดังเช่นที่นักปราชญ์เคยกล่าวเอาไว้ว่า

    "ในขณะที่ท่านกำลังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่มีรองเท้าใส่
    ท่านควรคิดถึงคนที่เขาไม่มีแม้กระทั่งเท้า

    หรือหากท่านเสียใจที่ไม่มีเท้า
    แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีทั้งเท้าและทั้งแขน"

    หรือหากทำงานและธุรกิจล้มเหลวก็ขอให้คิดว่า
    ความผิดพลาดและล้มเหลว
    คือบทเรียนเริ่มต้นของความสำเร็จ

    เหมือนคำกล่าวที่ว่า

    "บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด
    ล้วนได้มาจากความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง
    ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีต
    จะกลายเป็นสติปัญญา และความสำเร็จในอนาคต"

    จาก คู่มือสู้ชีวิตด้วยตนเอง ชุดที่ 1 ล้มแล้วลุก...รุกไปข้างหน้า
    รวบรวมเรียบเรียงโดย เบญญาวัธน์

    มีฤๅอันไม่ล้ม            แลลุก
    เคยผ่านสุขแลทุกข์    ทั่วถ้วน
    ขอเพียงอย่ามัวขลุก   ทุกข์เก่า หลังนา
    ผิดผ่านบทเรียนล้วน   ต่อนี้ถูกวิถี

    • ครูมิมคนดีคะ
    • ชอบบทความที่คัดลอกมาให้นี้มากค่ะ  เหมือนที่ใจคิดไว้เลย
    • โดยเฉพาะที่ว่า...  "บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด ล้วนได้มาจากความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีต จะกลายเป็นสติปัญญา และความสำเร็จในอนาคต"
    • ขอบคุณมาก ๆ ... ชอบมากเลยจ้ะ
      (^_____^) ยิ้มกว้างพอหรือยังคะ...
    • กราบท่านอ.ทนันค่ะ
    • น้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณสำหรับโคลงของท่านค่ะ
    • หวังว่าอาจารย์คงสบายดีนะคะ

    อ่านแล้ว นึกนิยม เป็นเรื่องที่เตือนใจได้มากค่ะ แม้ร่างกายจะไม่สมบูรณืแต่จิตใจกลับไม่หดหู่เศร้าสร้อยเลย พี่เป็นคนไม่ค่อยมีความเศร้า เลยไม่ค่อยอยากเห็นใครเศร้าด้วยค่ะ

    • ขอบคุณพี่ศศินันท์ค่ะที่แวะมาอ่าน
    • เป็นเรื่องหนึ่งที่น้องชอบมากค่ะ  เพราะทำให้รู้ว่า..เรายังโชคดีกว่าคนอีกมากมายนักค่ะ
    • ^_^

    สวัสดีครับ พี่โก๊ะ

    • สบายดีนะครับ
    • แวะมาทักทายครับ
    • ช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ
    • งานยุ่งไหมครับ
    • ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
    • คนหน้าตาดีเป็นห่วงครับ อิอิ

    สวัสดีค่ะพี่โก๊ะ...

    เมื่อบ่ายๆ ตอนที่ขึ้นบันทึกนิทานใหม่ๆ ส่งข้อความไปตามคุณครูให้มาให้คะแนนนิทานแล้วค่ะ แต่เงียบ ...สงสัยปิดโทรศัพท์แน่ๆเลยใช่ไหมค่ะ ..งานคงเยอะอีกเหมือนเคย ไม่เป็นไรค่ะมาช้าก็ดีกว่าไม่มานะคะ

    วันนี้ทำงานได้ตามเป้าหมายหรือเปล่าคะ ....งานหนัก รักษาสุขภาพให้ดีนะคะ....พร้อมจะปฏิบัติภาระกิจด้วยความเบิกบานค่ะ อิอิ

    สวัสดีค่ะน้องคนไม่มีราก

    • แวะมาเยี่ยมทักทายยามเย็นค่ะ
    • พี่ต้องบอกตัวเองเสมอว่า "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" ค่ะ
    • พี่ชอบและเห็นด้วยกับข้อความตรงนี้ค่ะ

    มนุษย์นั้นจะทำสิ่งดีงามและที่ยิ่งใหญ่ได้...ต้องออกจากตัวเองให้ได้ก่อน    มองไปรอบ ๆ ในสังคมและโลก...อย่ามัวหมกมุ่น ทดท้ออยู่กับปัญหาของตัวเอง... เราจะเห็นว่า โลกกว้างขวาง สวยงาม และมีอะไรที่รอเราอยู่อีกมากมายมหาศาล

     

     พวกเราโชคดีที่มีแค่ 5 หง่ะ ..คริ คริ..

    • ครูโย่งคนหน้าตาดีคะ
    • คนไม่มีรากสบายดีค่ะ
    • รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ
    • ครูมิมคะ
    • ตามไปอ่านแล้วค่ะ ชอบนิทานที่ครูมิมเล่ามาก ๆ ค่ะ
    • คืนนี้คงได้เปิดให้หลานดูค่ะ
    • ขอบคุณน้ำใจที่มีมากทุกวันค่ะ

                             (^__^)

    สวัสดีค่ะพี่ไก่

    • ดีใจที่ได้พบพี่ไก่ค่ะ ไม่ได้คุยกันหลายวันมากเลยค่ะ
    • พี่ไก่เปลี่ยนรูปอีกแล้ว...นั่นนี่...สวยสดใสขึ้นทุกวันเลยค่ะ
    • น้องเองก็ชอบข้อความนั้นมากค่ะ ... จึงสรุปไว้..ได้มาจากประสบการณ์จริงค่ะ
    • มีคนที่น้องรักและศรัทธามากสอนเอาไว้..นานเกือบ 20 ปี แล้วค่ะ  ตอนทุกข์และงอแงมาก ๆ เขาจะบอกทำนองนี้แหละค่ะว่า...อย่าหมกมุ่นกับตัวเอง...ให้ลืมตามมองคนอื่นบ้าง มีคนอีกมากเลยที่ทุกข์ ลำบากกว่าเรา ...
    • น้องจึงจำใส่ใจมาตลอดค่ะ

                              (^__^)

    • ครูปูคะ
    • กลับมาแล้ว คนไม่มีรากก็ไม่มีเวลาเหงาแล้วสิคะนี่...
    • ส่งสัญญาณบ้างนะคะ จะไปหยอดไว้บันทึกไหนบ้าง...ตามไม่ทันค่ะ...
    • แต่อยากบอกว่า...ขอบคุณมากมายค่ะ

                                  (^__^)

    โหลเอ้ย....

    ต๊กกะใจใช่ไหม  ฉันรู้จากจิ๊กว่าเธอมีเวปในนี้ ก็เลยตามมาดูใจเพื่อน

    ห่วงว่าเธอจะไปถ.ราชดำเนินจนลืมเข้าห้องเรียน ได้ข่าวว่า..เป็นหวัดไปแล้ว...ซมเชียวหรือจ้ะ แม่เพื่อนรัก...ให้ไอ้จิ๊กดูแลดีกว่าเธอ .. แต่มันเป็นหมอฟ้นนะ จะรักษาเธอได้ป่าวไม่รู้...ฉันว่าฉันน่ะชัก out of date แล้วนะ เข้ามาแล้วงง อะไรก็ไม่รู้...

    แต่คิดถึงเพื่อนไง  รักษาเนื้อรักษาตัวนะเธอจ๋า แล้วค่อยเจอกัน วันเกิดก้อยนะ...อย่าลืมล่ะ

    รักเพื่อนมากจ้ะ 

    ขวัญเพื่อนรัก

    • ไม่ตกใจอะไรเลย เพราะตอนนี้เพื่อนเกือบทุกคนรู้ว่าฉันมาอยู่ในนี้จ้ะ..จากยายจิ๊กน่ะสิ...เฮ้อเพื่อนเรานี่น้า...
    • ถ้ารักจะคบเป็นเพื่อนกัน อย่าห้ามเรื่อง..ราชดำเนินเลย...
    • เอาเป็นว่า..สัญญาว่าจะรักษาตัวให้ดี ให้รอดกลับมาเป็นเพื่อนกัน เป็นหวัดนิดเดียวเองจ้ะ...
    • อ้อ..ส่งข่าวด้วยว่า เงินที่ช่วยกันบริจาคมานั้น ส่วนหนึ่งซื้อเป็นน้ำเปล่า ขนมปังแคร็กเกอร์ และบริจาคให้กลุ่มแล้วจ้ะ
    • แล้วค่อยคุยกันจ้ะ ..^_^...

     

    สวัสดีค่ะ คุณคนไม่มีรากคะ

    • ขอโทษด้วยนะคะ ครูปูยังมีความลับข้อเล็ก ๆ อีกนิดนึงคือ เวลาที่จะอธิบายความรู้สึกลึก ๆ เนี่ยะ ไม่รู้ทำไม ชอบใช้ภาษาอังกฤษ จะบอกว่า เขิน หรือเลี่ยงบาลี บางคำ ก็ไม่ทราบได้ค่ะ
    • เห็นแม่ะ บอกแล้วว่า ครูปูหน่ะ ออกจะเป็นสาวหวาน ขี้อาย ไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก บอบบาง ละมุน ละไม ...เอิ๊กซ์...
    • พอแล้วดีกว่าค่ะ บางคนอาจกำลังทานข้าวเช้าอยู่ จะพาลเสียรสชาดไปได้ อิ..อิ..
    • ขอบคุณช่วงเวลาที่ คนไม่มีราก อึ้งไปเมื่อได้เห็นบันทึกฉบับนี้นะคะ  ครูปูเข้าไป และรับรู้ได้แทบจะนาทีต่อนาทีเลยค่ะ ว่าคนไม่มีรากรู้สึกยังไง  ครูปู ถึงต้องขอบคุณ และขนลุกชัน ที่มีใครก็ไม่รู้  จ๊ะ ๆ จ๋า ๆ กันผ่านบล๊อก หน้าตา ตัวจริงก็ไม่เคยเห็น แม้จะคุยกันทางโทรศัพท์ก็ไม่เคย  แต่ทำไมถึงส่งผ่านความรู้สึกกันได้ อย่างมากมาย และลึกซึ้งขนาดนี้
    • รู้ตัวไม๊คะ คุณ คนไม่มีราก ได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง ในความลับของชีวิตครูปู ไปซะแล้วค่ะ  เป็นความลับที่น่าอัศจรรย์ และงดงาม ยิ่งนักค่ะ ^_^ 
    • และครูปู ก็นั่งหวั่นไหวอยู่เหมือนกันว่า ความลับของครูปู จะกระแทกโดนใจใคร เกินไปหรือเปล่า
    • เพราะครูปูเอง วัน ๆ เอาแต่แหย่คนนู้น แหย่คนนี้ หัวเราะ หัวฮาไปเรื่อย  เพราะมีความสุขค่ะ และกระหยิ่ม ยิ้มย่อง ในการมีชีวิตอยู่ตลอดเวลาค่ะ
    • เพราะเป็นเจ้าของเรื่องราวมังคะ เลย "ขบ" มาพอสมควรแร่ะ เข้าใจแร่ะ มองเป็นแร่ะ ที่เหลือแค่หาวิธีอธิบายให้คนอื่นรับรู้ไปด้วย ยิ่งถ้าใครนำไปสร้างประโยชน์ได้บ้าง ยิ่งเป็นการสร้างกุศลลูกโซ่ เข้าไปอีกค่ะ
    • ทุกคนเลยอาจ งง งัน และ อาจสับสนได้ กับความร่าเริง และสมบูรณ์ พูนสุข อันสวนทาง กับแผนที่ชีวิตฉบับจริงที่ได้รับ
    • ไม่ได้ตั้งใจ ให้กินใจใคร ด้วยการ shock แบบนี้นะคะ แต่นี่เป็นชีวิตครูปูจริง ๆ ค่ะ
    • และถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ที่พี่ ศน.อ้วน ได้หยิบอื่นโอกาส ในการแนะนำตัวตนที่แท้จริง กับเพื่อน ๆ 
    • ซึ่งตรงกับเคล็ดลับในการสร้างมิตร ของครูปู ที่ว่า  เป็นตัวของตัวเองไว้นั่นแหล่ะ  เดี๋ยว Law of Attraction จะดึงดูดคนที่ใช่ คนที่ชอบ มาพบกันเอง เน๊อะ!
    • ขอบคุณมากค่ะ เพื่อน! 

    โหลเพื่อนรัก

    กว่าฉันจะ...สะเงอะสะงะตามมาจนเจอที่คุยกับเธอ....โหคุณสามีต้องเข้ามาช่วยล่ะ

    รับทราบเรื่องเงินบริจาคแล้ว .. อนุโมทนา สาธุด้วย

    รักษาตัว รักษาสุขภาพ จิ๊กว่า...เธอ ..Burn ตัวแดง ลอก ก็เธอนะ ออกจะผิวบาง กระโหลกบาง ขนาดนั้น  ระวังตัวเองนะ  จะได้มีแรงไปทำอะไรตามที่ชอบ

    อ้อ..อย่าลืมเรื่องเรียนล่ะ เปิดเทอมแล้ว ไหนเธอว่าจะรีบเรียนให้จบไง ... แล้วทำยังงี้ จะจบเร็วหรือ  ถือว่าได้เกรด 4 ตลอดหรือไงจ้ะ

    แล้วจะมาคุยอีกนะ จะได้ไม่รบกวนเวลาเธอไง..

    ครูปูคะ

    • ช่างเป็นกัลยาณมิตรที่...น่ารัก...คอยไปหยอดไว้ทุกบันทึกเลยนะคะ...มีที่ไหนอีกไหมคะ
    • มีเพื่อนอย่างคนไม่มีรากก็ต้องทำใจหน่อยนะคะ
    • ตามไปตอบให้ที่บันทึกแล้วนะคะ...^_^...

    ขวัญเพื่อนรัก

    • โทรหาก็ได้จ้ะ ปกติถ้าการบ้านไม่มากนัก ฉ้นจะเปิดโทรศัพท์ไว้จน 4 ทุ่ม ถ้าเห็นเบอร์เธอจะรีบรับจ้ะ
    • ฝากความระลึกถึงคุณสามีเธอด้วย และเจ้าตัวเล็ก .. น้องโก๋ บอกว่าน้าโหล..คิดถึงมาก แล้วจะแวะซื้อขนมไปฝากจ้ะ
    • เรื่องตัวลอกนั้นคงอีกหลายวัน แต่อาการแสบปวดแสบร้อนดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้กำลังค่อย ๆ แคะ หนังลอก ๆ ออกจากตัวจ้ะ...คัน ๆ ดีจัง 
    • ไม่ต้องห่วงจ้ะ. คิดถึงเพื่อนมากนะ  ..^_^

    พี่โก๊ะที่รัก..

    แวะมารับกำลังใจจากบันทึกนี้ค่ะ ช่วงนี้ทำงานหนัก เหนื่อยค่ะ แต่พอนึกถึงบันทึกนี้ขึ้นมา แรงใจ กำลังใจก็มาทันทีค่ะ เรามีครบทุกอย่าง แล้วจะมาท้อมาเหนื่อยเพื่ออะไรกัน คนที่เข้าเกิดมาไม่ครบ เขายังไม่ท้อ กลับสู้ชีวิต ดังนั้นเราจะท้อทำไม ต้องสู้ๆใช่ไหมค่ะ

    พี่โก๊ะก็คงเหนื่อยเหมือนกันใช่ไหมค่ะช่วงนี้ นึกถึงน้องคนนี้บ้างนะคะ อย่าลืมว่ากำลังใจที่เคยมีให้ไม่มีวันหมด หรือจืดจางไปเลย ทุกวันผ่านไปก็ยังมีให้อย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่อาจไม่ค่อยได้คุยกันแต่เราก็ส่งใจถึงกันได้เหมือนเดิมใช่ไหมค่ะ

    พี่โก๊ะคนดี ปัญหาที่พี่โก๊ะเจออยู่ตอนนี้มิมไม่ทราบว่าเรื่องอะไร แต่ก็อยากบอกนะคะว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันมาเป็นบทพิสูจน์ให้ชีวิตเราเท่านั้นเอง...ยิ่งเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ในทันที ก็อย่าพยายามแก้ค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อน ทบทวน พิจารณาแล้วมันจะเห็นทางออกค่ะ ..

    เป็นกำลังใจให้พี่โก๊ะฝ่าฟันทุกอย่างไปได้อย่างสวยงามค่ะ..เชื่อมั่นว่าพี่โก๊ะคนดีของน้องต้องทำได้และทำได้อย่างดีที่สุดค่ะ..คิดถึงค่ะ

     

     

     

    ครูมิมคนดี

    • ขอโทษด้วยนะคะ ไม่ได้เข้ามาบันทึกนี้เลย...แย่จัง...
    • ตอนที่เขียนบันทึกนี้..ก็เพราะรู้สึกบางอย่าง ไม่เข้าใจกับบางสิ่ง ทดท้อเล็ก ๆ และโดยนิสัยส่วนตัว พี่มักจะไม่อยู่กับ ความทดท้อและความรู้สึกที่ไม่เข้าใจนั้น ๆ นานนัก  จึงหาหนังสืออ่านและนำมาแบ่งปันกันค่ะ
    • ชอบบันทึกนี้มากเช่นกัน...^_^...และดีใจที่ครุมิมก็ชอบเช่นกันค่ะ
    • พี่บอกตัวเองเสมอว่า... แล้วเธอล่ะ...อวัยวะก็ครบ สิ่งแวดล้อมก็แสนจะเอื้ออำนวยช่วยเธอ ยังจะมัวท้อแท้ เหงาหงอย เกเร ยืดยาด อีกหรือนี่….

                          (^__^)

     

    พี่สาวที่รัก...

          ประทับใจจังค่ะบันทึกนี้...รู้สึก ฮึดๆๆๆๆๆๆๆๆ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ

                

         ฝันดีนะคะ..

    สวัสดีค่ะคุณครูตุ๊กแกน้องที่น่ารัก

    • กำลังใจสร้างได้ทุกวัน ยิ่งให้...ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นค่ะ
    • ขอบคุณสำหรับดอกไม้มิตรภาพค่ะ
    • (^__^)

    แวะมาอ่านเรื่องนี้อีก ชอบค่ะ  จะขอลิงก์ไปให้เพื่อนอ่านบ้างนะคะ

    อย่างนี้ต้องบอกว่า...ได้แรง...จริงค่ะ

    ขอบคุณนะค่ะ

    คุณเด็กพังงาคะ

    • แอบมาอ่านก็ไม่บอกกล่าวกันเลย ต้องขอโทษนะคะ ตอบช้าค่ะ
    • ในฐานะแฟนคลับตัวจริง ตามสบายค่ะ จะลิงก์จะทำอะไรได้หมดเลยค่ะ
    • (^__^)

    อ่านแล้วต้องบอกว่า...ได้แรง...เป็นภาษาใต้...ครับ

    ต้องกลับไปพิจารณาตัวเอง ให้ยิ่งยวดขึ้นไปอีกเสียแล้ว

    ขอบคุณที่นำสิ่งดี ๆ มาให้ได้อ่าน

    ...หันมาบอกตัวเองเบา ๆ ว่า...แล้วเธอล่ะ...อวัยวะก็ครบ สิ่งแวดล้อมก็แสนจะเอื้ออำนวยช่วยเธอ ยังจะมัวท้อแท้ เหงาหงอย เกเร ยืดยาด อีกหรือนี่….

     

    น่าจะเอาไปติดไว้หัวเตียงเน๊อะ

    (^__^)

    สวัสดีค่ะคุณ ตาตู้พัด

    • ยินดีต้อนรับค่ะ
    • ดีใจที่อ่านแล้ว...ได้แรง..ค่ะ...^_^..

    ครูปูคะ

    • จะบอกความลับอย่างหนึ่งให้ ที่หัวเตียงของคนไม่มีรากนะ...จะมีตัวหนังสือพวกนี้แหละ ...เปลี่ยนไปตามบริบทและอารมณ์ของเจ้าของ แปะไว้อ่านหลังสวดมนตร์ก่อนนอน ...อ่านแล้วเกิดแรงฮึดค่ะ....

              เอาไปติดไว้หัวเตียงได้เลยค่ะ...หลับฝันดีแน่...

                               (^__^)

    L00gf 

    ปกหนังสือชื่อ ไม่ครบห้า (No One’s Perfect)
    ที่มา http://bp3.blogger.com/_a3eCNkfFVsU/RhkZpdgjTnI/AAAAAAAAAZo/2yTL0XbRjMA/s1600-h/L00GF.jpg

    สวัสดีครับคนไม่มีราก ปกหนังสือชื่อ ไม่ครบห้า (No One’s Perfect) ผมค้นมาจากเนตอีกทีนะครับ นำมาให้ คนไม่มีรากประกอบบทความครับ  อย่าลืมอ้างที่มาด้วยนะครับ

    มีเพื่อนลิงก์ไปให้อ่านครับ

    ชอบหนังสือเล่มนี้มากครับ ผมเป็นคนพิการเช่นกัน ไม่มีขาหนึ่งข้าง แต่ไม่เคยท้อ ทำได้ทุกอย่างที่คนมีขาทั้งสองข้างทำได้

    ผมว่าผมภูมิใจครับ อ้อ..อยากบอกอย่างหนึ่งว่า...สังคมก็สำคัญมาก เพราะต้องให้โอกาสในฐานะที่เขาเป็นคน คนหนึ่ง บางครั้งคนพิการถูกมองเป็นอีกประเภทหนึ่งเลย

    มองว่าคนพิการก็เป็นมนุษย์ร่วมโลกเถอะครับ เขาช่วยตัวเองได้ ไม่ได้ต้องการความเห็นใจ สงสารเท่านั้น

    ขอบคุณครับ

    คุณกวินคะ

    • ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับปกหนังสือ ที่ทำให้บันทึกนี้สมบูรณ์มากขึ้นค่ะ
    • (^___^)

    สวัสดีค่ะคุณอินดี้

    • ยินดีต้อนรับค่ะ ดีใจที่มีคนสนใจและลิงค์ไปให้อ่าน
    • มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันค่ะ บางคนอาจโชคดีที่มีอวัยวะ สติปัญญา สมบัติทางโลกครบถ้วน บางคนอาจมีไม่เท่าเทียมคนอื่น แต่คนไม่มีรากเชื่อว่า...ถ้าเขาต้องการเท่าเทียม...ในฐานะที่เขาเป็นคน คนหนึ่ง เป็นมนุษย์ร่วมโลก..  แล้วทุกคนมีศักยภาพที่จะไปถึงจุดนั้นได้เช่นกัน
    • ส่งกำลังใจให้ ... ในฐานะเพื่อนร่วมโลกค่ะ
    • ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  อย่าลืมเข้ามาพูดคุยกันอีกนะคะ
    • (^__^)

     

    ผมเขียนบทความ เสร็จสมบูรณ์แล้วครับ อ่านได้ที่นี่นะครับ http://gotoknow.org/blog/kelvin/193836

    • แวะมาเยี่ยมเยียนและเรียนรู้ร่วมค่ะ
    • ขอบคุณค่ะ

    ตามไปอ่านแล้วค่ะคุณกวิน

    ขำกลิ้งกับเพลง...ค่ะ

    หายง่วงเลยล่ะ...^_^...

    สวัสดีค่ะคุณหมอเจ๊

    • ขอบคุณมากค่ะ..^_^...

    พี่โก๊ะคนดี..

    • มาแวะรับกำลังใจจากบันทึกนี้ค่ะ
    • บันทึกนี้เข้ามาแล้วได้พลังกายพลังใจกลับไปเยอะเลยค่ะ
    • รักษาสุขภาพให้ดีนะคะ ออกกำลังกายเยอะๆ
    • มิมแวะมาบอกว่าคิดถึงเหมือนเดิมค่ะ
    • แวะมาทำภารกิจใจของเราด้วย นานแล้วที่ไม่ได้มาปฎิบัติภารกิจนี้ ไม่ได้ลืมค่ะ ^_^
    • ดอกไม้สวยๆ ฝีมือมิมถ่ายเองค่ะ

    Dsc03523

    แวะมาอีกครั้งครับ

    มาบอกว่าจะขอลิงก์ไปให้เพี่อนในชมรม อ่านนะครับ

    ขอบคุณครับ

    สวัสดีค่ะครูมิมคนดี

    • ขอบคุณค่ะสำหรับดอกไม้สีขาว...ฝีมือครูมิมเองด้วย ยิ่งพิเศษมากขึ้นไปอีก
    • ขอยิ้มกว้าง ๆ นะคะ..

                               (^____^)

    คุณอินดี้คะ

    ยินดีค่ะ ถ้าเป็นประโยชน์ ... ช่วยกันเผยแพร่สิ่งคิดดี ๆ ที่จรรโลงใจนะคะ...^_^...

    แวะมาเยี่ยมค่ะ...ตอบแทนที่ไปเยี่ยม blog เรา
    อู้หู....Blog ของคนไม่มีรากเนี่ย...

    คุณหุยคะ

    • ขอบคุณค่ะที่ แวะมาเยี่ยมพร้อมการ์ตูนน่ารัก อยากไปเยี่ยมบันทึกคุณหุยอีกค่ะ เพราะสนุก ตลกและขำ ๆ ค่ะ
    • Hot...ก็ต้องระวังนะคะ...เดี๋ยวโดนความร้อนค่ะ
    • (^__^)

    รู้สึกดีที่มีครบ...ห้า...

    ชอบครับ

    สวัสดีค่ะคุณ bipolar

    • เช่นกันค่ะ คนไม่มีรากเองก็รู้สึกดีใจและขอบคุณที่ตัวเองมีครบห้า .. และยังรู้สึกว่า...โชคดีกว่าคนอื่นในอีกหลาย ๆ เรื่องด้วยสิคะ
    • คุณ bipolarเองก็โชคดีนะคะ ที่มีครอบครัว ซึ่งเอาใจใส่และดูแลอย่างดี
    • ขอบคุณค่ะ..^_^..

    * สวัสดีค่ะคุณพี่คนไม่มีราก

    * เป็นไงบ้างค่ะ พอจะลดลงไหมคะ หมายถึงงานนะคะ

    * ... ใครเคยกล่าวว่า ต่อให้คุณหมดลมหายใจ งานก็ยังมีอยู่ มิรู้จบสิ้น  ... หุ หุ  ...

    * แต่ตราบที่เรายังมี พลังกาย และที่สุด คือ พลังใจ ... ก็จะสามารถ สางได้ได้ทุกอย่าง ... แปลกนะคะ เมื่อก่อน ปูจะเป็นจะตาย เวลาจะทำอะไร ...

    * แต่พอเดี๋ยวนี้ เออ บางครั้ง เวลา ก็ช่วยทำให้ทุกอย่าง ราบรื่น และ ผ่านไป ได้ แม้จะมีแผล รอย บ้าง ตาม วัน เวลา แต่มันก็ สอนเรา นะคะ ...

    * ...  มาอ่านบันทึกนี้แล้วดีจังค่ะ ... ในขณะที่ผู้ไม่พร้อม ยังทำได้ และมีแรงใจสู้ ... ไฉนเลย เราจะท้อ และถอย ?

    * ... อีกครั้งค่ะ วันนี้เห็นภาพความร่วมมือร่วมใจ ของผู้ติดเชื้อเอดส์ นะคะ ... กำลังใจในการดำรงอยู่ การให้โอกาส และรู้สึกว่า สำคัญ สำหรับครอบครัว คนที่เรารัก ช่วยหล่อเลี้ยง นะคะ ...

    * ... ว้า เล่าให้บ่น ให้พี่อ่านซะยาวเลย ...  ชอบภาพน้องฟ้า ด้านบน มากๆ ค่ะ นายเมฆ แต่งกายด้วยสีสัน สดใส ไฉไล ชอบมากๆ ค่ะ

    * กินข้าวให้อร่อย นะคะ ... ขอบคุณค่ะ

     

    สวัสดีค่ะ

    เข้ามาอ่านแล้ว...มีกำลังใจมากค่ะ

    เพลงล่องแม่ปิงทำให้คิดถึง..อดีตค่ะ...ตังเองเป็นคนเหนือ ตอนวัยรุ่นมีเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งสวยน่ารักมาก แต่หลงในความสวยงามจนไม่ยอมเรียนหนังสือต่อ  ออกไปมีชีวิตครอบครัวตั้งแต่อายุ 16 ปี กับคนใต้...หรือ คนกรุงเทพ ฯ ค่ะ...ในที่สุดก็ถูกทิ้ง ต้องซมซานกลับบ้าน หอบลูกมาให้แม่เลี้ยง...

    ไม่อยากให้สาวเหนือ...หลงรูป หลงคำหวาน ควรที่ผู้หญิงทุกคนจะได้หวงแหนและรักศักดิ์ศรึลูกผู้หญิง....ไปยาวเลยค่ะ

    คุณคนไม่มีรากคงเป็นสาวเหนือละมังคะ...จึงเลือกเพลงนี้ใส่ในเวป...

    ขอบคุณนะคะ

    คุณ Poo คะ

    ขอโทษนะคะ เพิ่งมาตามบันทึกนี้...

    ขอบคุณค่ะที่เข้ามาแลกเปลี่ยนและให้ความคิดดี ๆ เสมอมา

    คนไม่มีราก..มีรุ่นพี่แสนดี...ซึ่งเป็นต้วอย่างและสอนให้มอง...ออกไปนอกตัว ไม่มัววุ่นวายอยู่กับตัวเอง รู้จักมองคนที่ด้อยโอกาสและลำบากกว่าเรา ....

    ทุกวันนี้ยังระลึกถึงสิ่งที่พี่เขาเพียรสอน เพียรบอก...ด้วยความขอบคุณค่ะ ..

    เพราะ...ทำให้เรามีความสุขในชีวิตง่ายขึ้น...

    ขอบคุณค่ะ...^_^...

    สวัสดีค่ะคุณจินตนา

    ยินดีต้อนรับค่ะ

    คนไม่มีรากเป็นคนกทม.ค่ะ แต่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตวัยเด็กช่วงหนึ่งที่เชียงใหม่ ทำให้ซึมซับกับวัฒนธรรมประเพณีของเหนือไว้พอควรค่ะ และเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ชอบมากเพลงหนึ่งค่ะ

    ความคิดเห็นของคุณจินตนาทำให้คิดไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นใกล้ตัว ขออนุญาตนำข้อความของคุณจินตนาไปประกอบบันทึกใหม่ ชื่อ ข้อคิดจาก เพลงล่องแม่ปิง นะคะ

    ขอบคุณมากค่ะ

     

    ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วครับ

    ดีมาก แม้ว่าจะยังอ่านไม่จบนัก.....เรื่องแบบนี้ควรเขียนออกมาเผยแพร่ให้มาก ๆ หน่อย 

     โอโตตาเกะ ไม่เคยโทษโชคชะตา ฟ้าลิขิตที่สร้างเขาให้มีรูปร่างไม่สมประกอบ เขาภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็น  และคิดว่าโลกนี้ไม่ควรมีพรมแดนและสิ่งกีดขวางระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพียงเพราะคนใดคนหนึ่งเกิดมาพิการเท่านั้น เขาได้เรียกร้องให้สังคมเปิดใจให้กว้าง ให้ทุกหัวใจในสังคมเป็นหัวใจที่ไร้สิ่งกีดขวาง

    ได้กำลังใจมากครับ....

    คุณใบโพธิ์คะ (เรียกชื่อใหม่เลยนะคะ)

    ต้องขอโทษตามเคยค่ะ เพิ่งมาดูบันทึกนี้...

    ดีใจที่คุณใบโพธิ์ได้กำลังใจจากเรื่องนี่ค่ะ คนเขียนบันทึก..ปลื้มใจ หน้าบานค่ะ

        (^__^)        

    เรื่องนี้อ่านแล้วก็..โดนใจมาก ๆ  ๆ ๆๆ 

    เรามักไม่รู้ตัวค่ะว่าเรา...โชคดีแค่ไหนที่มี...ครบห้า...

    ชอบมากกับการนำเสนอเรื่องนี้  ส่งกำลังใจให้คุโอโตตาเกะด้วยค่ะ

    ^_____^

    พี่โก๊ะคนดี..

    วันนี้เหนื่อยมาก...ทำให้นึกถึงบันทึกนี้ เลยขอแวะมารับกำลังใจจากบันทึกนี้ค่ะ..เข้ามาทีไรก็คิดได้ว่าเรามีครบทุกอย่างแล้วจะมาท้อทำไม คิดได้แบบนี้ก็มีกำลังใจในการต่อสู้ขึ้นเยอะเลยคะ...

    การเดินทาง วิถีแห่งนักรบ ...มันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง..พี่โก๊ะคงเหนื่อยและทำงานหนักกว่ามิมหลายเท่า เหนื่อยก็พักบ้างนะคะ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ไม่มีเวลาได้คุยกันเหมือนเก่าแล้ว แต่ก็ยังส่งใจ ส่งกำลังใจให้กันได้ทุกเวลานะคะ..มิมระลึกถึงพี่โก๊ะเสมอ..

    มีกำลังใจขึ้นแล้ว..ก็จะขอตัวกลับแล้วค่ะ ขอบคุณเจ้าของบ้านมากนะคะที่ให้มาพักเหนื่อย...

    คิดถึงมากค่ะ...

    สวัสดีค่ะคุณจีอุน

    ขอบคุณค่ะที่ชอบ  คนไม่มีรากเองก็ชอบเรื่องนี้มากค่ะ

    สวัสดีค่ะครูมิมคนดี

    ใช่แล้วค่ะ .. วิถีแห่งนักรบ...ต้องเหน็ดเหนื่อย โดดเดี่ยว เจ็บปวด และข้อสำคัญต้องยอมรับและเรียนรู้ที่จะ...อ่อนไหว...ค่ะ 

    เพราะผู้ที่อ่อนไหวเท่านั้น จะเป็นผู้ที่เข้าใจ ยอมรับ ในตัวเองและผู้อื่นได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เข้าใจอย่างไม่มีข้อแม้ และยอมรับแบบที่คนอื่นเป็นค่ะ

    ถึงไม่ได้คุยกันเหมือนเดิม แต่ก็ส่งกำลังใจให้กันอยู่เสมอค่ะ

    คิดถึงครุมิมนะคะ...^_^...

    ไม่มีใครperfect แม้จะพยายามทำดีที่สุดแล้วค่ะ

    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

    No one's perfect....

    น้องคิดว่าเราไม่จำต้องคาดหวังว่า...เราต้อง perfect ...

    ครูภาษาอังกฤษท่านหนึ่งบอกว่า...Only do the best in your context...it's enough!!!

    ลืมเรียนพี่ว่า...

    ขอบคุณสำหรับภาพที่สวนเบญจกิตติที่พี่นำมาฝากค่ะ..^_^..

    โหลจ้ะ

    เป็นห่วงจัง อย่าออกไปนอกบ้านนะ เย็นนี้ฉันกับหน่อยจะพาเจ้าโก้ไปหา โก้อยากเจอน้าโหลมากจ้ะ

    ช่วยเปิดโทรศัพท์ด้วยนะจ้ะ

    คิดถึงนะ

    ยัยปูนิ่มตัวดื้อ

    กลับมาเมื่อไหร่ โทรหาฉ้นหรือขวัญทันทีนะ .... ทำไมไม่รับสาย..เฮ้อ เบื่อยัยคนนี้จังเลย  เพื่อน ๆ กำลังโกรธแล้วนะ....ทำไมดื้ออย่างนี้...ไม่เข้าใจหรือว่ามันอันตราย จำเมื่อสองอาทิตย์ไม่ได้หรือ เจ็บตัวมาแล้วเธอยังไม่ระวังตัวอีก ...

    ฉันกับขวัญอาจจะไปบอกความจริงกับพี่สาวเธอนะ...ไม่ได้ขู่นะ พูดจริงล่ะ เพื่อสวัสดิภาพของเธอเอง

    โทรกลับด่วนนะ...Please !!!

    กลอน หนทางหอยทาก (ประชาธิปไตย , 13 ตุลาคม 2516)
    เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์



    ในหญ้ารกนั้นมีทาง               เปลี่ยวอ้างว้างไร้คนเดิน
    ทากน้อยจึงทาเงิน                เป็นเงางามวะวามไว้
    รอว่าสักวันหนึ่ง                   ซึ่งตะวันอันอำไพ
    จะเกรี้ยวกราดและฟาดไฟ       ประลัยหญ้าลงย่อยยับ
    เมื่อนั้นแหละเงินงาม             ระวีวามจะตามจับ
    เพชรผกายจะฉายวับ              ขับเงินยวงแห่งช่วงทาง
    และทากน้อยจะถมเนื้อ           เพื่อภาวะแห่งผู้สร้าง
    ระเหิดหายละลายร้าง             อย่างเคยเคยทุกคราวครั้ง
    ทางนั้นจึ่งปรากฏ                  ทอดไปจรดที่ใจหวัง
    ตราบใดที่หญ้ายัง                  ก็บังใจที่ไขว่คว้า
    การเกิดต้องเจ็บปวด               ต้องร้าวรวดและทรมา
    ในสายฝนมีสายฟ้า                ในผาทึบมีถ้ำทอง
    มาเถิดมาทุกข์ยาก                 มาบากบั่นกับเพื่อนพ้อง
    อย่าหวังเลยรังรอง                 จะเรืองไรในชีพนี้
    ก้าวแรกที่เราย่าง                   จะสร้างทางในทุกที่
    ป่าเถื่อนในปฐพี                     ยังมีไว้ให้รอเดิน

    **ทากตายเป็นปุ๋ย กอหญ้า ถูกไฟไฟม้แล้วพอหน้าฝนก็ขึ้นมาใหม่

    ขวัญ-หน่อย

    ขอบใจจ้ะที่เป็นห่วง...^_^...

    คุณกวินคะ

    ชอบมากค่ะสำหรับกลอน...บทนี้...หนทางหอยทาก

    การเกิดต้องเจ็บปวด               ต้องร้าวรวดและทรมา
    ในสายฝนมีสายฟ้า                ในผาทึบมีถ้ำทอง
    มาเถิดมาทุกข์ยาก                 มาบากบั่นกับเพื่อนพ้อง
    อย่าหวังเลยรังรอง                 จะเรืองไรในชีพนี้
    ก้าวแรกที่เราย่าง                   จะสร้างทางในทุกที่
    ป่าเถื่อนในปฐพี                     ยังมีไว้ให้รอเดิน

    คนไม่มีรากคิดเสมอว่า...ในโลกนี้ไม่มีของฟรี ของฟรีไม่มีในโลก...เราต้องจ่าย..เพื่อแลกมาซึ่ง..หลายสิ่งหลายอย่าง อย่าคิดเพียงว่า...ไม่เกี่ยวกับเรา..ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย...ไกลตัวจะตายไป...

    คิดว่าคุณกวินเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เข้าใจ...ความรู้สึกของคนไม่มีราก เช่นเดียวกับคุณใบไม้...

    ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ...^_^...


    ปูนิ่มเพื่อนรัก

    คิดถึงจังเลย  ขาดเธอไปคนหนึ่งมาหลายครั้งจนท้อใจแล้วนะ

    เมื่อไหร่จะสอบเสร็จ จะได้นัดเจอกันเสียที

    ฉันเจอกับขวัญบ่อยมาก ตอนไหว้พระจันทร์ไม่เจอเธอเลย

    พี่สาวเธอใจดีมาก ๆ ไม่ยอมคิดเงิน แล้วยังฝากขบมไปให้แม่ฉันอีกด้วยนะ

    โหลจ๋า

    ขวัญเองนะ คิดถึงมากนะ แต่เธอคงยุ่งจนไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว ...

    ขอให้โชคดีในการสอบจ้ะ

    น้องโก้ บอกว่า...คิดถึงน้าโหลมาก ๆ ที่สุด

    ฝากจุ๊บแก้ม และ อย่าลืมสัญญาอะไรกันไว้นะจ้ะ

    จุ๊บ ๆ ๆ ๆ  รักษาตัวนะ

    สวัสดีปิงน้องรัก

    ไม่ค่อยได้เจอกัน คงสบายดีนะครับ

    รักษาสุขภาพด้วยนะ

    พี่ต้องไป USA 2 สัปดาห์นะ  กลับมาค่อยทวงของฝากอีกทีนะ

    รักษาตัวนะปิง

    สวัสดีค่ะพี่กฤษณ์

    อาปิงสบายดีค่ะ เพิ่งไปทำเนียบมา เหนื่อยใจ...เล็กน้อย...

    เดินทางปลอดภัยนะคะ

    กลับมาจะคุยเรื่องทำ Conceptual paper ให้พี่ฟังเพื่อเตรียมสำหรับเทอมหน้านะคะ

    (^_^)

    สวัสดีครับ

    อ่านบทความนี้ ได้ความคิด ได้สติหลายประการครับ

    เรามีครบทุกอย่าง ออกจะมีมากกว่าหลาย ๆ คน แต่เรากลับรู้สึกพร่อง มันเป็นเพราะอะไรกัน

    เขาใช้ชีวิตได้สง่างามและน่าชมเชย....ทุกวันนี้เขาใช้ร่างกายเล็ก ๆ ที่ไม่มีแขนขาของเขาขับเคลื่อนสังคม  เขาช่วยเหลือให้กำลังใจแก่คนพิการ  เขียนหนังสือและเดินทางไปเผยแพร่แนวคิดในการเปิดใจกว้างแก่โลกที่เท่าเทียมกัน ทั่วญี่ปุ่น

    ขอบคุณคนไม่มีรากมากครับ

    ได้กำลังใจดีค่ะ

    ใช่แล้ว เรามีครบทุกอย่างแต่กลับไม่ขวานขวายเท่าที่ควร ต้องอายคนที่ไม่ครบห้านะคะ

    หวัดดีจ้ะขวัญ

    เพิ่งมาดู...ขอโทษจ้ะ

    คิดถึงน้องโก้จ้ง

    (^___^)

    สวัสดีค่ะคุณนิธิ

    ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ

    (^___^)

    สวัสดีค่ะคณคนผ่านมา

    ตอนที่รู้สึกท้อแท้ ไม่สบายใจ หาคำตอบไม่ได้กับบางสิ่งบางอย่าง

    คนไม่มีรากจะอ่านเรื่อง ไม่ครบห้า นี้ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    (^___^)

    ขอบคุณคุณนีน่าค่ะ

    บางสิ่งบางอย่างที่เรามี เรามักไม่ค่อยเห็นค่าและมีความสุขกับสิ่งนั้น ๆ ค่ะ

    จนเมื่อเราขาด สิ่งนั้นนั่นเอง เราจึงรู้ว่า...เราโชคดีขนาดไหน

    (^___^)

    สวัสดีครับ

    มาเยี่ยมเยือนครับ

    มาอ่านบทความดี ๆ ได้สาระน่ารู้ดีครับ

    ขอบคุณครับ วันหลังจะมาอ่านอีกครับ

    " เราต้องยอมรับความจริงว่าอดีตผ่านไปแล้ว เราไม่อาจแก้ไขอะไรได้ อนาคตก็ยังไม่มาถึง แต่ปัจจุบัน เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร"

    ใช่ครับ ทำปัจจุบันให้ดีครับ ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ

    พ่อแม่ครูบาอาจารย์เคยสอนว่า

    อดีต คือ ความจำ

    อนาคต คือ ความคิด

    ปัจจุบัน คือ ช่าวงเวลาพืเศษสุดครับ ที่จะอยู่ รู้ และ เข้าใจตัวเอง

    ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

    ^ _ ^

    สวัสดี ครับ คุณคนไม่มีราก

    วันนี้..ขออีกหนึ่ง บันทึกที่นี่

    ....

    อ่านแล้ว อิ่มในพลังที่...เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ทั้งแม่และลูก

    เธอช่างเป็นเด็กที่น่ารักเหลือเกิน..... 

     อ่านซ้ำอยู่นาน 2 นาน...

    มนุษย์นั้นจะทำสิ่งดีงามและที่ยิ่งใหญ่ได้...ต้องออกจากตัวเองให้ได้ก่อน    มองไปรอบ ๆ ในสังคมและโลก...อย่ามัวหมกมุ่น ทดท้ออยู่กับปัญหาของตัวเอง... เราจะเห็นว่า โลกกว้างขวาง สวยงาม และมีอะไรที่รอเราอยู่อีกมากมายมหาศาล

    อบอุ่นในหัวใจ ..ครับ

     

     

    เป็นความกล้าหาญในการยอมรับตนเอง เป็นความพยายามที่ต้องใช้มากกว่าคนปกติ เป็นความสำเร็จที่คนปกติต้องนำไปเรียนรู้

    ทึ่งครับผม

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท