สมาชิกใหม่ KM


แนะนำเพื่อนใหม่ Gotoknow ของกรมส่งเสริมการเกษตร

   เมื่อวันที่  8 มีนาคม 2549  ได้ถ่ายทอดการใช้งานและการสมัครเข้าเป็นสมาชิกร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับทุก ๆ ท่าน 

   ซึ่งเป็นพี่ผู้หญิงและเป็นทีมงาน KM ของกรมส่งเสริมการเกษตรด้วย คือ

   "พี่จี้" (นันทา ติงสมบัติยุทธิ์)  ขอฝากทุก ๆ ท่านได้ติดตามอ่านผลงานของน้องใหม่ท่านนี้ไว้ กับวงการด้วยนะค่ะ

                                    ศิริวรรณ  หวังดี   รายงาน

                                         9 มีนาคม 2549

หมายเลขบันทึก: 18073เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2006 09:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ดีใจครับที่เห็น "คุณอำนวย"  ของกรมฯ  เปิด blog แล้ว

พอดีในวันที่ 17-18  เมษายนนี้  สคส. จะเชิญ  "คุณอำนวย" องค์กร  มาพูดคุยแลกเปลี่ยนเทคนิคการทำงาน  โดยแต่ละที่จะเล่าว่าตัวเองทำงานอย่างไรในการสร้างให้เกิดวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในองค์กรได้สำเร็จ

พี่ธุวนันท์แนะนำผมว่า  คุณศิริวรรณ  เป็นคนหนึ่งที่เล่นบทบาทนี้อยู่ในกองกลางเป็น "คุณอำนวย" ในระดับกรมฯ 

จึงอยากจะขอเชิญชวนคุณศิริวรรณ  สมัครเข้าเป็นสมาชิกชุมชน   kmfaci.gotoknow.org   เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเทคนิคการทำงานกันครับ

และอยากจะขอรบกวนคุณศิริวรรณเล่านิดหนึ่งนะครับ  ว่าเส้นทางการอำนวยกระบวนการ  จนกระทั้งเกิดวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในงานของกรมส่งเสริมการเกษตรนั้น  เป็นไป  เป็นมาอย่างไรบ้าง  ต้องทำอะไรบ้าง  ทำกิจกรรมอะไรบ้าง  ทำอย่างไร  และคนตอบสนองอย่างไรบ้าง    ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ  "คุณอำนวย"  ที่กำลังมองเทคนิคบางอย่างอยู่นะครับ

รออ่านอยู่นะครับ

  จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้การเป็น "ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ หรือ Facilitator" ที่ได้ฝึกปฏิบัติและเรียนรู้มานั้น ได้ใช้ระยะเวลา ประมาณ 10 ปี ตั้งแต่เริ่มรับราชการซึ่งเป็นความบังเอิญที่ได้พบปะและเจอกับผู้บังคับบัญชาที่เปิดโอกาส  แต่ปัญหาอุปสรรคในการทำงานมีมากมาย  งานที่ทำก็ล้มลุกคลุกคลาน ดังนั้น การตัดสินใจจึงอยู่ที่ ได้ถามตนเองว่า ....

     1. "ตกลงแล้ว เราอยากทำงานหรือไม่"

     2. "ตกลงแล้ว เราอยากเรียนรู้และพัฒนาตนเองหรือไม่"

  และมีอีกหลายคำถามที่ถามตนเองและตอบตนเอง  จนมีวันหนึ่งได้ลงไปทำงานในพื้นที่เกี่ยวกับ "PAP" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้  และความไม่หยุดนิ่งต่อการเรียนรู้เพื่องานและเพื่อเพื่อนที่พวกเขาเหล่านั้นกำลังทำงานส่งเสริมฯกันอยู่ตลอดเวลาในพื้นที่ภาคสนาม

  ซึ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ คือ

     1) งานที่เราทำทำให้เราเกิดการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่เรามีนั้นมาจากการทำงาน

     2) ได้เพื่อนหลายกลุ่มและหลายระดับเพราะ "เป็นคนไม่ค่อยพูด แต่จะดูกันที่การปฏิบัติ"  และกลุ่มเพื่อนต่างเป็นกำลังใจให้กันและกัน

     3)  การเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง เพราะมีความเชื่อว่า "องค์การจะอยู่ได้ในยุคปัจจุบันนั้น  ต้องมีลักษณะเป็นองค์การในรูปแบบของ TO 

     4)  ภารกิจของหน้าที่คืออยู่กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีการฝึกอบรม ดังนั้น เราจะต้องตื่นตัว และทำงานเชิงรุกให้เป็น

     5) เราทำงานโดยไม่หวังผลประโยชน์และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร  แต่เราทำเพื่อสังคมและส่วนรวม

  ดังนั้น งานที่ทำเช่นนี้ จึงเป็นการ "ปิดทองหลังพระ" ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

  ส่วนกิจกรรมที่ทำ คือ

     1)  การสนับสนุนและพัฒนาเจ้าหน้าที่ภาคคสนามให้เป็น "นักส่งเสริมมืออาชีพ" 

     2)  การปรับเปลี่ยนบทบาทนักส่งเสริมเป็น "ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Facilitator)

     3) การพัฒนาเจ้าหน้าที่โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม หรือ PAR เพราะ "เป็นกระบวนการสร้างการเรียนรู้"

  ยังมีรายละเอียดอีกเยอะ  ถ้าสนใจให้เข้าไปอ่านในบทความเรื่อง "ฅนสอนฅน ฅนสร้างฅน" ซึ่งอยู่ใน Web ของจังหวัด    กำแพงเเพชร  ที่เป็นประเด็น "บทความย้อนหลัง"

  ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนนะค่ะ

ไพโรจนฺ ลิ้มจำรูญ
บทบาทของนักส่งเสริม จะต้องเป็นนักวิฃาการ นักบริหาร และนักปฎิบัตื ในคนเดียวกันให้ได้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท