ผมหยุดไปนานครับ ไม่ได้ไปไหนหรอก แต่ผมไปเขียน "ปรัชญาจิตวิทยา" ครับ เมื่อลงมือเขียนก็ต้องต่อเนื่อง มิฉะนั้นจะไม่จบ บัดนี้เสร็จแล้วครับ ไม่ได้ไปพิมพ์ขายที่ไหนหรอก เพราะหนังสือแบบนี้ไมมีสำนักพิมพ์ใดเขารับพิมพ์ให้ ไม่เหมือนกับนิยายบางเรื่อง ผมคิดว่าจะเก็บไว้เอง นานๆก็หยิบมาอ่านครั้งหนึ่ง เหตุผลที่ต้องเขียนไว้ก็เห็นจะเป็นเพราะ ผมเกรงว่าความคิดที่อยู่ในหัวขณะนี้มันจะหายไปจากโลกโดยเปล่าประโยชน์ครับ เพราะว่า เซลล์สมองของเราตายไปทุกวัน ๆละมากๆด้วย เสียดายครับ เอาละเรากลับมาคุยถึงเรื่องต่อจากคราวก่อนครับ
อ้อ ผมอยากจะปรารภกับท่านผู้เข้ามาเยี่ยมผมในเว็บนี้อีกครั้งครับ เพราะหยุดมานาน ก็ต้องทบทวนกันหน่อยครับ คือ เรื่องในบล็อกทั้งหมดทุกบล็อกของผมในเว็บนี้ "ไม่ใช่" นำตำรามาเขียนนะครับ แต่ตำราเหล่านั้นทำให้ผมคิด คิดแล้วผมเห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง เมื่อไม่เห็นด้วย ผมก็คิดใหม่ของผม คิดแก้ไขของเก่าบ้าง คิดเพิ่มใหม่บ้าง และที่คิดใหม่หรือเพิ่มเติมเหล่านี้แหละครับ ที่ปรากฏในบล็อกเหล่านี้ ถ้าไม่บันทึกไว้ มันก็จะหายไปจากโลกนี้พร้อมกับการจากไปของผม ดังนั้น ผมจึงรับฟังข้อคิดเห็นของท่าน "ทุกท่าน"ครับ
ที่ผมได้จั่วหัวไว้ข้างบนนี้ว่า "Experiences" หรือ "ประสบการณ์" นั้น มันต่อเนื่องจากบันทึกครั้งที่แล้ว คือ "ส่วนที่นับจากการรู้สึกสัมผัสไปจนถึงการรับรู้" นั้น ผมเรียกว่า "ประสบการณ์" (ลองเปิดไปดูรูปในบันทึกครั้งก่อนหน้านี้ครับ) หรือแม้แต่ "การรู้สึกสัมผัส"ล้วนๆ ก็ถือเป็น "ประสบการณ์" เหมือนกันครับ
เรื่องนี้ถ้าท่านไปเปิดดู Dictionary of Psychology หรือ Dictionary of Social Science / of Science ที่ตีพิมพ์ ราวก่อนปี 1980 ท่านอาจจะพบว่า ไม่เป็นไปตามความหมายนี้ ทั้งนี้ก็เพราะว่า ผู้เขียนพจนานุกรมเหล่านั้นอาจจะยังไม่หลุดจากอิทธิพลทางความคิดของกลุ่มพฤติกรรมนิยมเดิมอยู่ เพราะกลุ่มดังกล่าวเขาปฏิเสธสิ่งที่เรียกว่า "จิต" ด้วยเหตุนี้เองครับที่ ผู้รู้ในสาขานั้นๆ เมื่อเขาเขียนหนังสือทางวิชาการ เขาจึงมักจะมี "Glossary" ไว้ที่ท้ายบทเสมอ เพื่อบันทึกคำนิยาม "คำใหม่ๆที่เขาคิดขึ้นเอง หรือ คำเก่าที่เขาไม่เห็นด้วยกับความหมายเดิม และเขาใช้ความหมายใหม่ของเขารวบรวมไว้ที่อภิธานศัพท์นี้"
สวัสดี คุณขจิต และ คุณ ครูปู
ขอบคุณครับ