การวิจัยในชั้นเรียน อาจเริ่มโดยการที่อาจารย์ดำเนินการเกี่ยวกับการเรียนการสอนดังต่อไปนี้
$ สร้างคำถามเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักศึกษาในชั้นในสิ่งที่สำคัญต่อการเรียนรู้
$ ใช้คำถามง่ายๆ แต่เป็นจริง เน้นที่ประสบการณ์ของอาจารย์ในการทำนายคำตอบ
$ ศึกษาหาความรู้ให้ตนเองในสิ่งที่ต้องการศึกษา ค่อยเป็นค่อยไป หรือใช้กลุ่มในการช่วยและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
$ แปลงคำถามให้เป็นคำถามเชิงวิจัยว่าต้องการทราบอะไร
$ ทำงานเป็นกลุ่มอาจมีการตั้งกลุ่มนักวิจัยในชั้นเรียนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์ และอื่นๆ
$ พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่านักศึกษาจะได้ประโยชน์อย่างไรจากการวิจัย จะให้เด็กเข้าร่วมในการวิจัยอย่างไร อะไรเป็นสิ่งที่เปราะบางต่อความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และนักศึกษา
$ พิจารณาตัดสินใจว่า จะศึกษาหัวข้อที่ยกขึ้นมาอย่างไร ควรหลีกเลี่ยงการที่ต้องสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล เพราะข้อมูลที่ต้องการมีอยู่แล้ว นอกจากจำเป็นจริงๆ และหลีกเลี่ยงการเก็บข้อมูลที่ไม่แน่ใจว่าจะใช้หรือไม่ หรือโดยปราศจากวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
$ ทำการศึกษานำร่องจากตนเองและเพื่อนอาจารย์
$ ประมาณระยะเวลาที่เด็กต้องใช้ในการให้ข้อมูล และเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
$ เขียนบันทึกถึงสิ่งที่ทำในการวิจัย การเรียนรู้และการเรียนการสอนที่เกิดขึ้น
ขอบเขตของคำถามที่เป็นไปได้ที่จะทำวิจัยในชั้นเรียน
เมื่อพิจารณาถึงบริบทในการเรียนการสอนในโรงเรียนแล้ว การวิจัยในชั้นเรียนอาจเกี่ยวข้องกับคำถามในประเด็นต่อไปนี้
& วิธีการเรียนการสอนแบบต่างๆ
& ตัวอาจารย์
& ตัวนักศึกษา
& สื่อการเรียนการสอน
& หลักสูตร
& ภูมิหลังทางครอบครัว
& บริบทด้านครอบครัว
& บริบทในมหาวิทยาลัย
& การวัดและประเมินผลการเรียนการสอนในบริบทต่างๆ
& ผลการดำเนินงานโครงการหรือกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นในและนอกมหาวิทยาลัย
( เน้นการประเมิน )
ตัวอย่างคำถามเชิงวิจัย
@ ที่นี่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
@ นักศึกษาเรียนได้ดีเพียงใด และเรียนอย่างไร
@ มีนักศึกษากี่คนที่ไม่เข้าใจแนวคิดทฤษฎีนี้
@ ระดับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่อง……ของนักศึกษาเป็นอย่างไร
@ นักศึกษามีความสามารถในการวิเคราะห์ วิจารณ์ในระดับใด
@ นักศึกษาใช้เวลาเท่าใดในการเรียน และเรียนรู้ได้ดีเท่าใดเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาที่ใช้
@ จะสร้างการเรียนรู้แบบปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียนได้อย่างไร
@ การออกมารายงานหน้าห้องหรือการอ่านเงียบๆ จะมีผลต่อการเรียนรู้มากกว่ากัน
@ นักศึกษามีลักษณะในการเรียนรู้ของตนเองอย่างไร
@ ทำอย่างไรจะสร้างความคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์และการทำความกระจ่างกับปัญหาในตัวนักศึกษา
@ ประเภทของกิจกรรมมีผลต่อการเรียนรู้อย่างไร
@ ถ้าให้นักศึกษาได้ฟังเนื้อหาที่หลากหลาย นักศึกษาจะมีพัฒนาการในการฟังดีขึ้นหรือไม่
@ สิ่งใดมีผลต่อการเรียนรู้มากกว่ากัน การเรียนกฎเกณฑ์ก่อน หรือให้ศึกษาจากตัวอย่างก่อน
@ ทำอย่างไรจะควบคุมนักศึกษาที่ชอบทำความวุ่นวายในชั้นเรียนได้
@ มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ระหว่างพัฒนาการของนักศึกษากับคำถามที่อาจารย์ใช้
@ จะวัดความรู้พื้นฐานและทัศนคติของนักศึกษาในวิชาที่สอนอย่างไร
@ จะสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลที่มีคุณภาพได้อย่างไร
ตัวอย่างประเด็นที่สามารถศึกษา
J จุดแข็งและจุดอ่อนของการสอนหลายๆ ด้าน
J จุดแข็งและจุดอ่อนของการเรียนรู้ของนักศึกษา
J วิธีการบรรยายและการสอนของอาจารย์
J การให้อ่านหนังสือเพิ่มเติมประกอบการเรียน
J การทดลองในห้องปฏิบัติการ
J การให้เหตุผลเชิงโมเดล
J การใช้ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์
J การศึกษาความรู้เดิมของนักศึกษาและสิ่งที่ได้จากประสบการณ์
J ศึกษาการอภิปรายกลุ่มและผลจากการขัดแย้งกันทางความคิดเห็นระหว่างสมาชิกกลุ่ม
J เปรียบเทียบรูปแบบต่างๆของคำพูดในการอภิปรายของนักศึกษา และรูปแบบที่มีและไม่มีอาจารย์เป็นผู้นำอภิปราย
J ศึกษาวิธีการที่อาจารย์และนักศึกษาช่วยกันปรับปรุงหนังสือเรียน
J การใช้คำถามของอาจารย์
J การแก้ไขความผิดพลาดของนักศึกษา
J ผลของการคิดเชิงวิเคราะห์วิจารณ์ที่มีต่อการเรียนรู้ของนักศึกษา ถามคำถามว่าเขา ได้เรียนรู้อะไร ค้นหาวิธีใหม่ๆในการแก้ปัญหาอย่างไร
J การวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ การวิเคราะห์คำพูด การวิเคราะห์ส่วนของคำพูด
J ความสามารถในการสร้างองค์ความรู้เองของนักศึกษา โดยการใช้เกมส์และคำถาม
J รูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษากลุ่มที่เรียนดีว่ามีรูปแบบอย่างไร
บทสรุปการวิจัยในชั้นเรียน
การที่อาจารย์ จะเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์มืออาชีพ หรือผู้ประกอบวิชาชีพครูซึ่งถือว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูงที่สำคัญของสังคมนั้น อาจารย์จำเป็นจะต้องมีการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆและงานในหน้าที่ของตนให้มีความก้าวหน้าอยู่เสมอ ทั้งปัจจัยในการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หรือคุณลักษณะของผู้เรียนหรือเรียกว่า ผลผลิตของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยที่อาจารย์จะต้องทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยอย่างเป็นระบบ ตามวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยอาศัยหลักวิชาการ คือ "การวิจัยในชั้นเรียน" เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนางานด้านการเรียนการสอน โดยเน้นสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการเข้าใจสภาพปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหา ตลอดจนนวัตกรรมในการพัฒนาการเรียนการสอนตามสภาพที่เป็นจริงในกระบวนการของการพัฒนางาน ซึ่งอาจารย์ผู้วิจัยสามารถเริ่มต้นที่การศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนของตน แล้วศึกษาค้นคว้าและแสวงหาวิธีการหรือเครื่องมือใหม่ ที่คิดว่าสามารถแก้ปัญหาได้หรือสร้าง "นวัตกรรม" การเรียนการสอน แล้วทดลองใช้นวัตกรรมนี้ หลังจากนั้นจึงศึกษาผลของการใช้นวัตกรรมว่าสามารถแก้ปัญหาด้านการเรียนการสอนได้จริงหรือไม่ แล้วเขียนรายงานการวิจัยออกมาเป็นรูปเล่ม โดยผลการทำวิจัยในชั้นเรียนจะทำให้เกิดการพัฒนาผู้เรียนและผู้สอน ตรงกับองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนตามที่คาดหวัง ที่สำคัญที่สุดคือ ตัวอาจารย์เองจะมีการทำงานในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ การวางแผนที่ดีของอาจารย์จะทำให้ได้เห็นภาพรวมของงานด้านการเรียนการสอนทั้งหมด เมื่ออาจารย์สามารถวางแผนงานได้ตรงตามหลักสูตร ตรงกับสภาพปัญหาปัจจุบัน การวางแผนนั้นจะเป็นแผนที่มีคุณค่าและมีความหมายสำหรับอาจารย์มาก ดังนั้น การเตรียมสื่อการเรียนการสอนและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการทำงานจะเป็นไปอย่างมีความหมาย การสอนของอาจารย์จะเป็นไปอย่างมีหลักการ มีเป้าหมาย สนุกสนานและมีชีวิตชีวา ซึ่งการวิจัยในชั้นเรียนนั้น จะเป็นแนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่จะนำอาจารย์นักวิจัยไปสู่อาจารย์มืออาชีพได้ต่อไป
มาทักทายอาจารย์ เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ แต่ยังไม่ได้พิมพ์เป็นหนังสือครับ ขอบคุณครับ..
http://gotoknow.org/blog/yahoo/128242
My Research (Full text)
http://gotoknow.org/blog/yahoo/73426
Research and essays
ความสำคัญของการวิจัยในชั้นเรียน
การทำวิจัยในชั้นเรียนนั้นจะช่วยให้ครูมีวิถีชีวิตของการทำงานครูอย่างเป็นระบบเห็นภาพของงานตลอดแนว มีการตัดสินใจที่มีคุณภาพเพราะจะมองเห็นทางเลือกต่างๆ ได้กว้างขวางและลึกซึ้งขึ้นแล้ว จะตัดสินใจเลือกทางเลือกต่างๆอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ ครูนักวิจัยจะมีโอกาสมากขึ้นในการคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเหตุผลของการปฏิบัติงานและครูจะสามารถบอกได้ว่างานการจัดการเรียนการสอนที่ปฏิบัติไปนั้นได้ผลหรือไม่เพราะอะไร นอกจากนี้ครูที่ใช้กระบวนการวิจัยในการพัฒนากระบวน
การเรียนการสอนนี้จะสามารถควบคุม กำกับ และพัฒนาการปฏิบัติงานของตนเองได้อย่างดี เพราะการทำงาน และผลของการทำงานนั้นล้วนมีความหมาย และคุณค่าสำหรับครูในการพัฒนานักเรียน ผลจากการทำวิจัยในชั้นเรียนจะช่วยให้ครูได้ตัวบ่งชี้ที่เป็นรูปธรรมของผลสำเร็จในการปฏิบัติงานของครูอันจะนำมาซึ่งความรู้ในงานและความปิติสุขในการปฏิบัติงานที่ถูกต้องของครู
เป็นที่คาดหวังว่า เมื่อครูผู้สอนได้ทำการวิจัยในชั้นเรียนควบคู่ไปกับการปฏิบัติงานสอนอย่างเหมาะสมแล้วจะก่อให้เกิดผลดีต่อวงการศึกษา และวิชาชีพครูอย่างน้อย 3 ประการ คือ
(1) นักเรียนจะมีการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
(2) วงวิชาการการศึกษาจะมีข้อความรู้และ/หรือนวตกรรมทาง การจัดการเรียนการสอนที่ เป็นจริงเกิดมากขึ้นอันจะเป็นประโยชน์ต่อครูและเพื่อนครูในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก และ
(3) วิถีชีวิตของครู หรือวัฒนธรรมในการทำงานของครู จะพัฒนาไปสู่ความเป็นครูมืออาชีพ (Professional Teacher)มากยิ่งขึ้นทั้งนี้เพราะครูนักวิจัยจะมีคุณสมบัติของการเป็นผู้แสวงหาความรู้หรือผู้เรียน (Learner) ในศาสตร์แห่งการสอนอย่างต่อเนื่องและมีชีวิตชีวา จนในที่สุดก็จะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจที่กว้างขวาง และลึกซึ้งในศาสตร์และศิลป์แห่งการสอนเป็นครูที่มีวิทยายุทธแกร่งกล้าในการสอนสามารถที่จะสอนนักเรียนให้พัฒนาก้าวหน้าในด้านต่างๆ ในหลายบริบทหรือที่เรียกว่าเป็นครูผู้รอบรู้ หรือครูปรมาจารย์ (Master Teacher)ซึ่งถ้ามีปริมาณครูนักวิจัย
ดังกล่าวมากขึ้นจะช่วยให้การพัฒนาวิชาชีพครูเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมั่นคง
ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่าการวิจัยในชั้นเรียนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาวิถีชีวิต ของครู เพื่อให้ครูพัฒนาไปสู่ความเป็นครูมืออาชีพในสังคมวิชาการของวิชาชีพครู