หน่อไม้ที่ได้ช่วยกันปลูกไว้ วันนี้เติบใหญ่สูงลิบลิ่วทีเดียว แถมยังแตกกอกระจายพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้
รู้สึกตื่นเต้นพอสมควรค่ะ สำหรับการเริ่มเขียนบล็อคแนววิชาการเป็นครั้งแรกในชีวิต สำหรับแรงจูงใจในการเขียนบล็อคนั้น มีหลายประการด้วยกัน แต่ประการหลักๆ เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องงาน เพราะดิฉันตั้งใจเอาไว้ว่า วันนี้ดิฉันจะนำรูปภาพของการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2549 มานำเสนอให้ท่านทั้งหลายได้ดู แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ประกอบกับอ่อนเทคโนโลยีอย่างแรง จึงทำให้ดิฉันลงรูปไม่สำเร็จ คงจะต้องเก็บไปเป็นการบ้านเพื่อทำให้สำเร็จให้ได้ และจะนำรูปมานำเสนอในเร็ววันนี้ค่ะ
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ อุตส่าห์ตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเข้ามาเขียนบทความเล็กๆ น้อย จึงขอนำบทความที่ดิฉันเคยเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อปีกลาย มาเล่าสู่กันฟังแทนละกันนะคะ
ในฐานะของผู้ประสานงานของหน่วยบริการเคลื่อนที่ฯ ทำให้ดิฉันได้ออกไปสัมผัสกับพื้นที่หลายๆ พื้นที่ด้วยกัน และแน่นอนค่ะ แต่ละพื้นที่ล้วนให้ประสบการณ์รวมไปถึงความประทับใจแตกต่างกันไป แต่มีอยู่พื้นที่หนึ่งที่ดิฉันประทับใจมาก จนอดนำมาเขียนถึงไม่ได้ ดิฉันกำลังพูดถึงพื้นที่ของตำบลหนองแม่แตง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชรค่ะ ซึ่งความประทับใจมีดังนี้
เสาร์และอาทิตย์ที่ 17-18 ธันวาคม 2549 ดิฉันได้มีโอกาสเดินทางไปทำกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัย ณ อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร ในระหว่างการทำกิจกรรมที่ค่อนข้างจะวุ่นวาย ดิฉันสังเกตเห็นอาคารไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง บริเวณด้านหน้าอาคารมีป้ายไม้ขนาดเขื่องปักไว้อย่างมั่นคง และเขียนจารึกไว้ว่า "อาคารธรรมศาสตร์อาสา" แม้ตัวหนังสือที่เขียนไว้จะเลือนลางแต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในระยะ 5 เมตร สภาพของอาคารน่าจะได้รับการบูรณะมาบ้างแล้ว สังเกตได้จากเสาคอนกรีตที่ถูกนำมาแทนที่เสาไม้เก่าๆ อันเดิม ประกอบกับผนังอาคารด้านนอกก็ได้รับการทาสีให้ดูใหม่ขึ้น ตัวอาคารไม่ใหญ่มากนัก และจะดูเล็กลงอย่างถนัดตาถ้าเทียบกับอาคารเรียนหลังใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นภายหลัง
เมื่อได้ลองสอบถามถึงประวัติความเป็นมาของโรงเรียนแห่งนี้ จึงทราบว่าเดิมทีหมู่บ้านหนองแม่แตง ยังไม่มีโรงเรียนให้เด็กๆ ภายในหมู่บ้านได้ศึกษาเล่าเรียน ทำให้เด็กที่ต้องการเรียนหนังสือต้องเดินทางไกลหลายกิโลเมตรเพื่อไปเรียนยังโรงเรียนของอีกหมู่บ้านหนึ่ง ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันก่อตั้งโรงเรียนเล็กๆขึ้นเอง แต่ด้วยงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้โรงเรียนไม่สามารถเป็นรูปเป็นร่างได้ หัวหน้าชุมชนจึงเขียนข้อความประกาศลงในหนังสือพิมพ์เพื่อขอความอนุเคราะห์จากผู้ที่มีจิตศรัทธาในการช่วยก่อสร้างโรงเรียน หลังจากการลงประกาศขอความช่วยเหลือไม่นาน ได้มีกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ติดต่อให้ความช่วยเหลือเข้ามา โดยอาสาจัดสร้างอาคารเรียนให้ และเดินทางมาดูสถานที่ก่อสร้างในเวลาต่อมา
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้...เป็นตอนที่ดิฉันประทับใจจริงๆ เพราะอาคารเรียนหลังแรกที่สามารถเปิดให้นักเรียนเข้ามาเรียนได้ เป็นเพราะความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านและนักศึกษาจริงๆ ชาวบ้านแต่ละครัวเรือนช่วยกันบริจาคสังกะสี ไม้กระดาน เสาเรือน-อาคาร โต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถเป็นประโยชน์ในการก่อสร้างได้
และแล้วอาคารเรียนอย่างง่ายๆ ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น และใช้เปิดสอนครั้งแรกในปี 2515 ณ ปัจจุบันได้ย่างเข้าสู่ปี 2549 ผ่านมาแล้ว 34 ปี แต่คนในหมู่บ้านก็ยังอนุรักษ์อาคารหลังนี้ไว้เป็นอย่างดีทีเดียว
เชื่อมั้ยคะว่าเวลาที่ดิฉันมองดูป้าย "ธรรมศาสตร์อาสา" ดิฉันได้รับรู้ถึงอะไรบางอย่าง
ดิฉันอยากบอกทุกๆ คนที่ร่วมแรงร่วมใจในการสร้างอาคารเรียนหลังแรกหลังนี้ว่า "หน่อไม้ที่ได้ช่วยกันปลูกไว้ วันนี้เติบใหญ่สูงลิบลิ่วทีเดียว แถมยังแตกกอกระจายพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้" และ "ขอบคุณสำหรับมิตรจิตมิตรใจที่ท่านได้หยิบยื่นให้กับชาวตำบลหนองแม่แตงในครั้งนั้นด้วยค่ะ"
สิ่งละอันพันละน้อยที่อาจจะไม่ได้มีค่าหรือความหมายสำหรับผู้คนในอีกสังคมหนึ่ง แต่มันอาจจะมีความหมายอย่างยิ่งยวดสำหรับผู้คนอีกสังคมหนึ่งก็เป็นได้...ขอเพียงคุณรู้จักการแบ่งปันบ้างเท่านั้นเอง