กระบวนการตัดสินใจ...เพื่อตนเอง


การตัดสินใจถูกแยกออกเป็นสองส่วน คือ โรงเรียน และตัวบุคลากรในโรงเรียน โดยการตัดสินใจไม่ผูกมัดซึ่งกันและกัน

"1 มกราคม 2550"

ถ้าถามว่าคือวันอะไร ทุกคนคงจะตอบว่า วันขึ้นปีใหม่

และหากถามต่อไปว่ารู้สึกอย่างไรกับวันนี้ ทุกคนก็คงจะมีความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย

แต่ถ้าถามตัวดิฉัน หรือครูที่โรงเรียน ว่าวันนี้คือวันอะไร ก็จะตอบว่าวันที่โรงเรียนได้โอนย้ายสังกัดจาก สพท. ไปยังเทศบาล และถ้าถามต่อว่า มีความรู้สึกอย่างไรต่อวันนี้ ทุกคนก็คงจะมีความรู้สึกเดี่ยวกัน คือ เป็นกังวล และหวั่นใจอย่างไรยากเกินบรรยาย

วันนี้ โรงเรียนถ่ายโรงเรียนเรียบร้อย เปลี่ยนพ่อใหม่เรียบร้อย สิ่งที่ถูกโอนตามไปด้วยกับโรงเรียน คือ ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง ครุภัณฑ์

แล้วครูล่ะ?

ยัง ยังหรอก เค้าปล่อยให้ครูได้ตัดสินใจต่อไปได้อีกสักระยะหนึ่ง

เมื่อระยะหนึ่งแห่งการตัดสินใจสิ้นสุดลงครูทุกคน ต้องตัดสินใจแล้วล่ะ

ทางเลือก ทางเลือกของครูอยู่ที่ไหน?

ทางเลืกของครู มีอยู่ 3 ทางเลือก

1. ถ้าอยากอยู่กับพ่อคนเดิม ลูกก็ต้องเปลี่ยนบ้านใหม่ "ย้าย"

2. ถ้าอยากอยู่กับบ้านเดิม ลูกก็ต้องเปลี่ยนพ่อใหม่ "ถ่ายโอน"

3. ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย อยากจะอยู่กับพ่อคนเดิม และบ้านหลังเดิม "ช่วยราชการ"

ช่วงเวลานี้ล่ะ ลำบากใจสุดๆ

โดยส่วนตัว เหมือนกับว่าจะเป็นคนที่โลเลมาก ตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้เลย ถ้าเลือกย้าย ก็เป็นโอกาสดีมากๆ ที่จะได้ย้ายไปอยู่กับโรงเรียนชื่อดัง ประจำจังหวัดทั้งหลาย ซึ่งโดยปกติแล้ว รอจนเกษียณก็อาจไม่มีโอกาส ดิฉันจบปริญญาตรีเอกเคมี โรเงรียนมัธยมต่างๆ ค่อนข้างจะอยากได้ มีโรงเรียนมาทาบทาม น่าสนใจมากๆๆ เพราะก่อนบรรจุก็อยากจะได้มีโอกาสได้เข้าได้สอนในโรงเรียนเหล่านั้นอยู่แล้วหนิ ......เก็บไว้ตัดสินใจ....... แต่ถ้าย้ายเราก็ต้องปรับตัวในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเพื่อน(ร่วมงาน)ใหม่ แต่ถ้าอยู่ที่เดิมข้อด้อยข้างต้นตัดไปได้เลย แต่โรงเรียนที่อยู่ปัจจุบัน เป็นโรงเรียนประถม ซึ่งยังไม่ได้ทำตามความฝันจากวิชาที่ร่ำเรียนมาอยางยากลำบาก สอนได้ตรงสุดก็เพียงแค่วิชาวิทยาศาสตร์ ด้วยความเป็นประถม บางครั้งยามฉุกเฉิน สังคมฯก็ต้องสอนได้ หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษก็ต้องสอนได้ พิจารณาจากเหตุผลแล้ว ประเด็นนี้ไม่ค่อยจะน่าสนใจเท่าที่ควร แต่เดี๋ยวก่อน! หากครูย้ายกันมากๆ ภาระงานในโรงเรียนเชิงบริหารหลายตำแหน่งก็จะว่างลง ใครล่ะ? ใครจะมาดูแล หัวหน้างานวิชาการเดิมท่านก็ย้าย ตัวดิฉันถูกวางตัวแทนในตำแหน่งนี้ หากไม่ย้าย ก็น่าสนใจเพราะเราจะได้ทดลองงานในอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีโอกาสบ่อยนักที่จะได้เข้าไปเรียนรู้ โดยเฉพาะประสบการณ์งานเพียงไม่ถึง 2 ปี กับคนที่อายุเพียง 25 ปี น่าสนใจอยู่เหมือนกัน.....เก็บไว้ตัดสินใจ...... รักพี่เสียดายน้องแบบนี้ ไม่ดีเลย ถ้างั้นเลือกทางที่ 3 ไปเลยก็น่าจะดีนะ ช่วยราชการไปก่อนประมาณ 5 ปี เพื่อเรียนรู้ทั้ง 2 ฝ่ายจากประสบการณ์ของคนอื่น แล้วค่อยตัดสินใจ

ในระยะแรกทางเลือกที่ 3 ดูจะเป็นทางเลือกที่สวยหรูที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไป สรรพสิ่งก็เปลี่ยนตาม กลายเป็นว่าเป็นทางเลือกที่แย่ที่สุด เป็นทางเลือกของคนที่ตัดสินใจไม่ได้ (แต่เหมาะกับคนที่ใกล้เกษียณและไม่อยากปรับตัว) ด้วยเหตุผลที่ว่าตัวทำงานอยู่อีกที่ แต่ผู้ประเมินขั้นอยู่อีกที่ พูดง่ายๆ ก็คือ ใครจะประเมินความดีความชอบให้คุณ?

ตอนนี้หลือเพียง 2 ทางเลือก ทุกคนรอบข้าง เชียร์ให้ย้าย! เพื่อไปทำในสิ่งที่เรียนมา ไปอยู่ในบ้านหลังโตๆ สอนนักเรียนชั้นโต ที่รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว แต่ตัวดิฉันรู้สึกหลงเสน่ห์เด็กเล็กซะแล้วซิ เค้าน่ารัก ใสๆ จริงใจ ไม่เสแสร้ง ปัญหาที่ต้องแก้ก็เป็นเพียงชกต่อย ลักขโมยเล็กๆน้อยๆ ไม่มีหรอกชู้สาว หรือเงินฝืดจนครูต้องตามไปแก้ไข นี่แสงว่าใจของดิฉันค่อนจะเอนเอียงไปทางเลือกถ่ายโอนแล้วซิ

ถ้าเป็นคุณ คุณจะเชื่อใคร ระหว่างคนรอบข้าง หรือตัวเอง!

ใบแจ้งความประสงค์ในแรก "ขอย้าย" แต่เมื่อถึงวินาทีสุดท้าย "ขอโอน" สิ้นสุดกันทีการตัดสินใจ

 

หมายเลขบันทึก: 182343เขียนเมื่อ 14 พฤษภาคม 2008 21:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท