213 เนื่องในโอกาส 365 วันในอินเดีย (4)


เข้าใจอินเดีย

4

ทำไมอินเดียจึงน่าสนใจ

 

ในช่วงที่ผมไปอยู่ที่นิวเดลี วันหนึ่งอ่านหนังสือพิมพ์ เจอข่าวที่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ว่าในปี 2550 นิตยสาร Conde Nast Traveler ซึ่งเป็นนิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของสหรัฐฯและของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ค ได้ประกาศว่าอินเดียได้รับการลงคะแนนจากผู้อ่านทั่วโลกให้เป็นประเทศที่น่าไปท่องเที่ยวมากที่สุดด้วยคะแนนสูงลิ่ว

การให้คะแนนมีหลายด้านเช่น โรงแรม สายการบิน บริษัททัวร์ สปา เรือท่องเที่ยว เมืองและประเทศ ซึ่งอินเดียได้คะแนนนำโด่งโดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม 97.17 จากเต็มร้อย ความคุ้มค่าของเงิน 94.78 และความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว 96.30

คะแนนที่อินเดียได้ในปีนี้แซงประเทศดังๆ อย่างอิตาลี ไทย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทั้งนี้ อินเดียติดอันดับ 4 ในกลุ่ม 100 ประเทศที่น่าเที่ยวของโลกด้วย

หลังจากได้รับเอกราชมา 60 ปีพอดี ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าจนติดอันดับโลกในหลายด้านแล้ว

ในด้านการท่องเที่ยว ในอีกไม่กี่ปี อินเดียตั้งเป้าว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวให้ได้ 10 ล้านคนและจะนำรายได้เข้าประเทศประมาณ 2 พันล้านรูปี

แม้จะเป็นรางวัลที่ดูเหมือนไม่ดังเท่าไหร่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศอินเดียได้ดี

ประเด็นที่น่าสนใจจากเรื่องนี้ โยงไปถึงคำถามที่ว่าทำไมอินเดียจึงน่าสนใจ

ค่าใช่จ่ายถูก

อินเดียเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ในราคาถูกและคุ้มค่าของเงิน ผมคิดว่าการที่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวในประเทศไทยมากมายหลายสิบล้านคนส่วนหนึ่งก็เพราะค่าใช้จ่ายในการเที่ยวประเทศไทยนั้นถูกเมื่อเทียบกับการไปเที่ยวในประเทศตนเองหรือในทวีปอื่นๆ อินเดียก็คงเช่นกันคือถูกมากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการเที่ยวแบบติดดินซึ่งชาวตะวันตกนิยมกันมาก ต้องบอกว่ารัฐพิหารของอินเดียเป็นรัฐที่ยากจนที่สุดของอินเดีย แต่กลับมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลกันไปเที่ยวรัฐพิหาร อาทิ พุทธคยาและพาราณสี เหมือนกับว่ายิ่งคนท้องถิ่นยิ่งจนก็ยิ่งน่าสนใจและทำให้เงินของตนเองมีค่าสูงมากขึ้นเท่านั้น

 

มีความหลากหลาย

ในข้อนี้ก็จริงยิ่งกว่าจริงว่าอินเดียมีความหลากหลายในทุกอย่างโดยเฉพาะวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยว เพราะประเทศอินเดียนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เป็นอนุทวีปที่มีความหลากกลายทั้งภูมิประเทศและผู้คนหลายเผ่าพันธ์ อินเดียมี 28 รัฐ ก็คล้ายกับมี 28  ประเทศที่ในแต่ละรัฐยังมีความหลากหลายอีกมากมาย ทั้งผู้คนและภูมิประเทศ ภาษาประเพณี วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน ภูมิอากาศที่มีทั้งร้อน หนาวมีหิมะ ฝนและพายุในทะเลทราย จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะยุโรปหรืออเมริกาจะนิยมความหลากหลายนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการผจญภัยที่คุ้มค่าสำหรับการท่องเที่ยว

 

ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าสนใจ

 

อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากชาวตะวันตกมาตั้งแต่สมัยโบราณเพราะมีเครื่องเทศมากมายเป็นที่ต้องการของมหาอำนาจในสมัยนั้น จนทำให้ต้องตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

การที่อังกฤษเข้าปกครองอินเดียก็ยิ่งทำให้รื่องราวของอินเดียเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วยุโรป รวมทั้งในด้านพุทธศาสนา ก็เป็นคนอังกฤษอีกเช่นกันที่สนใจและไปสำรวจจนค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับพุทธศาสนามากมายเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เองจนทำให้อินเดียเป็นพุทธสถานที่สำคัญของชาวพุทธทั่วโลก

ในส่วนที่เกี่ยวกับไทย ในสมัยที่ยังเป็นสยามประเทศ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็เคยเสด็จเยือนอินเดียมาแล้ว เป็นเวลาถึง 47 วันในปี คศ.1872 เป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศที่มีความสำคัญยิ่งต่อพัฒนาการต่างๆ ในสยามในหลายด้าน

โบราณสถานหลายแห่งในอินเดียถือว่ายิ่งใหญ่ระดับโลก ไม่ว่าทัชมาฮัล เกาะเอเลแฟนต้า ถ้าอาจันต้าและอีกมากมาย ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ชอบทางด้านประวัติศาสตร์จึงมักจะไม่พลาดที่จะไปอินเดีย

 

ผู้คนพูดภาษาอังกฤษได้

 

เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศอินเดียได้เปรียบประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เช่นจีนหรือแม้แต่ไทยเราเอง ก็คือการที่คนพูดภาษาอังกฤษได้แพร่หลาย คนอินเดียพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ใช่แค่พูดได้เพื่อสื่อสารแต่พูดได้แบบลึกซึ้ง คนอินเดียศึกษาภาษาอังกฤษมาตั้งแต่สมัยที่อังกฤษปกครองประเทศจนเกิดปราชญอินเดียมากมาย วรรณกรรมอินดียที่มีชื่อเสียงปรากฏในวงการวรรณกรรมตะวันตกมากมาย รวมทั้งชาวอินเดียที่ได้รับการยกย่องจากตะวันตกก็มากมายเช่นกัน

เช่นระพินนาถ ธากอร์ซึ่งเป็นคนอินเดียคนแรกและคนเดียวที่ได้รับรางวัลโนเบิลสาขาวรรณกรรมนอกจากนั้นคนอินเดียก็ได้ชื่อว่าเก่งทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มาก สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานให้คนอินเดียสามารถเข้าถึงวิชาความรู้ในสมัยใหม่ได้อย่างไม่ยาก

นอกจากนั้นสถานศึกษาของอินเดียในปัจจุบันก็มุ่งเน้นที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นคนที่เก่งในด้านวิชาการเป็นอย่างมาก โรงเรียนอินเดียที่เปิดสอนเป็นหลักสูตรนานาชาตินั้นมีมากมายทั่วประเทศ

 ตลาดของคนรุ่นใหม่

ความน่าสนใจของอินเดียนอกจากจะเป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวแล้ว ในแง่ของการค้าก็ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพด้วยเพราะครึ่งหนึ่งของประชากรในปัจจุบันมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งคนรุ่นใหม่เหล่านี้จะเป็นตัวเล่นที่สำคัญของอินเดียในอนาคต รวมทั้งในอีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรของอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1600 ล้านคน ทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกด้วยประชากรขนาดนี้ จะเป็นทั้งผู้บริโภคและกลไกของการค้าในอนาคตอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเรื่องการผลิตจักรยาน 2 ล้อในอินเดียที่มียอดขายปีละประมาณ 13 ล้านคัน ตกเดือนละ 1 ล้านคัน ซึ่งเป็นตัวเลขในปี 2007 ก็น่าคิดว่าในอนาคต ตลาดอินเดียจะน่าสนใจและสำคัญแน่นอน ดังนั้นหากนักธุรกิจไทยเปิดใจและมองเห็นความสำคัญตรงนี้ ก็น่าจะรีบฉวยโอกาสเข้าไปตลาดอินเดียในโอกาสแรก

 

 

..........................................

ติดตามตอนที่ 5

 

 

หมายเลขบันทึก: 186309เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2008 10:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

บริษัท IT ในอเมริกา outsource คนอินเดียให้เป็น customer support ทั้งนั้นค่ะ เขาพูดอังกฤษสำเนียงอินเดียก็ได้ พูดแบบอังกฤษอังกฤษก็ได้ พูดแบบอังกฤษอเมริกันก็ได้ค่ะ เก่งจริงๆ

ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ ครับ

ใช่ครับ เพราะต้นทุนถูกดี

แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง ในอนาคตอินเดียจะผูกขาดตลาดโลกเรื่อง outsource นี้ครับ

เพราะประเทศพัฒนาแล้วจะไม่ทำงานแบบนี้อีกต่อไปครับ

ที่น่าสนใจก็คือการ outsource เรื่องการรับคำร้องวีซ่านะครับ

ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยเรื่องการคมนาคม คนจะเดินทางไปมามากขึ้นทั่วโลก

ธุรกิจนี้ก็จะยิ่งขยายตัวและมีมูลค่ามหาศาล

แต่คนไทยยังไม่เห็นโอกาสนี้ครับ

 

 

ดร. จันทวรรณครับ

เรื่อง outsource นี้จะอยู่ในตอนที่ 5 ครับ

กราบอ.พลเดชค่ะ

  • ติดตามอ่านค่ะ
  • อินเดียมีศักยภาพ สมกับที่เป็นเมืองน่าเที่ยวค่ะ
  • สงสัยนิดหนึ่งค่ะ ในภาพที่อ.นำมาให้ชม โดยมากเห็นสุภาพสตรีใส่เสื้อผ้าสีแดงทั้งชุด ไม่แน่ใจว่าเป็นความนิยมหรือมีความหมายเฉพาะหรือเปล่าคะ
  • กราบขอบคุณค่ะ

คุณคนไม่มีราก ครับ

อินเดียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสีสันครับ

คำถามนี้ดีครับเพราะน่าสนใจ

เรื่องสีของเสื้อผ้านี้ คิดว่ามีส่วนมาจากเรื่องวรรณะ (คำว่าวรรณะ แปลว่าสี)

เพราะเป็นการแบ่งคนออกตามประเภทของฐานะและอาชีพ ซึ่งแน่นอนว่าการแต่งกายมักจะดูออกว่าคนละวรรณะกัน

ส่วนหนึ่งแน่นอนว่ามาจากศาสนา วัฒนธรรม ประเพณ๊และการบูชาเทพเจ้าซึ่งจะมีสีเป็นต่างกัน 

ความนิยมสีในอินเดียจึงมีที่มา

เท่าที่ผมเห็นสตรีใส่ส่าหรีในเดลี ล้วนมีสีสดทั้งนั้น คือแดงก็แดงสด เขียวก็เขียวสด เหลืองก็เช่นกัน

เคยถามสตรีอินเดียว่าทำไมวันนี้จึงแต่งสีนี้ ก็ได้รับคำตอบว่าแต่งตามสีของเทพประจำวันที่นับถือ

หวังวาคงตอบคำถามได้บ้างนะครับ

 

  • กราบขอบพระคุณสำหรับคำตอบค่ะ
  • เท่าที่สังเกตพบว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีสีสรรค์จริงดังที่อาจารย์กล่าวไว้ค่ะ
  • แต่ในภาพของอาจารย์จะเป็นสีแดงทั้งชุดน่ะค่ะ ก็เลยสงสัยว่ามีเหตุผลเฉพาะหรือไม่ค่ะ
  • ตอนนี้ทราบแล้วค่ะ

คนอินเดียเก่งๆ เยอะจริงๆเลย แต่สังคมแตกต่างกันมากเลยน๊ะครับ

คุณsuksom

ความแตกต่างและการที่มีประชากรมาก ทำให้คนอินเดียเป็นคนที่ต้องสู้ เพื่อที่จะสร้างความแตกต่างให้ตนเอง

คนเก่งจึงจะอยู๋ได้อย่างสบาย

พูดถึงความแตกต่างในสังคม ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เป็นบทเรียนที่ดี ทำให้คนรู้จักคิด วิเคราะห์และหาทางออก

สังคมไทยทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งตามกระแสโลกหันไปนิยมวัตถุกันหมด เพราะอยากไม่แตกต่างจากประเทศพัฒนาแล้ว

ความจริงของดีๆ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้านนั้นมีอยุ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปตามตะวันตกเลย

เจริญสุขครับ

 

 

เป็นแง่มุมที่น่าคิดมากทีเดียวครับ

พรรการเมืองที่ขึ้นครองอำนาจบ้านเรา กรมกองต่างๆที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศเราน่าที่จะหยิบเรื่องนี้มาใตร่ตรอง พิจารณาเพื่อยกระดับบ้านเราบ้าง ผมว่ามีแง่มุมมากทีเดียว

 

แม้ในหน่วยงานสำคัญเช่นกระทรวงศึกษาธิการก็สามารถศึกษามุมมองดังกล่าวเพื่อเอาไปเป็นแนวทางการสร้างเด็กของเราได้เช่นเดียวกัน

มีประโยชน์มากครับบบันทึกสรุปเช่นนี้

แม้แต่โครงการที่ผมรับผิดชอบอยู่ก็มีมุมคิดเกิดขึ้นครับ

ขอบคุณครับ

คุณ บางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา) ครับ

เป้นที่ทราบกันดีว่า มีความคิดกันเสมอว่าทำอย่างไรจึงจะสร้างคนให้มีคุณธรรม มีคุณภาพ มีความุ่งมั่นที่จะทำดี เพื่อตัวเองและต่อผู้อื่น

มีการสอน การตั้งหลักสูตรมากมายก็แล้ว ไปดูงานในประเทศที่พัฒนามาก็แทบทุกแห่งแล้ว แต่ก็ไม่เคยใกล้ความเป้นจริงคือการสร้างคนให้รู้จักสำนึกของความเป็นคน

เพราะที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ มองหาแต่ความเจริญซึ่งดูตามตะวันตกเป็นแบบอย่าง

เป้นความเจริญที่ฉลาดก็จริงแต่ไม่ลึกซึ้ง เพราะในเวลาต่อมาสิ่งที่เรียกว่าความเจริญทางวัตถุนี้กลับมาทำลายสังคมมนุษญ์กันเอง

ซึ่งเราเห็นผลกันแทบทุกเรื่อง........

ผมเองก็ไปมาแล้วหลายประเทศทั่วโลก เห็นมาแล้วหลายแบบ

ทั้งเจริญที่สุดในโลก และเสื่อมที่สุด(ซึ่งไม่ใช่อินเดีย)

แต่ในที่สุด อย่างน้อยสำหรับคนไทย ที่เป็นชาวพุทธ

ผมพบห้องเรียนชีวิตแล้ว

ห่องเรียนที่จะแสดงถึงความแตกต่างของขีวิตมนุษย์ที่ยังสะท้อนวิถีเมื่อหลายพันปีกับวิถีชีวิตปัจจุบัน

ได้เห็นดำ ได้เห็นขาวอย่างชัดเจนที่สุด

เป้นห้องเรียน เป็นห้องแลบที่วิเศษสุดที่เมื่อเข้ามาแลวตั้งใจเรียน จะได้สรุปและสูตรด้วย

สูตรที่ว่านี้ คนไทยโชคดีที่มีในหลวงซึ่งเป็นนักปราชญ์สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกปัจจุบัน

ในหลวงทรงสั่งสอนแนะนำพวกเราให้ใช้หลักปรัชญาเศษฐกิจพอเพียงมาแก้ปัญหาของทุกคนและของประเทศ

นี่ละครับคือสูตรสำเร็จที่วิเศษสำหรับมนุษย์ชาติ

เหมือนฝนหลวงที่พระองค์ทรงคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องขาดน้ำ

สูตรนี้ หากได้การไปดู ศึกษาชีวิตที่อินเดียด้วย ก็จะเป็นตัวเร่งทำให้จิตใจคนถูกกระชากได้เร็วขึ้น

ผมคิดว่าเราต้องขอบคุณด้วยซ้ำไปที่อินเดียยังเป้นห้องแลบให้คนได้ไปศึกษา ถ้าอินเดียเป้นแบบอื่นเราคงไม่มีทางเห้นสิ่งที่ควรเห็น

ผมอยากจะเชิญชวนคนไทยให้สนใจและหาประโยชน์ให้ตัวเองด้วยการไปปลุกสำนึกของจิตวิญญษนโดยการไปแสวงบุญที่อินเดีย

เพราะสิ่งที่จะได้ ผมเชื่อมั่นว่ามีคุณค่ากับชาวพุทธไทยมากทีเดียว

มุมมองนี้เป็นสิ่งที่มีค่า ผมเพียงปรารถนาให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติต่อไป

ขอบคุณครับที่เข้ามาทักทายและทำให้ขยายความออกไป

เจริญสุขครับ

 

 

 

เรียน ท่านพลเดชที่เคารพ

ไม่ทราบว่าดิฉันข้ามตอนนี้ไปได้อย่างไร ใช่ค่ะ อินเดียมความหลากหลายทั้งสถานที่ ผู้คน พูดได้คำเดียวว่า "ทึ่ง อึ้ง" กับความเป็นอินเดียนั่นเอง

เราควรเลือกเอาสิ่งดีๆ มา หรือเอาสิ่งที่เป็นความแข็งของเราไปเสริมตรงที่เขาขาดก็น่าเป็นอะไรที่ไปกันได้ แต่ในความเป็นจริง อินเดียมองเราในสายตาเขาหรือเปล่านี่ต้องคิดให้ดีนะคะ เราต้องพัฒนาเราให้อยู่ในสายตาเขาให้ได้

เรียน ท่านพลเดช ที่เคารพ

ดิฉันข้ามตอนนี้ไปได้อย่างไรไม่ทราบค่ะ ใช่ค่ะ อินเดียมีความน่าสนใจตรงที่เขาเป็นเขานั่นเอง อัตลักษณ์ของเขาคือเอกลักษณ์ที่ทำให้เราต้องอึ้งและทึ่ง เขามีความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ที่ไปกันได้กับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การที่เปลี่ยนผ่านอย่างช้าๆ ทำให้อินเดียมีเสน่ห์ อย่างที่เห็นนะคะ แม้ว่าชาวอินเดียที่ยู่ในต่างประเทศยังคงแสดงอัตลักษณ์ของความเป็นอินเดียไว้ไม่เสื่อมคลาย เขาทำได้อย่างไร

ดิฉันขอฝากคำถามไว้ว่า เราอาจต้องย้อนถามกลับไปว่าเราอยู่ในสายตาของคนอินเดียไหมในการที่จะเป็นคู่ค้า หรือร่วมมือในการทำกิจการหรือกิจกรรมต่างๆ เพราะเราต้องพัฒนาตัวเราให้เป็นที่น่าสนใจกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เราทำได้หรือยัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท