อัมพฤกษ์-อัมพาต คือ โรคที่ผู้ป่วยมีอาการชา ไม่มีแรง หรือสูญเสียการใช้งานของอวัยวะ ส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น แขน ขาไม่มีแรง ชา หรือยกแขน ขาไม่ได้ ถ้าเป็นมากอาจเป็นทั้งแขนและขา อาจหมดสติ หรือถึงกับเสียชีวิตได้ในทันที ซึ่งสาเหตุของอัมพฤกษ์-อัมพาตมีหลายประการ ตั้งแต่โรคของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอาจมีการตีบ อุดตัน หรือเลือดออก เรียกว่า Stroke ซึ่งอาจจะเกิดจากโรคมะเร็ง หรือก้อนเนื้อที่ไม่ใช่มะเร็ง หรืออาจจะเป็นโรคของเซลล์ประสาทเองก็ได้ โรคหลอดเลือดสมองมักเป็นในวัยกลางคนจนถึงสูงอายุ ในสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ถึงปีละ 200,000 คน และจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ฉะนั้นโรคนี้จึงเป็นปัญหามากเนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุในโลกนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น สำหรับประเทศไทยในปี พ.ศ. 2548 มีผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ถึงร้อย 10.2 และคาดว่าใน พ.ศ. 2568 จะมีผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี ถึงร้อยละ 20 Stroke เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับที่ 3 ของโลก ในปี พ.ศ. 2545 มีผู้เสียชีวิตจาก Stroke ทั่วโลกถึง 5.5 ล้านคน เป็นหญิงถึง 3 ล้านคน ในประเทศไทยมีผู้เป็นโรคนี้ 150,000 คนต่อปี หรือ 1 คน ทุก 4 นาที ประมาณการว่าผู้ป่วยโรคนี้ 1 คน ใช้งบประมาณ 100,000 - 1,000,000 บาทต่อปี ในการดูแลรักษาจะเป็นยอดเงินถึงปีละ 15,000 ล้านบาท ในปัจจุบันประชาชนชาวไทยมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ถึง 18 ล้านคน ซึ่งน่าที่จะลดยอดลงได้ถึงร้อยละ 50 ซึ่งจะมีการรณรงค์ป้องกันโรค ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นปีพ.ศ. 2550 ซึ่งจะสามารถช่วยคนได้ 7.5 หมื่นคนต่อปี และจะเป็นการประหยัดเงินได้ถึง 7,500 ล้านบาทต่อปี
ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตมักจะมีอาการขึ้นมาทันทีทันใด คือพูดไม่ได้ หรือ แขน ขาไม่มีแรง ชา หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ ความผิดปกติอาจเป็นมากขึ้น หรือดีขึ้น ดังที่กล่าวแล้วข้างต้นว่าสาเหตุอาจเกิดจากการ ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ถ้าขาดเลือดเพียงไม่กี่วินาทีจนถึงหลายนาทีอาจทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์-อัมพาตได้ ถ้าเลือดสามารถไหลได้ตามปกติในระยะเวลาที่รวดเร็วผู้ป่วยอาจกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างครบถ้วน แต่ถ้าสมองขาดเลือดนานเกินไปเซลล์ของสมองอาจตายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ร่างกายจะไม่กลับคืนสู่สภาพเดิม ถ้าอาการมีนานกว่า 24 ชั่วโมง ถือได้ว่าเป็นโรคอัมพฤกษ์-อัมพาตแล้ว
ในปัจจุบันการรักษามีความก้าวหน้ามาก การฉีดยาละลายลิ่มเลือดสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้ ถ้าผู้ป่วยมาพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคดังกล่าว และมักจะรอให้อาการเป็นมากจึงมาพบแพทย์ ส่งผลให้การรักษาได้ผลไม่ดี
ด้วยปัญหาดังกล่าวข้างต้น สมาคมประสาทวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับองค์การบริหารส่วนขอนแก่น จึงเห็นสมควรที่จะจัดให้มีโครงการประชุมวิชาการตรวจสุขภาพพิเศษแก่ประชาชน และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน จังหวัดขอนแก่นขึ้น เพื่อให้มีความรู้ในการป้องกันโรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และเพื่อจะได้ตรวจวินิจฉัยโรคเป็นเบื้องต้น ซึ่งหากพบความผิดปกติ จะได้รีบรักษาให้หายขาดตั้งแต่เริ่มแรก
ไม่มีความเห็น