สรุป
กว่า 40 ปี ที่ไทยและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมาโดยตลอด เริ่มจะก่อให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปเยือนประเทศสิงคโปร์ โดยก่อนหน้านี้ไทยได้ส่งหนังสือด่วนถึงรัฐบาลสิงคโปร์ว่า ไม่ให้รับรองอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย
ในนามรัฐบาลของสิงคโปร์ แต่ก็เพิกเฉยต่อคำร้องของรัฐบาลไทย แต่ก็ยังถือว่าเป็นขั้นตอนแรกของรัฐบาลไทยที่แสดงออกต่อสิงคโปร์ ซึ่งยังไม่รุนแรงนักและคงไม่มีความรุนแรงมากกว่านี้
จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ถ้าหากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งไทยและสิงคโปร์จะได้รับผลเสียเป็นจำนวนมหาศาล แต่ถ้าปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขให้ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีกันต่อไป ผลดีที่ทั้งไทยและสิงคโปร์จะได้รับต่อไปในอนาคต ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ดังนี้
ไทย : สิงคโปร์ลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ผ่านสำนักงานการลงทุน และผ่านสำนักงานพัฒนาธุรกิจ จำนวน 4 แสนล้านบาท จะไม่มีการเคลื่อนย้ายออกนอกประเทศ และแรงงานไทยกว่า 3 หมื่นคน จะไม่ได้รับมาตราการการกดดันจนตกงาน ตลอดจนการส่งออกสินค้าของไทยไปสิงคโปร์กว่า 3 แสนล้านบาท
สิงคโปร์ : นอกจากการลงทุนในไทยแล้ว สิงคโปร์ยังส่งออกสินค้าเข้ามาในไทยกว่า 3.7 แสนล้านบาท เท่ากับสิงคโปร์ยังมีผลบวกในการนำเข้าและส่งออกกว่า 7 หมื่นล้านบาท และทางด้านการทหาร สิงคโปร์ยังส่งทหารมาฝึก และได้เช่าสนามบินในเมืองไทย สิงคโปร์จึงยังไม่กล้าตัดความสัมพันธ์กับไทย
จากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับสิงคโปร์ เป็นการประท้วงเชิงมารยาทมากกว่า แต่ก็คงไม่มีผลทำให้การค้าการลงทุนสะดุดลง แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มทุนที่ยังไม่เข้ามาเมืองไทยนั้น ยังหยุดดูสถานการณ์ เพราะ 5 กลุ่มทุน ที่มีโปรแกรมจะเข้ามาลงทุนในไทยมีมติว่าจะไม่เข้ามาลงทุนในปีนี้แน่นอน ก็อยู่ที่ว่านายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช จะช่วยเร่งแก้ปัญหาความสัมพันธ์ไทยกับสิงคโปร์ให้ดีขึ้นได้เร็วแค่ไหน และถือว่าปัญหานี้เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ควรได้รับการแก้ไขให้เร็วที่สุด.
ไม่มีความเห็น