ปริญญาชีวิต (๘)


แบบอย่างดีๆจากหนังสือธรรมาค้าขึ้น

ปริญญาชีวิต ตอนที่ ๘

 

“ความกตัญญูกตเวที  เป็นเครื่องหมายของคนดี

คุณธรรมข้อนี้ผู้เขียนยึดถือเป็นคัมภีร์ ประจำตระกูล ที่ต้องถ่ายทอดให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้รู้  และสามารถนำไปปฏิบัติสืบต่อไป

 

                            “อัจฉริยลักษณ์ของ ป๋าเทพ      

 

                            มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งส่งหนังสืออัตชีวประวัติของป๋าเทพ  เทพโพธิ์งาม   มาให้อ่าน   ผู้เขียนอ่านรวดเดียวจบ    ขณะที่อ่านก็รู้สึกวูบวาบเพราะมองเห็นแต่แง่มุมที่คมคายและงดงามมากมาย

                           ป๋าเทพ เป็นชื่อที่คนในวงการตลกด้วยกัน และคนในวงการสื่อมวลชนพร้อมใจกันตั้งให้แก่ เทพ โพธิ์งาม   ตลกอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ในการแสดงตลกชนิด เกิดมาเพื่อการนี้ ด้วยความคารวะในฝีไม้ลายมือและอัธยาศัยอันกว้างขวางต่อเพื่อนฝูงและคนรุ่นหลัง

                           เสน่ห์ของป๋าเทพ  ไม่ได้อยู่ที่ฝีมือเพียงอย่างเดียว  หากสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความมีน้ำใจ   และความเป็นคนมองโลกในแง่ดีชนิด   “เราทำคุณกับใครให้ลืม แต่หาก ใครมีคุณกับเราต้องจำ   นอกจากนั้นแล้วคุณธรรมที่เด่นมากของป๋าเทพ ย่อมได้แก่ความเป็นคนมีธรรมะในหัวใจชนิดสัมผัสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมะที่เรารู้จักกันในชื่อ ความกตัญญูกตเวที

                          ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ หรือดูจากละครอัตชีวประวัติของป๋าเทพผ่านรายการ จันทร์เจ้าของ เราย่อมสัมผัสได้เป็นอย่างดีว่า เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของคนคนนี้ ไม่ใช่เรื่องของฝีมืออย่างเดียว หากเป็นเรื่องของธรรมะที่เขาถือเป็นหลักธรรมประจำใจนั่นต่างหาก

                           กตัญญู   หมายถึงความตระหนักรู้ว่าใครมีคุณกับเรา ความไม่ลืมว่าเรามาถึงจุดที่ยืนอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะมีใครอุทิศตนเป็นอิฐก้อนแรกให้ย่างเหยียบกระทั่งได้หยัดยืนอย่างทระนง และความยอมรับอย่างสัตย์ซื่อว่าตนเองไม่ได้เก่งอยู่คนเดียว หากเป็นเพราะยังมีมือแห่งความเอื้ออาทรของผู้คนอีกมากมายคอยประคับประคองอยู่ข้างหลังอย่างมากด้วยน้ำไมตรี จนทำให้ตนมีวันที่รุ่งโรจน์ได้อย่างที่ฝัน

                            กตเวที หมายถึงความตระหนักรู้ว่าใครมีคุณกับเราแล้วไม่ลืมคุณของเขา หากแต่คอยหาโอกาสเอ่ยอ้างถึงความสำคัญของเขาให้สังคมได้ร่วมรับรู้   สรรเสริญ และยินดีตอบแทนพระคุณของเขาที่เราพอจะทำได้ตลอดเวลา กล่าวอย่างรวบรัด กตัญญูกตเวที ก็คือ รู้ว่าใครมีคุณแล้วไม่เนรคุณ นั่นเอง

                             ป๋าเทพ เข้ามาสู่วงการตลกได้ก็เพราะมี   ครู คนหนึ่งเป็นคนให้โอกาสและชักนำเข้ามา ล่วงมาจนถึงวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ป๋าเทพโด่งดังยิ่งกว่าครูแล้ว แต่สถานภาพอันสูงส่งของครูคนนั้นก็ยังคงสถิตอยู่ในใจของป๋าเทพเสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง ป๋าเทพไม่เคยลืมครูและไม่เคยถือว่าตนดีเด่นยิ่งไปกว่าครูเลยแม้แต่น้อย ครูของป๋าเทพชื่อ เด่น ดอกประดู่

                             ป๋าเทพเล่าว่าเมื่อแรกเข้าสู่วงการตลก  ครูของป๋ามีเรื่องไม่ลงรอยกันกับหัวหน้าวงดนตรีลูกทุ่งวงใหญ่ในขณะนั้น  สุดท้ายของการกินเกาเหลาร่วมโต๊ะ  ส่งผลให้ เด่น  ดอกประดู่  ต้องระเห็จออกมาจากวง  พร้อมทั้งยังมีคำขู่ตามหลังมาด้วยว่า  ถ้าใครไปส่งเด่น  ดอกประดู่  คนคนนั้นก็มีอันจะต้องชะตาขาดตามเด่นไปด้วยเช่นกัน

                           ในวันที่เด่น  ดอกประดู่  เดินออกจากวงดนตรี  ไม่มีใครสักคนในคณะตามไปส่ง  เพราะทุกคนต่างก็เกรง ประกาศิต   จากเบื้องบนชนิดหัวหด แต่ตลกหน้าใหม่ตัวเล็กๆคนหนึ่งของวงไม่เหมือนคนอื่น เพราะเขาเป็น หมูไม่กลัวน้ำร้อน ไม่เพียงแต่จะไม่สนใจคำขู่จากเบื้องบนเท่านั้น ทว่าเขายังหายไปจากวงและแอบไปดักรอรถของครูที่จะแล่นผ่านเส้นทางนั้นอย่างอาจหาญด้วยตนเอง

                            เมื่อรถของครูเด่น  ดอกประดู่  แล่นผ่านมาและมองเห็นเทพ  โพธิ์งาม  นั่งสูบบุหรี่รออยู่ข้างทาง  ครูเด่นไม่รอช้าที่จะลงมาถามไถ่ว่าแอบมาส่งตนเองอย่างนี้  ไม่กลัวอาญาสิทธิ์จากหัวหน้าวงหรือ  ป๋าเทพตอบด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ชัดเจนในน้ำเสียงว่า  จะให้ผมลืมคนที่เคยให้โอกาสผมมาก่อนได้อย่างไร

                            วันนั้น ทั้งครูทั้งศิษย์ต่างกอดกันกลมน้ำตาคลอด้วยซาบซึ้งในน้ำใจและน้ำธรรมที่หล่อเลี้ยงหัวใจให้ต่างฝ่ายต่างก็รักใคร่  และปรารถนาดีต่อกันและกันอย่างบริสุทธิ์ใจ  ไม่ยอมทอดทิ้งกันและกันทั้งในยามทุกข์และยามสุข  นับแต่นั้นเป็นต้นมาตลกอัจฉริยะทั้งคู่ก็โลดโผนในวงการตลก วงการแสดง และวงการโทรทัศน์มาอย่างโชกโชนและช่ำชอง

                           เป็นความช่ำชองและโชกโชนถึงขนาดที่คนทั้งวงการยกให้ทั้งคู่เป็นตำนานของตลกที่ไม่อาจไม่กล่าวถึงของวงการตลกเมืองไทยไปแล้ว

                           คนอีสานถือกันว่า เกิดเป็นคนอย่าลืมรอยเท้า   คนเหนือเชื่อกัน ว่า   เกิดเป็นคนอย่าลืมบ่อน้ำที่เคยดื่มยามกระหาย คนไทยภาคกลางกล่าวว่าเกิดเป็นคน อย่าเป็นวัวลืมตีน

                           พระพุทธศาสนาสอนว่า   ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี   บนเส้นทางของการทำมาหาเลี้ยงชีพ ไม่มีใครที่หยัดยืนอยู่ได้อย่างองอาจ สง่างาม เพียงเพราะว่าเขาเป็นคนที่เก่งอยู่คนเดียว มาแต่กำเนิด แท้จริงเบื้องหลังความสำเร็จของคนคนหนึ่ง ล้วนมีผู้ร่วมปิดทองหลังพระอยู่มากมาย

                           วันนี้....วันที่เราได้หยัดยืนอย่างองอาจสง่าผ่าเผยบนบัลลังก์ทองของความสำเร็จตามสายอาชีพที่ใฝ่ฝัน  ถามว่าเรายังคงจดจำใบหน้าของผู้คนที่เคยร่วมปิดทองหลังพระให้กับเราได้บ้างหรือเปล่า?

 

 

                                     “อัจฉริยลักษณ์ของ ป๋าเทพ

จากหนังสือธรรมาค้าขึ้น ของท่าน ว. วชิรเมธี

 

คำสำคัญ (Tags): #ข้อคิดชีวิต
หมายเลขบันทึก: 185530เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2008 09:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สนับสนุนอย่างแรงเลยครับ ความกตัญญู

สวัสดีค่ะคุณลุง

แจ๋วเป็นคนหนึ่งซึ่งชื่นชมในความสามารถของคุณเทพ โพธิ์งามค่ะ

อ่านบันทึกแล้วได้ทราบแง่คิดอื่นๆ เกี่ยวกับคุณเทพเพิ่มขึ้นอีก

ขอบคุณที่คุณลุงนำเรื่องราวมาแบ่งปันนะคะ

......................

แต่ตอนนี้รู้สึกเศร้าใจกับคนที่ไม่กตัญญูต่อแผ่นดินถิ่นเกิดค่ะ เศร้าใจค่ะ

ขอบพระคุณคุณลุงสำหรับบันทึกนี้นะคะ

  •   “เราทำคุณกับใครให้ลืม” แต่หาก ใครมีคุณกับเราต้องจำ
  • คนอีสานถือกันว่า เกิดเป็นคนอย่าลืมรอยเท้า   คนเหนือเชื่อกัน ว่า   เกิดเป็นคนอย่าลืมบ่อน้ำที่เคยดื่มยามกระหาย คนไทยภาคกลางกล่าวว่าเกิดเป็นคน อย่าเป็นวัวลืมตีน
  • น้อมคารวะและขอจดจำไว้ครับ
  • เมื่อคืนผมเขียนอนุทิน  กวิน@8927 
  • ก็นึกถึงเรื่องนี้พอดี  ขออนุญาตนำมา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) ครับ
  • สำนวน ผีซ้ำด้ามพลอย

    ด้าม=ปฐม=อันดับแรก  (อันดับแรก ของมีด ก็คือด้าม)

     ผีซ้ำด้ามพลอย  หมายถึง เมื่อผี(ป่า) มารังควาญซ้ำเติม แล้ว ปฐมผี (ผีบรรพบุรุษ/ผีอันดับแรกของตระกูล) ยังมา พลอยซ้ำเติมด้วย (แทนที่จะปกปักรักษา) 

    กรณีที่ ผีซ้ำ(แล้ว)ด้ามพลอย น่าจะเกิดกับคนที่ อกตัญญู ไร้ศีล ไร้ความซื่อสัตย์ (ไร้สัจจะ) ในเรื่องพระอภัยคำกลอน สุนทรภู่แต่งเอาไว้ว่า

    “อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที    ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน
    ทรลักษณ์อกตัญญุตาเขา     ทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน
    ให้ทุกข์ร้อนงอนหง่อทรพล   พระเวทมนตร์เสื่อมคลายทำลายยศฯ”

สวัสดีค่ะ คุณลุงหนุ่มนาข้าว

- ผู้ใด กตัญญู ย่อมมีแต่เจริญ เชื่อมั่นค่ะ

- ป๋า อี๋ ปูเริ่มต้นจาก 0 ด้วยความรัก

- เหนือสิ่งอื่นใด คือ กตัญญู ต่อบุพการีทั้งสองฝ่าย

- และก็สู้อุปสรรคทุกอย่างได้ค่ะ

... ขอบพระคุณค่ะ ....

  • 饮水思源 (yin sui si yuan) ดื่มน้ำให้ระลึกถึงแหล่งน้ำ เป็นสุภาษิตจีนโบราณ มีความหมายว่า  เป็นคนต้องมีความกตัญญูรู้คุณ ไม่ว่าจะอยู่ในแผ่นดินไหนก็ตาม  จะอยู่ในสถานะใดก็ตาม เป็นหน้าที่ของบุคคลนั้นต้องรักและหวงแหน  นอกจากจะไม่ไปทำลายแล้ว  ยังต้องช่วยกันรักษา ช่วยกันทำนุบำรุงให้เจริญรุ่งเรือง  ไม่เหมือนกับบางคนในบ้านเราที่ทำในสิ่งตรงกันข้าม  เป็นเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้จักคุณธรรมกตัญญูกัน  หรือว่ารู้แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้  หรือว่าความโลภ โกรธ หลง มันบดบังอยู่กระมัง

สวัสดีค่ะคุณลุง

  • ตามมาอ่านค่ะ หลังจากห่างหายไปหลายบันทึก เป็น อาหารสมองและอาหารเสริมอารมณ์ตอนเช้าที่สุดยอดค่ะ
  • น้อมรับคุณธรรมของป๋าเทพ ใส่ใจค่ะ เราทำคุณกับใครให้ลืมเสีย (อย่าไปจดจำ เพราะเราอาจผิดหวังเมื่อเขาไม่คิดถึงสิ่งที่เราทำให้) แต่หาก ใครมีคุณกับเรา เราต้องจำ และจะต้องกตัญญู กตเวทิตา เมื่อมีโอกาสค่ะ
  • ขอบคุณคุณลุงค่ะ

มาเก็บเกี่ยวในรอยประสบการณ์...ครับ

ตามมาดู การกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญจริงๆๆด้วยครับ สบายดีไหมครับ รออ่านตอนหน้าอีกครับ กลับมาเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน แล้วครับ

สวัสดีครับ.....

(วันอาทิตย์) กระผมเข้ามานั่งรอคุณลุงในบล็อกแล้วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท