Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

พระศากยมุนีพุทธเจ้า : บทที่ 2 การเสด็จออกจากพระราชวัง


พระศากยมุนีพุทธเจ้า ตามคติของฝ่ายมหายาน (จึงไม่เหมือนฝ่ายเถรวาท) แปลมาจากหนังสือธรรมที่แจกเป็นธรรมทาน ได้มาจากประเทศสิงคโปร์

            เมื่อทรงพระชนมายุได้ 29 พรรษา  เจ้าชายสัทธัตถะผู้ทรงอยู่ในวัยหนุ่มแน่น  ทรงตัดสินพระทัยที่จะออกจากพระราชวัง  ขณะนั้นเป็นยามค่ำคืนหลังจากที่พระนางยโสธราได้ประสูติพระโอรสของพระองค์ พระนามว่า ราหุล เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระทัยที่หนักแน่นเยื้องย่างก้าวแรกเพื่อเสด็จหลีกออกจากพระชายาผู้ยังทรงอยู่ในวัยสาวและเป็นที่รักของพระองค์ พระโอรสของพระองค์ ราชบัลลังก์และราชอาณาจักรของพระองค์ เป็นการสลัดออกอย่างสมบูรณ์จากความหรูหราและความสะดวกสบายและการปล่อยตนอยู่ในความหลงและอวิชชา  นับเป็นก้าวย่างขั้นต้นสำหรับเจ้าชาย  แต่เป็นก้าวย่างอันยิ่งใหญ่เพื่อมนุษยชาติ  ดังเป็นที่ทราบกันโดยไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องจินตนาการ  เนื่องจากการก้าวย่างครั้งหนึ่งเช่นนั้นจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตที่ถูกกำหนดไว้ของมนุษยชาติ

              ประตูทางออกจากพระราชวังของพระองค์ มารผู้ซึ่งกำลังติดตามพระองค์อยู่  ได้ปรากฎต่อหน้าพระองค์เพื่อยั่วยวนชวนใจพระองค์ โดยกล่าวว่า สัทธัตถะ  กลับสู่พระราชวังเถิด  อีก 7 วันเท่านั้น  ราชรถอันวิเศษแห่งกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกจักปรากฏแก่ท่าน

            เจ้าชายสิทธัตถะตรัสตอบว่า มาร  ฉันทราบดี  แต่ฉันไม่ยินดีในสิ่งนั้น

            เมื่อเป็นอย่างนั้น  อะไร คือ จุดมุ่งหมายของการออกบวชของท่านล่ะ

            เพราะเหตุอย่างนั้น อาจทำให้เราได้บรรลุถึงการตรัสรู้ได้

            ดีล่ะ  นับจากนี้ไป  ถ้าท่านมีความคิดที่เต็มไปด้วยความทะยานอยากเช่นนี้  เราจะติดตามท่านไป

            นับจากวันนั้นมา  มารได้ติดตามเจ้าชายสิทธัตถะเป็นเวลาเกือบ  7 ปี  เฝ้ารอโอกาสซึ่งไม่เคยหวนมาสู่แนวทางของเขาเลย  จนกระทั่ง  เมื่อพระสิทธัตถะประทับนั่ง ณ ภายใต้ต้นโพธิ์  เพื่อแสวงหาการตรัสรู้ของพระองค์    มารได้นั่งลงตามวิถีทางของเขา  ท่วมท้นไปด้วยความทุกข์โทมนัสของเขา  6 ปี มาแล้วที่เขาได้ติดตามพระสิทธัตถะอย่างไม่ย่อหย่อน  และคอยหาโอกาสเหนี่ยวรั้งพระองค์ไว้ แต่โอกาสไม่เคยเข้าข้างเขาเลย  และตอนนี้การเหนี่ยวรั้งมันเกินกำลังของเขาเสียแล้ว

            มาร มีธิดา  3  ตน  ได้แก่  นางตัณหา  นางราคาและนางอรตี  พวกนางสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของผู้เป็นบิดา  จึงได้ถามว่า ท่านพ่อ เพราะเหตุใดท่านจึงดูเศร้าหมอง หมดหวังและหดหู่ใจด้วยเล่า ?  มารจึงได้บอกถึงสาเหตุแห่งความเศร้าหมองให้แก่ธิดามารทั้ง 3

            จากนั้นธิดามารทั้ง 3 ได้กล่าวว่า “ท่านพ่อ  ไม่ต้องกังวลใจไปเลย  พวกเราจะทำให้เขาตกอยู่ภายใต้อำนาจของพวกเรา  และนำเขามาให้ท่าน

            เมื่อเข้าไปใกล้พระสิทธัตถะ ธิดามารทั้ง 3 ได้กล่าวว่า พวกเราจักเป็นทาสรับใช้เบื้องบาทของท่าน

            พระสิทธัตถะไม่ทรงสนพระทัยข้อเสนอของธิดาเหล่านั้น  ทั้งไม่ทรงทอดพระเนตรมองพวกนางเลย

            ธิดามารทั้ง 3 จึงกล่าวกันเองว่า บุรุษทั้งหลายมีรสนิยมที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป บางพวกชอบเด็กสาว  บางพวกชอบหญิงวัยสาว  บวกพวกชอบหญิงสาววัยกลางคน  ยังมีอีก บางพวกชอบสาวแก่  พวกเราจะยั่วยวนพระสิทธัตถะโดยการแปลงรูปเป็นหญิงในลักษณะหลากหลายเช่นนั้น   ด้วยการใช้ความสามารถทางอิทธิฤทธิ์ของธิดามารเหล่านั้น  พวกนางได้แสดงตนเป็นหญิงสาวหลายรูปแบบจากแบบหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่ง  บ้างแต่งกายสวยงาม บ้างนุ่งน้อยห่มน้อย แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากพระสิทธัตถะได้ พระองค์ทรงอยู่ในสมาธิขั้นลึก พระทัยของพระองค์สงบเงียบดิ่งลึก

            ในที่สุด เมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรมายังพวกนาง  พระองค์ได้ตรัสกะพวกนางว่า จงดูในกระจกนี้ พวกเธอเห็นอะไรหรือ?

            เมื่อธิดามารทั้ง 3 มองดูที่กระจก  พวกเขาเห็นภาพแห่งสิ่งน่าเกลียด  อันเป็นลักษณะอันวิปลาสของพวกนางเอง ใบหน้าของพวกนางเป็นซากศพที่มีรอยยับย่น  ผมของพวกนางก็กลับกลายเป็นสีขาว ร่างกายซูบผม  โก่งงอและเป็นซากศพแห้งหนังหุ้มกระดูก  พวกนางกลับกลายมาเป็นผู้หวาดกลัวและส่งเสียงขอพึ่งพิงพระสิทธัตถะ  แทนที่จะมาครอบงำพระสิทธัตถะ  พวกนางกลับถูกทำให้สงบลงโดยพระองค์และเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงได้เปลี่ยนแปลงความตั้งใจเสียแล้ว

            อีกคัมภีร์หนึ่งในเรื่องการประสูติของพระราหุลที่ปรากฏในสัทธรรมปุณฑิกสูตร(มีความว่า)   เมื่อพระนางยโสธราทูลเจ้าชายว่า พระนางต้องการมีพระโอรสก่อนที่เจ้าชายจะเสด็จออกจากพระราชวังไป ภายหลังพระองค์ทรงชี้นิ้วมือของพระองค์ไปที่พระนางและพระนางก็ได้ทรงพระครรภ์  อย่างไรก็ตามทรงมีพระครรภ์เป็นระยะเวลาประมาณ  6 ปี   ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระราหุลกุมาร ครั้งหนึ่งในอดีตกาล ทรงเสวยพระชาติเป็นกสิกร สมัยหนึ่ง  เมื่อพระองค์กำลังทำสมาธิอยู่  หนูได้กัดแทะที่ต้นไม้  ทำให้เกิดเสียงรบกวนพระราหุล พระองค์จึงตัดสินพระทัยไล่มันไป หนูได้วิ่งหนีไปเข้ารูหนู  ฝ่ายพระราหุลได้ปิดทางเข้าทันที เพื่อป้องกันหนูหนีออกจากรูหนูนั้น พระองค์หลีกจากบริเวณรูหนูไปเป็นเวลา 6 วัน และทรงปฏิบัติสมาธิต่อ ในตอนท้าย เมื่อทรงบรรลุผลขั้นสูงของการปฏิบัติของพระองค์  ทันใดนั้น พระองค์จึงได้เสด็จไปนำสิ่งกีดขวางออกเพื่อเปิดรูหนู เพราะกรรมเช่นนั้น  พระราหุลจงอยู่ในครรภ์ของพระมารดาเป็นเวลา 6 ปี  ในที่สุด เมื่อพระนางยโสธราทรงให้การประสูติพระโอรส  ประชาชนสงสัยว่าพระนางทรงมีชู้  พวกเขาจึงต้องการเผาพระนางให้สิ้นพระชนม์เสีย  พระนางยโสธรา ตรัสว่า หากพระกุมารนี้เป็นพระโอรสของเจ้าชายโคตมะจริง ๆ ขอให้ไฟไม่ไหม้เรา แต่ถ้าไม่ใช่ขอให้ทั้งเราทั้งพระกุมารถูกไฟไหม้เถิด

            เมื่อพระมารดาและพระกุมารเข้าไปในกองไฟ  กองไฟกลับกลายเป็นดอกบัวและทั้งพระมารดาและพระกุมารจึงปลอดภัย พระโพธิสัตว์ทรงสถิตอยู่และปกป้องพระนางไว้

            ในตอนต้นแห่งการประทับอยู่ในป่าลึกของพระสิทธัตถะ พระองค์ทรงพยายามที่จะทดลองการปฏิบัติที่หลากหลาย ทรงสนพระทัยคำสอนของอาฬาระ  กาลันทะ (อาฬารดาบส) และอุททกะ รามบุตร (อุททกดาบส) อาจารย์ทั้งสองเป็นเจ้าลัทธิสอนสมาธิ  เจ้าชายหนุ่ม ทรงค้นหาด้วยความมุ่งหวังอย่างแรงกล้าว่า เจ้าลัทธิทั้งสองท่านนี้  จะชี้แนะช่องทางและสอนพระองค์เกี่ยวกับหนทางแห่งความหลุดพ้นได้  กระนั้น หาเป็นเช่นนั้นไม่ แม้ว่าเจ้าชายทรงปฏิบัติสมาธิตามเจ้าลัทธิจนกระทั่งการบรรลุฌานสมาธิขึ้นสูงสุดก็เป็นไปได้ แต่พระองค์ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงเป้าหมายของพระองค์คือ การตรัสรู้ได้  คำสอนของเจ้าลัทธิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจึงไม่เพียงพอที่จะทำให้เจ้าชายบรรลุความประสงค์ของพระองค์

            จากนั้น เจ้าชายทรงเสด็จออกจากเจ้าลัทธิทั้งสองและเสด็จดำเนินไปจนกระทั่งมาถึงตำบลอุรุเวลา ใกล้แม่น้ำเนรัญชราที่หมู่บ้านคยา สถานที่แห่งนี้เงียบสงบมาก  มีป่าไม้แน่นหนาและมีน้ำสะอาด  เป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดเพื่อความสงบของพระองค์  พระองค์ พร้อมทั้งผู้ติดตามทั้ง 5 ของพระองค์  ตัดสินพระทัยที่จะประทับอยู่ ณ สถานที่นี้  ปัญจวัคคีย์ (ผู้ติดตามพระองค์) ได้แก่  โกณทัญญะ, วัปปะ, ภัททิยะ, มหานามะและอชิตะ(อัสสชิ)

            ในขณะนั้น ชมพูทวีป มีคนจำนวนมากเชื่อผิด ๆ กันว่า  การตรัสรู้และความหลุดพ้นขั้นสุดท้ายสามารถบรรลุได้หากผ่านการทรมานตนเองและบำเพ็ญทุกกริยาอย่างยิ่งยวด ดังนั้น    ตำบลอุรุเวลา  เจ้าชายและปัญจวัคคีย์จึงได้เริ่มฝึกฝนตนเองด้วยการปฏิบัติทรมานตนตามลำดับขั้น พระองค์ทรงทำตนให้อดอยาก โดยการเสวยข้าวเพียงเมล็ดเดียวต่อวัน นุ่งห่มเศษผ้า นอนบนเสี้ยนหนาม ทั้งหมดนี้ ทรงค้นพบในภายหลังว่าไม่สามารถทำให้สมหวังพระองค์ได้  เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์  มันเป็นสิ่งไม่เป็นผลดีและก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยแก่เจ้าชายเพราะเป็นสิ่งเปล่าประโยชน์ในตัวมันเองด้วยความมุมานะโดยวิธีเช่นนี้ประมาณ 6 ปี พระองค์ทรงอยู่ใกล้กับความตาย แต่พระองค์ก็ยังไม่เข้าใกล้เป้าหมายของพระองค์

            เป็นที่แจ้งชัดถึงความผิดพลาดของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงพิจารณาว่า พระองค์ควรทดลองให้สงบอีกสักครั้งหนึ่ง การปฏิบัติสมาธิเมื่อครั้งพระองค์ทรงพระเยาว์อยู่ซึ่งทรงระลึกเห็นเมื่อพระองค์ทรงปฏิบัติสมาธิอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล(เถรวาทว่า ไม้หว้า)นั้น การกระทำอย่างนี้ได้ พระองค์จะต้องมีพระวรกายที่แข็งแรง  พระองค์จึงทรงละทิ้งแนวทางการทรมานพระวรกายอย่างเข้มงวดเสีย  และทรงหันมาเสวยพระกระยาหารตามปกติเพื่อฟื้นฟูกายภาพของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงปฏิบัติเช่นนี้  ปัญจวัคคีย์ได้หลีกไปจากพระองค์อย่างผิดหวัง พวกเขาเข้าใจว่า พระองค์ทรงละความพยายามและใช้ชีวิตอยู่เยี่ยงมนุษย์ธรรมดาเสียแล้ว

            เมื่อสภาพร่างกายของพระองค์ฟื้นฟูขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว เจ้าชายทรงเริ่มต้นความสงบของพระองค์โดยประทับนั่งคู้บัลลังก์(นั่งขัดสมาธิ) ในท่าดอกบัวบาน ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เป็นที่ทราบกันภายหลังว่าต้นโพธิ์ ณ ริ่มฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา หมู่บ้านคยา (ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในนาม พุทธคยา)  49 วัน จากนั้น ในวันที่ 8 แห่งเดือนทางจันทรคติที่ 12  เจ้าชายได้ทอดพระเนตรเห็นดาวตกสองดวง ทำให้พระองค์ทรงทอดถอนลมหายใจ 3 ครั้งและตรัสว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง, มันเป็นเช่นนั้นเอง, มันเป็นเช่นนั้นเอง,  สรรพสัตว์มีคุณธรรม  อุปนิสัยและปัญญาเป็นของเฉพาะตัวมาดังนั้น  มันเป็นความเห็นและความยึดถือที่ผิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำพวกเขาให้หลงทางและขัดขวางพวกเขาจากการเข้าถึงการตรัสรู้

            ในที่สุด  พระองค์ก็ได้ตรัสรู้  ทั้งหมดนี้ทรงบรรลุได้หลังจากการที่ทรงบำเพ็ญบารมีมาหลายกัปหลายกัลป์และการพัฒนาคุณสมบัติแห่งความกรุณา (การให้), ศีล, เนกขัมมะ, ปัญญา, วิริยะ, ขันติ, สัจจะ, สมาธิ,  อธิษฐาน, เมตตาและอุเบกขา

หมายเลขบันทึก: 183105เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2008 16:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 18:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อนุโมทนาสาธุ...

สุขสันต์วันวิสาขบูชาครับ

สวัสดี...วันวิสาขบูชา ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท