การสนทนาในครั้งนี้ยังมีการพูดคุยลงลึกในรายละเอียดของเรต P หรือ Promotion โดยมีรายละเอียดในเรื่องต่างๆ อาทิ
¶ การส่งเสริมภาพยนตร์ในเรื่องที่รัฐมีนโยบายจะส่งเสริม (ในแง่ตามใจรัฐ)
¶ ถ้าเกณฑ์การโปรโมต เน้นดูที่เนื้อหา ภาพยนตร์ทุกเรื่องก็ควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกัน
¶ ภาพยนตร์สั้นควรได้รับการส่งเสริมอย่างไร ซึ่งควรให้คำนิยามออกมาให้ชัดเจนว่า วิธีการที่จะส่งเสริมฯ กับ รูปแบบในการส่งเสริม ต้องเป็นอย่างไรหรือควรเป็นอย่างไร
¶ ความเป็นห่วงต่อหนังสั้นหรือหนังอินดี้ที่จะไม่มีที่ฉาย คือฉายที่อื่นก็จะถูกใช้เกณฑ์แบบเดียวกับเกณฑ์การฉายในโรงภาพยนตร์ เช่น ฉายในห้องประชุม / ฉายในสถานศึกษา ฯลฯ หนังสั้นที่จะฉายก็ต้องได้รับการพิจารณาการจัดเรตด้วย ประเด็นนี้จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
¶ ระบบการส่งเสริมมักจะไม่ได้มาพร้อมกับ “ระบบการสร้างเกณฑ์” เพื่อมารองรับ จึงทำให้เกิดปัญหาในหลายส่วน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย การตั้งกรอบของเรต P จึงควรส่งเสริมให้มีความหลากหลาย
(โดยในที่นี้อ.อิทธิพลเสนอว่า ควรให้เรต P นี้มีในทุกระดับช่วงอายุ อันหมายความว่า ในเรต PG (ดูได้ทุกวัย) ก็ต้องมีการพิจารณาว่าในหมวด PG นี้จะมีเรื่องใดที่ได้เรต P ด้วย คือ ทำให้เรต P กลายเป็นเหมือนติดดาวให้กับหนังในการจัดระดับของช่วงนั้นๆ แทนที่จะแยกเรต P ออกมาต่างหาก – ดังแบบที่ ๒)
¶ กระบวนการเชิงปฎิบัติ พี่เจ้ยเสนอว่า การส่งหนังเพื่อตรวจพิจารณาจัดระดับความเหมาะสมฯควรจะอนุญาตให้ส่งเป็น DVD เนื่องจากการส่งเป็นต้นฉบับฟิล์ม เมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ผู้ผลิตจะเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงมาก และสิ้นเปลือง เพื่อความยืดหยุ่นจึงควรอนุญาตให้เสนอเป็นฉบับดิจิตอลคุณภาพสูงแทน
¶ สัดส่วนกรรมการ ควรให้มีการสุ่มเลือกกรรมการในระดับภาคประชาชน ให้มีความหลากหลายทั้งทางประชากรศาสตร์และความหลากหลายทางอายุ ที่สำคัญควรแจกไกด์บุ๊คประกอบการพิจารณา เพื่อที่จะได้ไปในทิศทางเดียวกัน อยู่บนหลักเหตุผลไม่ใช่ความ “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” ส่วนบุคคล
หากคณะกรรมการฯยังใช้วิธีการสั่งตัดหนังในลักษณะเดิมๆ เท่ากับเป็นการโปรโมตหนังให้ถูกละเมิดลิขสิทธิ์มากขึ้น (คือคนดูก็จะไปหาซื้อแผ่นเถื่อนที่ไม่ถูกเซ็นเซอร์แทน)
¶ เรื่องของค่าใช้จ่ายในการส่งตรวจพิจารณาฯ ควรมีการกำหนดไม่สูงมาก เนื่องจากจะตัดโอกาสผู้ที่มีทุนทรัพย์ต่ำ (เช่น ผู้ผลิตหนังสั้น) ทำให้ขาดโอกาสในการฉายได้
นอกจากนี้ยังมีข้อคิดด้วยว่า ตรรกะของหนังจะใช้หลักการสร้างความดีไม่ได้ (คือ สร้างแต่หนังที่ดีๆ ใสๆ ไร้พิษภัย) แต่ตรรกะของหนังต้องสร้างให้เกิดความหลากหลายและก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง จึงจะเกิดปัญญาแก่ผู้ชมได้มากกว่าการสร้างแต่หนังดีๆ ที่ไร้พิษภัย
เกร็ดขำ-ขำ : ในขณะที่ตอนได้คุยกับพี่ก้อง พี่ก้องจะเรียกเรต Promotion (ตามมาตรา ๒๖ (๑)) ว่า เรต P แต่พอมาถึงวงสนทนากลุ่มนี้ พี่ๆ จะเรียกกันว่า เป็นเรต Propaganda
แนทคะ
ชอบชื่อบันทึกล่ะ เมื่อแสงศตวรรษสาดกระทบเรตติ้งภาพยนตร์
จองอ่านเป็นคนแรกอีกตามเคย (ใครจะแย่งอ่านกันล่ะนี่)
เดี๋ยวอ่านละเอียดๆ จบแล้วจะมาใหม่ค่ะ :)
อ่านจบแล้ว อยากบอกเหมือนที่คอมเม้นไว้ในตอนที่หนึ่งว่า
อยากให้กฎหมายและศิลปะไปควบคู่กัน
ไม่อยากให้กฎหมายเอาแต่ปกป้องคุ้มครองโดยปิดกั้นการสร้างสรรค์
ไม่งั้นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยก็จะไม่ก้าวไกลแน่นอน
ด้วยความเป็นห่วงค่ะ
เห็นด้วยอย่างที่สุดค่ะ
ตอบแฟนคลับประโยคเดียว
คิดคำตอบนานข้ามคืนเลยนะ
มีแซวด้วย ...กะลังสรุปงานอยู่นี่นา