วันที่ ๕ มีนาคม ผมและภรรยานั่งแท็กซี่จากดอนเมืองกลับบ้านตอนประมาณ ๕ โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่พันธมิตรประชาธิปไตยกำลังชุมนุมขับไล่นายกทักษิณกันที่สนามหลวง โชเฟอร์บอกว่าฟังคำปราศรัยได้จากวิทยุชุมชน FM 92.25 กล่าวด้วยความน้อยใจว่า “สนธิเขาว่าพวกแทกซี่เป็นคนบ้านนอก ไม่มีความรู้” “ผมไม่กล้าไปแถวสนามหลวงหรอก เพื่อนแท็กซี่ของผมคนหนึ่งโดนพวกชุมนุมต่อต้านนายกทุบรถ เพาระติดโปสเตอร์เชียร์ทักษิณ”
ผม : คนที่ไม่ชอบทักษิณก็มีเหตุผลของเขา แต่ไม่ควรโกรธ หรือรังเกียจคนที่ชอบคุณทักษิณ คนเรามีสิทธิ์ที่จะมีความคิดของตัวเอง มีสิทธิ์ที่จะคิดไม่เหมือนคนอื่น
ทำไมคนขับรถแทกซี่จึงชอบทักษิณ
โชเฟอร์ : เพราะว่าส่วนใหญ่มาจากบ้านนอก และมีสายสัมพันธ์ผ่านมาทางหัวคะแนนพรรคไทยรักไทย
ผม : แทกซี่เชียร์ทักษิณทุกคันไหม
โชเฟอร์ : ประมาณ ๙๐%
ผม : ที่จริงทักษิณได้คะแนนเลือกตั้งสูงมาก เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้าทักษิณไม่พลาด น้องคิดว่านายกทักษิณพลาดตรงไหน
โชเฟอร์ : พลาดตรงที่รวยเร็วเกินไป เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองรวยแค่ ๖ พันล้าน ตอนนี้ขายหุ้นได้กว่า ๗ หมื่นล้าน และยังมีทรัพย์สมบัติอื่นอีก คงจะอีกเป็นแสนล้าน และคงจะทำให้มีคนอื่นรวยอีกเป็นแสนล้าน
ผม : ถ้าคุณทักษิณไม่เป็นนายก จะรวยขึ้นเร็วอย่างนี้ไหม
โชเฟอร์ : ผมว่าคงไม่รวยเร็วอย่างนี้นะครับ
ผม : ตกลงจุดพลาดของคุณทักษิณคือเมื่อเป็นนายกและได้เสียงสนับสนุนจากการเลือกตั้งมากก็เข้าไปทำหลายๆ อย่างให้ตัวเองและพวกพ้องได้ผลประโยชน์ทางธุรกิจใช่ไหม
โชเฟอร์ : นั่นแหละจุดพลาดของนายกทักษิณ
ที่จริงคำสนทนามีประโยคลูกเล็กๆ โต้ตอบกันไปมา แบบสุนทรียสนทนา แต่ผมจำรายละเอียดไม่ได้
ระหว่างคุยการเมืองกัน ภรรยาคอยสะกิดผมตลอดเวลา เพราะรู้ว่าโชเฟอร์เชียร์คุณทักษิณ เกรงว่าผมจะพูดแบบขวานผ่าซากว่า “มันขี้โกง” แต่ผมได้ฝึกการพูดคุยแบบสุนทรียสนทนา (Dialogue) มาแล้ว จึงทดลองเอามาทำแบบฝึกหัด ก็ได้ผลเกินคาด โชเฟอร์ดูจะภูมิใจมากที่ข้อสรุปทั้งหมดนั้นเขาเองเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ออกความเห็น ผมเป็นเพียงผู้ทำหน้าที่ “คุณอำนวย”
วิจารณ์ พานิช
๖ มีค. ๔๙
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich ใน KMI Thailand
การจัดการความรู้ที่น่าคิด