ความคิดเห็นที่แตกต่าง กับจุดยืนของคนที่ชั่วบ้างดีบ้าง ( 1 )


ก่อนที่ข้าพเจ้าจะไปปฎิบัติธรรม  ข้าพเจ้าคิดเห็นไปว่า ตัวเองนั้นก็ถือว่าเป็นคนที่ดีพอควร มีความรับผิดชอบ  แถมเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และติดดีค่อนข้างมากทีเดียว พอเวลามีอะไรเกิดขึ้นในชาติบ้านเมือง ข้าพเจ้าจะมีอาการวิตกกังวลแถมบางครั้งบ่นด่าผู้บริหารระดับประเทศเป็นพักๆ  และมักจะคิดว่าทำไมคนนี้จึงเป็นแบบนั้น ทำไมคนนั้นไม่เป็นแบบนี้ ดีชั่วอย่างไรทำไมไม่รู้จักคิด  เรียกว่ามองเห็นความผิดของคนอื่นๆเสียมากมาย ยกเว้นความเห็นผิดของตัวเอง

หลังจากไปปฎิบัติธรรมกลับมาสักระยะ  ก็พยายามปฎิบัติอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ   ปรากฏว่า ในเวลานี้ข้าพเจ้าเริ่มมองเห็นว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แถมออกจะมีความชั่วร้ายในจิตอยู่มากมายไม่น้อย และรู้สึกอับอายตัวเองที่แต่ก่อนไปหลงภูมิใจได้อย่างไร ว่าตัวเองนั้นเป็นคนดี ช่างน่าอายจริงๆ  และทุกวันนี้ถ้ามีใครทำท่าและประกาศตนว่า มีคุณความดีอยู่ในตัวเสียมากมายเหนือคนอื่น  ข้าพเจ้ารู้สึกทึ่งจริงๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นช่างมีความมั่นใจและมาดมั่นขนาดนั้น  การที่ใครก็ตามพูดว่ากำลังทำเพื่อประเทศชาติและสังคม  แสดงว่าพวกเขาต้องคิดเห็นว่าตัวเองดีสุดๆ เป็นแน่  เพราะตัวข้าพเจ้าเองในตอนนี้ ยังไม่กล้าที่จะพูดเลยว่าเป็นพลเมืองดีของชาติ  และทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง  แถมพอมองมายังอาชีพการงานของตัวเอง ข้าพเจ้าก็ยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีสักเท่าไหร่  ข้าพเจ้ากลายเป็นคนที่ชั่วๆ ดีๆ ไปเสียแล้ว 

การปฎิบัติธรรมทำให้เรารู้จักตัวเองดีขึ้น มองเห็นตัวเองดีขึ้น และตอนนี้ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่า แท้ที่จริงแล้วข้าพเจ้าก็แค่คนชั่วบ้างดีบ้าง  ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีกว่าใครๆ แถมบางครั้งมีความคิดอกุศลตั้งมากมายอยู่ในจิต  นี่เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ ที่ข้าพเจ้าเพิ่งมารู้และหลงคิดผิดว่าตัวเองเป็นคนดีมาตั้งนาน  

ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ได้ไปฟังธรรมบรรยายของหลวงพี่มหาสมุทรแห่งธรรม ลูกศิษย์หลวงปู่ติชเมื่อปีก่อน  ท่านกล่าวสอนถึงเรื่องความคิดเห็น   ท่านบอกว่าเราต้องระวังเรื่องนี้ให้ดี  เพราะความคิดเห็นของเราก็คือจากมุมมองของเรา  จากประสบการณ์ของเรา ซึ่งอาจจะแตกต่างจากความคิดเห็นของคนอื่น แต่การที่เราตัดสินว่าความคิดเห็นของเราถูกฝ่ายเดียวนั้น อาจจะเป็นความมั่นใจมากไปหน่อย  เพราะเราอาจจะเป็นฝ่ายผิดก็ได้

วันนั้นหลวงพี่มหาสมุทรแห่งธรรมถามว่า  ท่านทั้งหลายถ้าเราจะถามคนสักหลายๆคนว่า มีความคิดเห็นอย่างไรต่อห้องประชุมนี้ เราก็จะพบว่ามีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ในแต่ละคน  คนที่อยู่ด้านหน้าซึ่งอยู่ใกล้แอร์ก็จะบอกว่าเย็นไป  คนที่อยู่ด้านหลังไกลๆ และแอร์ไปไม่ถึงก็จะบอกว่าร้อนไป  คนที่อยู่ตรงกลางอาจจะบอกว่ากำลังดี  แถมบางคนก็อาจจะบอกว่าห้องนี้จัดสวยดี แต่บางคนก็อาจบอกว่า จัดไม่ดีสักเท่าไหร่ ต่างคนก็ต่างมีความคิดเห็นของตัวเอง  และเราจะพบว่าแต่ละความคิดเห็นนั้นก็มาจากต่างมุมมองและประสบการณ์ ท่านจึงบอกว่า เราต้องระวัง เรื่องความคิดเห็นให้ดี

ข้าพเจ้าเห็นจริงตามที่ท่านว่า  ความคิดเห็นจากต่างมุมมองต่างประสบการณ์  ย่อมไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ว่า อันไหนถูกหรือผิด   การที่คนด้านหน้าห้องประชุมจะลุกขึ้นมาโต้เถียงว่า ที่จริงแล้วห้องประชุมนี้เย็น ไม่ได้ร้อนอย่างที่คนด้านหลังว่า ดูจะเป็นการโต้เถียงที่ไม่ได้ข้อสรุปอะไร  เพราะคนที่อยู่ด้านหลังก็ต้องบอกว่าร้อนอยู่แล้ว เพราะเขานั่งอยู่ไกลแอร์ขนาดนั้น  จะให้เขาเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะประสบการณ์ส่วนตนเขาพบว่าเป็นแบบนั้น  จะมาว่าเขาผิดได้อย่างไรกัน 

เรื่องความคิดเห็นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว  ความเห็นที่ต่างกันจึงย่อมมีได้ในสังคมมนุษย์เรา  เรื่องความร้อน ความเย็นในห้องประชุมจะสรุปลงตัวได้ ก็คงต้องให้ทั้งสองฝ่ายแสดงความคิดเห็น และรับฟังเหตุผลของกันและกันก่อน  คนที่อยู่ด้านหน้าห้องอาจจะต้องลองไปนั่งหลังห้องดู จะได้รู้ว่าที่จริงแล้วห้องประชุมนี้มันร้อนจริงๆหรือเปล่า  ส่วนคนด้านหลังก็อาจจะต้องไปลองนั่งด้านหน้าดู ว่าที่จริงแล้วด้านหน้ามันเย็นแค่ไหนเวลาที่นั่งติดแอร์แบบนั้น  นี่คือการแลกเปลี่ยน รับฟัง และการเรียนรู้ร่วมกัน  เมื่อทั้งสองฝ่ายรับฟังและเรียนรู้ร่วมกันอย่างเปิดใจก็จะไม่มีข้อโต้เถียงหรือขัดแย้งกันแบบเอาเป็นเอาตายอีก 

ตอนนี้ข้าพเจ้ามาคิดย้อนดูก็พบว่า ที่จริงแล้วห้องประชุมนั้น ไม่ได้ร้อนหรือเย็นหรอก มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นแหละ มีแต่จิตใจของเรานี่เองที่ไปใส่ความคิดเห็นให้มัน

ดังคำสอนของหลวงพ่อชาที่ได้ยินได้ฟังมา  ท่านเทศน์ว่า เราทั้งหลายนั้นชอบไปคิดจัดแจงเอาเองว่า คนนั้นต้องเป็นอย่างนี้ คนนี้ต้องเป็นแบบนั้น ท่านว่ามันไม่ได้ประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่  แถมยังยกตัวอย่างเรื่องลูกนิมิตรที่วางอยู่บริเวณนั้นให้เป็นข้อคิดคำสอนด้วย ท่านบอกว่าลูกนิมิตรนี้ไม่ใหญ่และไม่เล็ก  คนที่เคยเห็นลูกนิมิตรใหญ่ๆมาก่อน  ก็ว่าลูกนิมิตรนี้เล็ก  ข้างฝ่ายคนที่เคยเห็นแต่ลูกนิมิตรเล็กๆ มาก่อน พอมาวันนี้เห็นลูกนิมิตรนี้ก็บอกว่าลูกนิมิตรนี้ใหญ่   หลวงพ่อชาท่านว่า ที่จริงแล้วมันไม่ใหญ่และไม่เล็ก  ช่างเป็นคำสอนที่คล้ายคลึงกันจริงๆ 

เพราะเราอยู่ในสภาพสังคมแบบทวินิยม  และตึดยึดอยู่กับเรื่องนี้  เราจึงมักจะคิดแบบทวินิยม คือคิดเปรียบเทียบ คิดแบบสองขั้วอยู่ตลอดเวลา และเอาเป็นเอาตายกับสองขั้วที่ว่า  เมื่อเรามองว่าความคิดเห็นนี้ถูก เราก็จะคิดสรุปไปว่า ความคิดเห็นนั้นผิด  เมื่อเรามองว่าสิ่งนี้ดี เราก็จะเปรียบเทียบว่าสิ่งนั้นไม่ดี  ที่น่ากลัวก็คือเมื่อเรามองเห็นไปว่าความคิดเห็นของเราถูก เราก็จะติดยึดอยู่ในใจลึกๆว่าความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากเรานั้นผิด   เมื่อใครคิดไม่เหมือนเรา เขาต้องอยู่ฝ่ายตรงข้ามเรา  เมื่อเราเป็นสีขาว อีกฝ่ายต้องเป็นสีดำ  เมื่อเราเป็นฝ่ายรัฐบาล คนที่เห็นต่างจากนี้ต้องเป็นพวกฝ่ายค้าน  แล้วเราก็ทะเลาะถกเถียงกัน  เพราะเราได้แบ่งแยกและเลือกข้างให้ตัวเองและคนอื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  จึงไม่มีการรับฟังและเรียนรู้ร่วมกัน  มีแต่จะเอาชนะกันในความคิดเห็นจากมุมมองของเราเอง  แล้วเราได้อะไร ?

   ห้องประชุมนี้ไม่ร้อนและไม่เย็น มันเป็นของมันแบบนั้น

   ลูกนิมิตรนี้ก็ไม่ใหญ่และไม่เล็ก มันก็เป็นของมันแบบนั้น

  

   ช่างเหมือนคำกล่าวในหนังสือของท่านเว่ยหลางจริงๆ

 ธงไม่ได้โบกสะบัดไปด้วยตัวมันเอง และไม่ได้ปลิวโบกสะบัดไปเพราะแรงลม  มีแต่ใจของเรานั่นแหละที่หวั่นไหว  คิดเห็นไปว่ามันขยับ.....อยู่ที่ใจของเราแต่ละคนนี่เอง

หมายเลขบันทึก: 185813เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2008 02:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ นะคะ ^ ^

สวัสดีครับ   ขออนุญาต ลปรร  2 ประเด็นครับ

       ประเด็นแรก ภาวะติดดี  ตอนนี้เป็นกันมากครับ  (เมื่อก่อนผมก็เคยเป็น  ตอนนี้  พอเผลอๆ  มันก็แอบเป็น)

       ใครที่เข้าปฏิบัติธรรม  หรือ ไปเข้าอบรมอะไรมาสักอย่าง  กลับมาเลยกลายเป็นคน "ติดดี" ไปเสียแล้ว

       ประเด็นที่สองสังคมแบบทวินิยม   เป็นปัญหาใหญ่  และน่าจะเป็นปัญหาโลกแตกเสียแล้วกระมังครับ

       อะไรก็แล้วแต่   ผมมีความคิดอย่างนี้ครับ

       "คิดดี ทำดี   แต่    กำหนดที่ตน   ผ่อนปรนที่คนอื่น"

                                        ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

เฮ้อ เฮเลนก็ยังเหมือนเดิมหรือคะสงสัยกุ้งโชคดีแน่ๆๆที่ออกมาอิอิอิ

สวัสดีค่ะคุณกมลวัลย์

ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยมเยือนอยู่เป็นระยะๆ  ที่จริงก็แวะไปอ่าน blog ของคุณอยู่เป็นระยะๆเช่นกันค่ะ

 

สวีสดีค่ะคุณ smallman

ชอบข้อสรุปนี่มากค่ะ  คิดดี  ทำดี แต่กำหนดที่ตน ผ่อนปรนที่คนอื่น

ขอบคุณค่ะที่เข้ามา ลปรร 

 

กุ้งจัง

 ที่เฮเลนก็ยังเหมือนเดิมแหละ อ้อ มีที่เปลี่ยนไปก็คือไม่มีกุ้งอยู่ที่นั่นไง คิดถึงมากมาย หวังว่าจะได้เจอกันบ้างนะ อ้อ..ถ้ารู้สึกเบื่อๆ แวะไปเยี่ยมบ้านใหม่ของหมอได้ที่ www.sunmoola.multiply.com มีรูปสวยๆ มีเพลงเพราะๆ แถม MV ให้ดู พอผ่อนคลายสบายใจได้จ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท