beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

มุมมองใหม่เกษตรกรไทย <๒> "อรหันต์ชาวนา" เดชา ศิริภัทร ตอนที่ 2


"การงานคือการปฏิบัติธรรม" ไม่ต้องเป็นพระก็ถึงนิพพานได้

     เล่าเรื่องของลุงเด ต่อครับ เพื่อให้ภาพของ Jigsaw ชัดขึ้น...โดยปกติเราจะเรียนรู้อะไรเรื่องอะไรให้ลึกซึ้งมีเหตุ-มีผล ต้องเข้าใจวิถีชีวิต แนวคิด ความเชื่อ วัฒนธรรม ของเรื่องนั้นๆ มาประกอบด้วย

     หลังจากลุงเด..จบจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (กุมภาพันธ์-มีนาคม ๒๕๑๒) ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสัตว์บก เช่น เรื่อง วัว หมู ไก่ เป็นต้น เพราะอยากจะเป็นคาวบอย และเอามาใช้จริงที่บ้าน...

     ตอนจบออกมา ลุงเดมีความคิดแบบเด็กๆ ว่า เรียนเร็วกว่าเขา ๒ ปี ดังนั้นใน ๒ ปีนี้จะยังไม่ทำอะไรที่เกี่ยวกับการงาน แต่จะทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การงาน...๒ ปี ก็ไปสร้างกระท่อมในสวน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพ้ละอองฝุ่นจากโรงสีด้วย ๒ ปีก็ไม่ทำอะไร เอาหนังสือกองใหญ่มาอ่าน (ไปหาซื้อมาจากกรุงเทพฯ) ฟังเพลง..ใช้ชีวิตตามสบาย...(ในช่วงปี ๒๕๑๔ คุณพ่อของลุงเด ก็เสียชีวิตลง) แต่ว่ายังไม่รู้จริงในเรื่องการเกษตรเลย

     หลังจาก ๒ ปี ที่ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ลุงเดก็เบื่อชีวิตแบบนั้น จึงคิดหางานทำ ซึ่งมีให้เลือกหลายแห่ง..แต่มาลงท้ายที่ไปสมัครทำงานกับ "กรมปศุสัตว์" ที่ศูนย์เกษตรภาคกลาง ชัยนาท ไปอยู่ที่นั่น ๔ ปี...ได้เรียนรู้เรื่องเกษตรแผนใหม่หลายอย่าง ทั้งการทำนา ปลูกผัก ประมง เศรษฐกิจการเกษตร ฯลฯ

     ตอนลุงเด ไปทำราชการ ก็เป็นข้าราชการคนเดียวในบ้าน และคิดว่าจะเป็นข้าราชการไปเรื่อย...พอดีช่วงนั้นมีคนได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ..แต่ลุงเดถูกกีดกัน (ชีวิตขมขื่นช่วงนี้) สุดท้ายก็ตัดสินใจลาออกในเดือนมกราคม ปี ๒๕๑๘ (ก่อนหน้านั้นได้แต่งงานกับ เบ็ญจมาศ ชัยกิจ-นิด รุ่นน้องที่ขอนแก่น ในเดือนกันยายน ๒๕๑๗ ตอนที่ลุงเด มีอายุ ๒๖ ปี)

      พอลาออกจากราชการ ลุงเด ก็กลับมาบ้าน มาทำธุรกิจครอบครัว จับงานฟาร์ม เลี้ยงวัว เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด ในที่ ๒๐๐ ไร่ ถือหุ้นในระหว่างพี่น้อง โดยลุงเดเป็นคนดูแลบริหาร..ลุงเดกะจะเอาดีทางนี้ เพราะมองเห็นลู่ทางแล้ว...ทำอยู่ปีกว่าๆ ถึงปี ๒๕๑๙ แม่ลุงเดเสียชีวิต จากมะเร็งลำไส้ แล้วลุกลามไปที่ตับ (เป็นกรรมพันธุ์)

      พอแม่เสียชีวิต เป็นประเพณีอย่างหนึ่ง ที่ลูกชายทุกคนจะต้องบวชให้ พี่ชายสองคนเคยบวชให้แม่แล้ว แต่ลุงเดยังไม่เคยบวช...ตอนแม่ยังไม่เสียก็เคยขอร้องให้ลุงเดบวชให้ แต่ลุงเด ต่อต้านการบวช เพราะว่าพระแถวบ้านทำตัวไม่น่านับถือ...เลยหาเรื่องไม่บวช บอกว่า แต่งงานแล้ว และพี่ชายก็บวชให้แม่แล้วด้วย..

      พอแม่เสีย..เป็นจุดเปลี่ยน คือ สิ่งเดียวที่แม่ขอร้องให้ลุงเดทำให้คือ "ขอให้บวช" แต่ว่าลุงเดไม่เคยทำให้ พอแม่เสียเลยคิดจะบวช แต่ว่าบวชแถวบ้านไม่เอา แล้วคิดว่าจะบวชสัก ๑ พรรษา ช่วงนี้ที่บ้านก็จะต้องดูแล ลูก เมีย และกิจการต่างๆ รอลุงเดก่อน

      ลุงเดวางแผน ไปขอบวชที่สวนโมกข์ ไปหาท่านพุทธทาส แต่ว่าบวชไม่ได้ เพราะโควต้าเต็ม และต้องไปผ่านการคัดเลือกที่วัดชลประทานของท่านปัญญา มาก่อน..ลุงเดจึงต้องรอมาอีก ๑ ปี ได้บวชเอาปี ๒๕๒๐....ด้วยความที่อยากให้แม่ได้บุญ ที่วัดเขาให้ทำอะไร ก็ทำทุกอย่าง ตื่นแต่เช้า เดินเท้าเปล่า สวดมนต์ ฉันมื้อเดียว..ทำหมด

      ลุงเดเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว เป็นหืด ไปอยู่ที่สวนโมกข์ อากาศชื้น จึงเป็นหวัดอย่างหนัก โชคดีที่มีฝรั่งที่ไปเรียนโยคะที่อินเดียมา (เข้าใจว่าคงบวชเป็นพระเหมือนกัน) มาสอนโยคะให้...จึงหายจากโรคภูมิแพ้นับแต่นั้น...

      การที่ได้มาอยู่สวนโมกข์ อยู่กับธรรมชาติ ฝูงค่าง ไก่ป่า ปฏิบัติธรรม ตื่นแต่เช้า ฉันมื้อเดียว เห็นทุกข์ของชาวบ้านขณะบิณฑบาต...มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...คิดต่อไปว่า นี่คือชีวิตที่แท้จริง เรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องเงินทอง...ท่านพุทธทาสสอนว่า "การงานคือการปฏิบัติธรรม" ไม่ต้องเป็นพระก็ถึงนิพพานได้..ท่านสอนให้จำไว้ ๒ อย่าง แล้วจะไม่ทุกข์มาก

  • อย่างแรก ท่านสอนให้ "เป็นอยู่อย่างพอดี" อันนี้ทำง่ายอยู่แล้ว..ให้รู้ว่าพอดีของเรามันอยู่ตรงไหน...กินพอดี อยู่พอดี ปัจจัยสี่พอดี
  • อย่างที่สอง ท่านสอนให้ยึดหลัก "ทำอะไรอย่าไปตั้งความหวัง ให้ทำอย่างไม่มีความหวัง" ตรงนี้ยากมาก..ลองคิดดู...จะทำอะไรต้องใช้ปัญญาคิดก่อนว่า งานนี้คืออะไร เป้าหมายอย่างไร ควรทำหรือไม่ควรทำอย่างไร....เมื่อตัดสินใจทำให้ใช้ปัญญาทำเต็มที่ แต่อย่าไปหวังว่าจะได้เท่าไร ได้ที่ไหน ได้เมื่อไหร่ ได้อย่างไร อย่าไปตั้งความหวังเด็ดขาด ให้ถือว่าทำไปแล้ว หากไม่ได้เลยก็เท่าทุน ได้เท่าไรกำไรทั้งหมด..

      ต่อมาเมื่อได้หรือไม่ได้..อย่างไร ก็ให้มาทบทวนดู ที่ได้เพราะอะไร ไม่ได้เพราะอะไร จะทำต่อหรือไม่ ถ้าทำต่อจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น..นี่ต้องใช้ปัญญา "ทำต่อไปก็ไม่ตั้งความหวังอีก" ทำแบบไม่ตั้งความหวัง แต่ทำเต็มที่ ทำเต็มสติปัญญา จะได้มากกว่าที่หวังอีก เพราะหวังเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้นและโง่ด้วย..เพราะถ้าทำสำเร็จก็คิดว่าเราเก่ง นั่นแหละโง่แล้ว...ความจริงปัจจัยความสำเร็จ มันมีตั้งหลายปัจจัย เราเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น

      ถ้าทำแบบเดิมที่สำเร็จ แล้วเกิดไม่สำเร็จ...ก็จะมาโทษตัวเอง เป็นทุกข์ เสียใจ คือ จริงๆ เราทำเต็มที่แล้ว แต่ปัจจัยอื่นไม่พร้อม....ก็เป็นทุกข์อีกและโง่ด้วย

      จำไว้ว่า "ตั้งความหวังเมื่อไร จะโง่และทุกข์" แต่ "ไม่ตั้งความหวัง มีแต่ได้ และไม่ทุกข์"...อิอิ

 

beeman by Apinya

มนุษย์ผึ้งมหัศจรรย์  
神奇的蜂爷
  
(shen2  qi2  de1  feng1  ye2)

 

หมายเลขบันทึก: 186286เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2008 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

รออ่าน ประวัติลุงเด ตอนต่อไปครับ อาจารย์ beeman

พิมพ์ไป แก้ไปครับ คุณเอกราช

  • แบบว่าพิมพ์สดๆ ถอดบทจากหนังสือครับ แต่ว่าใช้สำนวนของเราครับ ไม่ได้ copy มา..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท