ผมมาทำงานที่ภาคใต้นานแล้ว คิดถึงบ้านมาก
เลยพร่ำเป็น"ค่าวฮ่ำกำเมือง"
(ความหมายของคำว่า " ค่าวฮ่ำกำเมือง " คือ
บทกลอนของชาวล้านนา........................................................................
คำว่า " ร่ำเปิง "แปลว่า " คิดถึง "
คำว่า " เถิง "แปลว่า " ถึง "
คำว่า " หอใจ๋ " แปลว่า " บ้าน "หรือ"
เรือนนอน "
ดังนั้น " ร่ำเปิงเถิงหอใจ๋ " ก็คือ "
คิดถึงบ้าน " นั่นเองครับ...
ห่างหายก๋ายไก๋..บ่ใจ้บ่ฮัก
อยากไปตายตั๊ก..ปะปี้นายน้อง
(ห่างหายกายไกล..ไม่ใช่ไม่รัก
อยากไปทายทัก..พบญาติพี่น้อง)
วิกฤตจีวา..จ๊ะต๋าขีดข้อง
จึ่งมายะเวียก..เมืองใต้
(วิกฤตชีวา..ชะตาขัดข้อง
จึงมาทำงาน..เมืองใต้)
บ่กิ๊ดหลีกลี้..แต่มีเหตุไห้
หื้อข้าต้องล่อง..จรลี
(ไม่คิดหลีกลี้..แต่มีเหตุให้
ให้ข้าต้องล่อง..จรลี)
มาอยู่เมืองไก๋..ได้สามขวบปี
วิถีครัวเรือน..เหมือนบ้านแห่งข้า
(มาอยู่เมืองไกล..ได้สามขวบปี
วิถีครัวเรือน..เหมือนบ้านแห่งข้า)
ผ่อไปตางไหน..ประชาไพร่ฟ้า
หมู่มวลไทย..จ้าดเจื๊อ
(ดูไปทางไหน..ประชาไพร่ฟ้า
หมู่มวลไทย..ชาติเชื้อ)
บ่มเฝ้าติดต๋าม..บ่ได้รั้งเรื้อ
ข่าวคราวเผ่าล้าน..นาไทย
(ยังเฝ้าติดตาม..ไม่ได้รั้งเรื้อ
ข่าวคราวชาวล้าน..นาไทย)
จิตอนุรักษ์..เถิงมาอยู่ไก๋
ป๋าเวณีใด..เต๋มใจ๋ข้าหนี้
จิตอนุรักษ์..ถึงมาอยู่ไกล
ประเพณีใด...อยู่ในใจข้านี้)
คนเฒ่าสอนกึ๊ด..ขีดแป๋งแจ๋งจี๊
น้อมฮับนำมา..เสี้ยงเนื้อ
(ผู้เฒ่าสอนคิด..ขีดเส้นบ่งชี้
น้อมรับนำมา..หมดเนื้อ)
เจื๊อในลูกหลาน..สานต่อก่อเกื้อ
กู๊คนเมืองเหนือ..เมินนาน
(เชื่อในลูกหลาน..สานต่อก่อเกื้อ
คู่คนเมืองเหนือ..เนิ่นนาน)
ข้าขอจารึก..ไปสุดเจ้นก๋าน
ไหว้สากราบกราน..เหนือตกออกใต้
(ข้าขอจารึก..ตลอดสังขาร
นบไหว้กราบกราน..เหนือตกออกใต้
น้ำต๋าหลั่งริน..กวีขี้ไห้
คงมีวันได้..คืนเฮือน
(น้ำตาหลั่งริน..กวีหวลไห้
คงมีวันได้..คืนเรือน)
เอาตัวอย่างค่าวมาฝาก แกะเอาฉันทลักษ์สัมผัสตามนี้ได้
ฅ่าว ๔ บท (ฅ่าวร่ำนางชม) . ...
พี่น้องผิดกันเหมือนพร้าฟันน้ำ อย่ากำผูกหมั้นทือเวร
เปอะเปิกนั้นน้ำหากพาเป็น เอาน้ำใสเย็นซ่วยเปอะจิ่งเสี้ยง
พี่น้องผิดกันเหมือนเหล็กขี้เหมี้ยง เต็มฝนแล้วหากทึงมี
เจ้าน้องรักจุ่งอดขันตี หื้อแปงใจดีเหมือนน้ำทังห้า
ร้ายเสียออนช่างดีปางหล้า ก็หุมมีมาป่าล้า
อย่าถือไผดีอย่าทือไผช้า ช่างเป็นเมฆฝ้าพามัว
ค่อยอยู่ตามน้ำทำไปตามตัว น้ำเพียงใดดอกบัวเพียงอั้น
จิ่งจักสมและชมคู่ฝั้น เชื้อนั้นหากสมควร...
ฅ่าว ๔ บท เป็นบทกวีที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั่วไปของชาวล้านนา แต่งโดย หนานพรหมินทร์ หรือ พญาพรหมโวหาร ( กวีล้านนา พ.ศ. ๒๓๔๕ - ๒๔๓๐) รูปแบบเนื้อหามีลักษณะเป็นฅ่าวใช้หรือจดหมายรัก แต่งที่แขวงลับแลง เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อส่งเถิง นางศรีชม เมียรักที่ลักหนีพลิกไปอยู่เมืองแพร่ โดยไม่ได้ร่ำลาบอกกล่าว ขณะที่พญาพรหมกับเสี่ยวชื่อกาวิไชยเทียวทางไปทวงหนี้ที่แขวงท่าเสา เนื้อหารำพันถึงความรักที่มีต่อศรีชม และตัดพ้อต่อว่าที่ถูกทุมทอด
บทที่ ๑ รอมถนัด สะอัดโศกร้อน หนักหน่องข้อน สะท้อนอกอิด ค่อยฟังเทอะน้อง ที่ข้องใจติด จักบิดเอาดวง คะพวงมาส้อม หลอนวาตาเสย ลมเชยลวาดต้อม หอมดวงบานซว่านรส
บุปผาเผย บ่เหยเหือดงด หอมอ่อนอ้วน ควรดม จาเปรียบเค้า สำเนากลอนกลม ผสมแทกเทียม เรียมริร่ำสร้าง ค่อยฟังเทอะนาย แม่ลายปักกว้าง ชาติบางตะพาน แต่เชื้อ บ่ถ้ามีเกลือ หินส้มย้อมเนื้อ สีหากเข้ม แดงงาม บ่เปลืองมาดเช็ด ดินไฟหมากขาม สีหากทึงงาม แต่ยามอยู่เบ้า หลอนนายบ่จา เชิญฟังเทอะเจ้า ยังกลอนส่ำเนา เรื่องทุกข์ ลุนหลังนาย พี่เมาหัวซุก ปานเพศบ้า เมาวิน เข้าและน้ำ ลางฅาบลืมกิน ย่ำเทียวดิน หวิดหวาวลุ่มใต้ ทรงตนตัว อยู่พอบ่ได้ เหมือนหางทุงไชย ช่อช้าง ปักแขวนสูง พยุงยกค้าง กลางเป่งกว้าง ทอลม แสนเยื่องทุกข์ หนีบแหน้นแถมถม คันคึดไคว่ชม พรหมมีแต่ไห้ จับหล้างวัน เยียะเหมือนจักไข้ หนาวเย็นใน นอกร้อน เคยได้อยู่กิน ยินดีเซื้อมซ้อน แฝงใฝ่อ้อมพิงพาว เพื่อนเมารักชู้ เมาบ่าวเมาสาว ตามเนื่องแนวนาว เคยแฝงใฝ่เฝ้า หล้างพร่องเขา เมายาฝิ่นเหล้า พี่นี้เท่า เมาลม คันคึดรอดน้อง แม่ปล้องแขนกลม พี่เมาลม งุ่มงว้าดั่งบ้า ฟู่จาสัง พอลืมหลังหน้า ครอบครัวลืม ละไว้