มีคำพูดหนึ่งซึ่งขงจื้อ กล่าวว่า “การเพาะปัญญามนุษย์นั้น ให้เริ่มต้นที่โคลงกลอน เพิ่มความสมบูรณ์ของชีวิตด้วยดนตรี สร้างความมั่นคงของชีวิตด้วยพิธีกรรม ” ซึ่งยังควรค่าแก่การจดจำนำมาเล่าสู่กันฟัง ดังเรื่องของพิธีกรรมทำให้มีความมั่นใจและสร้างชีวิตให้มีความมั่นคง ในการดำรงการอยุ่ จากการมาเรียนรู้ที่สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง ผมยังคงจำได้ในวันแรกของการเปิดหลักสูตรก็มีพิธีกรรมสักการะท้าวยะสังกะอสูร และการเดินทางออกจากที่ตั้งไปดูงานในภูมิภาคต่าง ๆ ก่อนออกเดินทางก็มีพิธีสักการะอีกทุกครั้งไป จึงเกิดความสงสัยว่าท่านท้าวยะสังกะอสูร มีความเป็นมาอย่างไรเหตุไฉนจึงได้เป็นสิ่งศักดิ๋สิทธิ์ ณ สถานที่แห่งนี้ไปได้
ค้นหาอยู่หนึ่งสัปดาห์ได้เอกสารที่ถ่ายมาเรื่องประวัติศาลพระภูมิ รวบรวมโดย พล.ร.ต. สรรเสริญ เทียนเพ็ง สรุปความได้ว่า เมื่อแรกย้ายวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรจากด้านหลังของกระทรวงกลาโหม มา ณ อาคารใหม่ ที่ถนนวิภาวดี-รังสิต เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๐๐ ยังไม่มีการตั้งศาลพระภูมิ ได้มีการนำปืนใหญ่สมัยโบราณมาตั้งไว้บริเวณประตูช่องทางเข้าออกแห่งละกระบอก ปืนดังกล่าวมีการลงเลขยันต์กำกับอยู่ ซึ่งชาว วปอ.ถือเป็นของขลังอย่างหนึ่ง
ต่อมาอีก ๓ ปี จึงได้มีการตั้งศาลพระภูมิขึ้น ระหว่างพิธีตั้งศาล เกิดปรากฏการณ์มีเสมือนพายุหมุนทำให้เกิดความเยือกเย็นขึ้นมา พร้มมีหมอกควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ จากนั้นพราหมณ์ผู้กระทำพิธีก็เกิดอาการเปลี่ยนไปเกิดอาการพูดจาเสียงดังพร้อมทั้งมีอารมณ์เกรี้ยวกราด และประกาศก้องว่า “ กูอยู่มาตั้งนานทำไมไม่สร้างบ้านให้กูอยู่ หยามใจกูนัก กูจะแช่งพวกมึง ไม่ให้อยู่เย็นเป็นสุข สร้างให้ทั้งทีก็คับแคบ เพราะกูเป็นยักษ์ “
ในช่วงสิบปีหลังจากนั้น ปรากฏการณ์ที่ม่ดีมีเกิดหลาย ๆ เหตุการณ์ เช่นการทะเลาะเบาะแว้งของเจ้าหน้าที่ จนถึงฆ่ากันตาย อุบัติเหตุร้ายแรงและไม่ร้ายแรง อัคคีภัย การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่และนักศึกษา วปอ. โดยไม่ถึงเวลาอันควรเป็นต้น ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเวลานั้น การเซ่นไหว้บูชา และการตั้งเครื่องสังเวย ก็กระทำอยู่มิได้ขาด ของที่นำมาถวายส่วนใหญ่มักจะเป็นสุรายาดอง และอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ ประเภทหัวหมู เป็ด ไก่ ไข่ต้ม ฯลฯ
ต่อมาเมื่อศาลพระภูมิเริ่มปรากฏความชำรุดทรุดโทรม พลโทอาจ ชาตินักรบ ผอ.วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรสมัยนั้น ได้ดำริให้เปลี่ยนศาลใหม่ให้ใหญ่โตโอ่โถงขึ้น ในการนี้ได้นิมนต์พระครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่มากระทำพิธีตั้งศาลใหม่แทนศาลเดิม ในเดือนตุลาคม ๒๕๒๔ พระครูฯได้แจ้งให้ทราบว่า “ท้าวยะสังกะอสูร” ซึ่งเป็นพระภูมิเจ้าที่สิงสถิตอยู่ ณ ศาลแห่งนี้ เป็นยักษ์ชั้นเทพไม่โปรดเครื่องสังเวยประเภทเครื่องดองของเมา ตลอดจนอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ทั้งหลาย หลังจากนั้น การบูชาจึงได้กระทำอย่างถูกต้องตลอดมาเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ ก็ไม่ปรากฏขึ้นอีก
เรื่องราวหลายเรื่อง ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ คนทำดูแล้วเกิดความสุข เกิดความมั่นคงก็ดำรงปฎิบัติสืบกันมา ถือได้ว่าสร้างความมั่นคงแก่ชีวิตด้วยพิธีกรรม