ในสมัยพุทธกาล มีแคว้นวัชชีเป็นแคว้นหนึ่งอยู่ในชมพูทวีป เป็นแคว้นที่ปกครองโดยคณะของกษัตริย์เรียกชื่อว่ากษัตริย์ลิจฉวี แคว้นวัชชีมีความเจริญรุ่งเรืองเพราะเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีปกครองอาณาประชาราษฎรโดยธรรม มีความสามัคคีเป็นที่ตั้งมีความเข้มแข็งจนเป็นที่ยำเกรงของแคว้นอื่นๆ ไม่มีใครกล้ามารุกราน
ธรรมที่กษัตริย์ลิจฉวียึดถือคืออปริหานิยธรรม คือธรรมอันเป็นเหตุแห่งความเจริญ อันได้แก่
ในสมัยเดียวกันนั้นมีแคว้นใหญ่อีกแคว้นหนึ่ง ชื่อแคว้นมคธเมืองหลวงคือนครราชคฤห์มีพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกษัตริย์นักรบที่เรืองอำนาจ วันหนึ่งพระองค์ทรงปรารภกับวัสสการพราหมณ์ถึงการขยายอาณาเขตเข้าไปให้ถึงแคว้นวัชชี
วัสสการพราหมณ์เป็นผู้มีความรู้ความสามารถฉลาดปราดเปรื่องรอบรู้ด้วยศิลปวิทยาทั้งหลาย ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อทราบคำปรารภจึงกราบทูลทัดทานว่ากษัตริย์ลิจฉวีมีความสามัคคีสูงยากที่จะทำลายได้ หากจะยึดครองให้ได้ต้องมีกลอุบาย แล้ววัสสการก็กราบทูลกลอุบายแก่พระเจ้าอชาตศัตรู
วันหนึ่งเมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูออกว่าราชการท่ามกลางหมู่เสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่พระองค์ได้ตรัสว่าจะยกทัพไปตีแคว้นวัชชี วัสสการก็เริ่มดำเนินตามกลอุบายโดยกราบทูลทัดทานว่ากษัตริย์ลิจฉวีมีความกล้าหาญ ไม่มีใครจะทำลายได้ การยกทัพไปปราบแคว้นวัชชี จะทำให้แคว้นมคธมีแต่ความพ่ายแพ้อับอายขายหน้าไปทั่วโลก
พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทรงฟังก็แสร้งพิโรธเป็นอันมาก จะให้ประหารชีวิตวัสสการ พราหมณ์ แต่ก็เห็นแก่ความดีที่เคยทำไว้จึงยอมลดโทษที่ดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพียงให้ลงพระอาญาเฆี่ยนตีอย่างแสนสาหัส แล้วโกนหัวประจาน และเนรเทศไปเสียจากแคว้นมคธ
วัสสการพราหมณ์ เมื่อถูกเนรเทศก็เดินทางรอนแรมไปจนถึงนครเวสาลีของแคว้นวัชชี ความทราบถึงพระกรรณบรรดากษัตริย์ลิจฉวีก็ได้มีการประชุมสภาเพื่อปรึกษาหารือกัน ว่าควรจะขับไล่ไปหรือจะเลี้ยงดูเอาไว้ กษัตริย์ลิจฉวีให้นำวัสสการ พราหมณ์มาเข้าเฝ้า ตรวจดูร่องรอยการถูกลงโทษเฆี่ยนดีและซักถาม ก็หลงเชื่อถ้อยคำของวัสสการที่ประชุมจึงมีมติให้เลี้ยงดูไว้ และให้ทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอนศิลปวิทยาแก่ราชกุมารของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี
วัสสการตั้งใจทำหน้าที่จนเป็นที่ไว้วางใจของกษัตริย์ลิจฉวี แล้วจึงเริ่มแผนการตามอุบายที่กำหนดไว้ คือการทำลายความสามัคคีของบรรดาเหล่ากษัตริย์ ด้วยการทำให้ระแวงสงสัยกันและกัน เริ่มด้วยการให้ราชกุมารบางองค์มาพบเป็นส่วนตัวแล้วแกล้งถามปัญหาธรรมดาๆ ที่รู้กันอยู่ เมื่อองค์อื่นรู้ซักถามว่าสนทนาอะไรกับวัสสการบ้าง แม้ราชกุมารจะตอบความจริงก็ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าเป็นความจริง ทำให้เกิดความระแวงสงสัย และในที่สุดก็เกิดความร้าวฉานในหมู่ราชกุมาร แล้วก็ลามไปถึงบรรดากษัตริย์ลิจฉวีผู้เป็นพระบิดา ทำให้ความสามัคคีเสื่อมทรามลงจนกระทั่งไม่ยอมเข้าร่วมประชุมสภา แม้ได้ยินเสียงกลองก็ไม่สนใจเข้าประชุม
เมื่อวัสสการสังเกตเห็นว่ากษัตริย์ลิจฉวีเกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ก็ลอบส่งข่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรูให้รีบยกทัพมาตีแคว้นวัชชี พระเจ้าอชาตศัตรูเข้ายึดนครเวสาลีได้โดยง่าย เพราะบรรดากษัตริย์ลิจฉวีเกี่ยงงอนกันไม่มีผู้ใดสนใจออกสู้รบ
บ้านใดเมืองใดไร้ซึ่งความสามัคคี ไม่ประชุมปรึกษากันเป็นนิจได้แต่อิจฉาริษยา เอารัดเอาเปรียบ เอาแต่ทะเลาเบาะแว้งกัน มุ่งเอาชนะคะคานกันเป็นใหญ่ บ้านนั้นเมืองนั้นอาจจะประสพความบรรลัยได้ไม่ว่าจะมีการปกครองที่เรียกว่าแบบประชาธิปไตยอย่างในปัจจุบันหรือเป็นการปกครองแบบราชาประชาธิปไตยในแคว้นวัชชีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีนั่นแล
แวะมาอ่านครับ