จากที่พักของผมมองออกไปนอกหน้าต่างทางทิศตะวันออก
จะเห็นอาคารสวยงามหลังหนึ่งเด่นตระหง่าน
นั่นเป็นโรงแรมระดับสี่ดาวที่ไม่รับลูกค้าที่ต้องการพักประจำ
เพราะรับลูกค้าจรรายวันนั้นได้รายได้มากกว่า..
ก็เป็นอุดมการณ์ธุรกิจ
แดงๆที่เห็นนั่นคือดินที่ถมลงไปในหนองน้ำเดิมซึ่งนักธุรกิจลงทุนถมเพื่อขึ้นโครงการต่างๆในอนาคต
หนองน้ำก็เหลือเพียงเท่าที่เห็นมีวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด
ทุกเย็นที่เลิกจากงานผมจะมาเปิดหน้าต่างมองดู เพราะมันมีสภาพชนบท
เห็นต้นไม้ตาย เห็นหนองน้ำ เห็นหญ้าเขียวๆ ....
บางวันผมเห็น ชาวบ้านปล่อยควายสี่ห้าตัว
มากินหญ้าตรงนั้น อย่างสบายอารมณ์ไม่มีฝูงควายอื่นๆมาแย่ง
พ่อแม่ควายเดินเล็มหญ้า
ลูกควายหนุ่มกำลังคะนองก็เล่นโคลนที่ปลักนั่น
เขากลิ้งไปมาให้โคลนเปียกเปื้อนทั้งตัว
แล้วก็ลุกไปเล่นกับพี่น้องของเขาอีกปลักหนึ่ง เนื้อตัวมอมแมมไปหมด
แล้วก็ไปเล็มหญ้าข้างๆพ่อแม่เขา
ไม่เคยเห็นเขามาลงหนองน้ำใหญ่เลย พ่อแม่เขาดูจะสูงอายุพอสมควร
หญ้าที่เขียวเพราะได้ฝนและน้ำจากหนอง
น่าจะทำให้เจ้าของครอบครัวควายฝูงนี้
พอใจที่จะเอามาเลี้ยงที่นี่ตลอดไป
เย็นวันหนึ่งผมมาเปิดหน้าต่างดูพื้นที่ตรงนี้ตามปกติ
ผมเห็นชายใส่เสื้อเหลืองนั่งตกเบ็ดอยู่ เขานั่งอยู่นาน
ไม่ได้ปลาสักตัว
ผมนึกว่า เขาเอาไปกินหรือเอาไปขาย และปลาแถบนี้ไม่น่าจะเอาไปกินเลย
เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำโสโครกของบ้านคน ตลาดเช้า โรงแรม ฯ..
มันเป็นแหล่งสะสมของเสียจากการวิถีชีวิตของคนเมือง
แต่ที่ไหนๆก็มีภาพเหล่านี้
เหมือนที่ผมเคยเห็นที่หนองน้ำใหญ่ขอนแก่น
นานเกินไปแล้ว ไม่ได้ปลาสักตัว
ชายเสื้อเหลืองก็ขึ้นมาบนดินถมนั่น เขาล้มลงครั้งหนึ่งผมจึงรู้ว่า
ชายเสื้อเหลืองนี้มีขาพิการ
เมื่อคลานขึ้นมาได้เขาก็ถีบจักยานจากไป
เย็นอีกวันหนึ่ง
ผมเห็นกลุ่มคนสามสี่คนมาตกปลา
โดยใช้คันเบ็ดสมัยใหม่ที่เป็นที่นิยมกันมากกว่าคันเบ็ดแบบดั้งเดิมที่ทำจากไม้ไผ่
วันนี้ดูคึกคัก หนาตา มีเด็กๆมานั่งดู
มีคนอื่นๆเดินมาดูด้วย
สักพักหนึ่งชายคนนุ่งกางเกงขาสั้นสีขี้ม้าก็ได้ปลาใหญ่ตัวหนึ่ง
น่าจะเป็นปลาช่อน (แต่คงไม่ใช่ปลาดูด อย่างที่ พบในบ่อของ อ.ขจิต
อิอิ)
คนกลุ่มนั้นท่าทางดีใจกัน และเห็นเพื่อนได้ปลาก็คงจะหวังว่า
เราคงได้บ้าง....
อีกเย็นวันหนึ่ง
ผมแปลกใจที่มีเรือเข้ามาพายในหนองน้ำแคบๆแห่งนี้
น่าจะเป็นตากับหลานอะไรทำนองนี้ เขากำลังลงตาข่ายดักปลาอยู่
หลานนั่งหัวเรือ
คอยประคองหัวเรือให้อยู่ในทิศทางที่ตาต้องการ
ตาคอยเอาข่ายลงน้ำแล้วจัดตาข่ายให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะ
แล้วค่อยๆขยับเรือไปข้างหน้าตามที่ตาต้องการ
ผมเห็นควายตัวหนึ่งยืนมองตาหลายคู่นี้อยู่
ผมไม่รู้ว่าควายมันคิดอะไร
หรือไม่ได้คิดอะไร...อิอิ..
แต่ผมคิดว่า
นี่คือวิถีชนบทในเมืองมุกดาหาร
กลางเมืองมุกดาหาร
เมืองที่เพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่มสาว
เพียงแค่ยี่สิบกว่าปี
สภาพชนบทในเมืองยังมีให้เห็น
อีกไม่นานภาพเหล่านี้จะค่อยๆหลบลี้ไปอยู่ในชนบทจริงๆ
หนองน้ำส่วนนี้ก็คงจะถูกกลุ่มทุน
เอาเงินมาถมให้เต็มเพื่อธุรกิจตัวใหม่ๆที่เขาเล็งเห็นรายได้
ก็เป็นเรื่องปกติของการพัฒนาของสังคม
ที่นักลงทุนจ้องมองว่าจะลงทุนอะไรดีสำหรับเมืองที่มีโอกาสในการขยายตัวสูงเช่นมุกดาหารเช่นนี้
ผมไม่รู้ว่าเขาคิดถึงคนท้องถิ่นนี้ในมุมมองแบบไหน
ผมไม่รู้ว่าเขาคิดถึงการประหยัดพลังงานในการลงทุนและกิจกรรมที่จะสร้างขึ้นหรือไม่อย่างไร
ผมไม่รู้ว่ากระบวนการลงทุนนั้นจะมีส่วนลดการสร้างเรือนกระจกมากน้อยแค่ไหน
ผมไม่รู้ว่า........
ผมไม่รู้ว่าเขาทราบเรื่องนี้หรือเปล่า
หรือในหัวเขาคิดเพียงว่า
ประกอบการที่จะขึ้นนี้จะสร้างกำไรเท่าไหร่...?
แต่ที่แน่ๆ
ผมรู้ว่า “เขาไม่รู้ว่าผมคิดอะไร”
อิอิ...