พัฒนาระบบสุขภาพโดยใช้งานวิจัยเชิงคุณภาพเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างมีประสิทธิภาพในระดับพื้นที่ ”
ประสบการณ์ที่เข้ามาอยู่ในกระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ
ในที่นี้มีเพื่อนใหม่ มีความรัก มีมิตรภาพ
ถามว่ารู้สึกอย่างไร
มันบอกความรู้สึกไม่ถูก..รู้แต่ว่าตัวเองโชคดี
ที่มีโอกาสมากกว่าอีกหลายๆคน ตลอด1ปี ปฏิเสธงานอบรมต่างจังหวัดทุกเรื่อง ..แต่ไม่เคยขาดการอบรมหลักสูตรวิจัยเชิงคุณภาพแม้แต่วันเดียว
อยู่ครบกระบวนการทุกครั้ง และทุกวัน
มันเป็นความรู้สึกที่อยากเรียนรู้ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงความคิด
จากที่คิดว่าตัวเองเก่ง..กลายเป็นมีอะไรมากมายเหลือเกินที่เราต้องก้าวออกจากกรอบความคิดเก่าๆ
ที่คิดว่าตนเองเก่งความคิดที่เห็นปัญหาแล้วคิดเอง
อยากแก้ปัญหาเอง โดยไม่สนใจค้นหารากเหง้าของปัญหา
และศึกษาบริบทให้ดีพอ ขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆ
ทีเข้ามาในชีวิต
จินตนา แสงจันทร์
โรงพยาบาลเชียงกลาง จ.น่าน
เกือบ…เสียโอกาส
คุณเพ็ญศรีจากเชียงใหม่โทรมาหาเรา
..
บอกว่าพี่ยา
(คุณ จรรยาวัฒน์
ทับจันทร์
)
ให้มาเลือกชวนคนที่พอมีผลงานเด่นๆให้เห็นไปอบรมงานวิจัย
..โดยจะเลือกคนมาจาก
4
ภาคเลย พอได้ยินคำว่าวิจัยรู้สึกไม่ชอบ
เพราะมันน่ากลัวเหลือเกิน จึงปฏิเสธไปว่า
..
คงไม่ไหวหรอกงานวิจัยเคยไปอบรมมาแล้วไม่เห็นเอามาทำอะไรได้เลย
คุณเพ็ญศรีพูดต่อว่า
“
เค้าเลือกคนนะพี่ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะเข้าอบรม”
หนูเห็นพี่มีผลงานในชุมชนหนูเลยชวน
คำว่า
“เค้าเลือกคนนะพี่“ ทำให้ตกปากรับคำ
.. นึกในใจว่าลองดูอีกครั้งก็ได้ ไปดูก่อน
ถ้าไม่ชอบจริงๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่เสียอะไร
มีคนออกทุนให้เรียน
วันแรกทีโคราชรีสอร์ท อาจารย์ทวีศักดิ์
บอกความแตกต่างชนิดงานวิจัย
บอกเป้าหมายการอบรมครั้งนี้ว่าเพื่อ
“
พัฒนาระบบสุขภาพโดยใช้งานวิจัยเชิงคุณภาพเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างมีประสิทธิภาพในระดับพื้นที่
” เริ่มหูผึ่ง
…แต่ไม่อยากเชื่องานวิจัยนะหรือ
จะสามารถพัฒนาระบบสุขภาพ หรือ
ทำเพื่อแก้ไขปัญหางานในพื้นที่ที่ทำอยู่ได้
(นึกในใจว่า
…ทำได้จริงเหรอ
เห็นคนทำวิจัยเค้าก็ทำแบบสอบถามแจกไป
เสร็จแล้วรวบรวบข้อมูลโดยใช้สถิติทียาก ๆ
แล้วทำปกสวยๆ
…เสร็จแล้วก็เอาวางโชว์บนหิ้ง
ไม่เห็นใครทำแล้วเอาแก้ปัญหางานที่ทำอยู่
…แอบนึกเถียงในใจว่า
..
ไม่น่าเป็นไปได้
)
แค่คิดคำว่า
“วิจัย” ก็เครียดแล้ว
แต่ชอบวิธีการสอนของอาจารย์ เพราะให้นอนฟังได้ด้วย ชอบมาก ๆ
…
ตรงที่อาจารย์บอกว่า ท่านใคร่นั่ง
ๆ อยากจะนอนก็นอน อยากพิงฝาก็ได้
เหยียดเท้าก็ตามชอบใจ เทคนิคนี้
ทำให้เราผ่อนคลายนะ
..เริ่มรู้สึกดีขึ้น โชคดีที่เราเรียน
เทคนิคการ
CSL
มาและได้ทำหน้าที่นี้อยู่บ้าง
จึงไม่ยากในการฝึกฝนกิจกรรมพื้นฐานในการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ
เช่นการสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์เชิงลึก
ฯลฯ และแล้ว
5วันก็ผ่านไปจบขั้นตอนที่
1 ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนไปบ้าง
รู้สึกเหมือนว่าเราน่าจะทำได้
ไม่น่าจะยากเท่าไร
(ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าจะทำได้
…แต่ใจนึกอยากทำ
)
ตรงนี้ทำให้เรียนรู้ว่า การสื่อสารเรื่องหนักๆ
หากสร้างบรรยากาศให้ดูสบาย ๆ ผ่อนคลาย
มันทำให้เข้าใจง่ายขึ้น มันค่อยๆ ซึมลึก
นักเรียน..ร้อนวิชา
ในช่วงนั้น
เป็นช่วงเดียวกับที่ตนเองกำลังคิดจะทำโครงการแก้ปัญหาคนอ้วนพอดี
เพราะนั่งดูรายการผู้หญิงๆช่อง3อยู่ วันนั้นเห็นคนอ้วนออกทีวี
เล่าให้ฟังถึงความทุกข์ใจของคนอ้วน..
และเล่าประสบการณ์การลดน้ำหนักเค้าสามารถลดน้ำหนัก 36 กิโลกรัม ใน 7
เดือนทำให้เราทึ่งมาก
จากนั้นเราก็บ้าซื้อหนังสือ
จะซื้อหนังสือเกี่ยวกับเรื่องอ้วน5-6เล่มมานั่งอ่าน นอนอ่าน
คิดอยากแก้ปัญหาโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพ 10
อันดับของเชียงกลาง
พอดีมีข้อมูลคนอ้วนเขตรับผิดชอบอยู่15% อ่านหนังสือ/เอกสารวิชาการทุกเล่มบอกว่าอ้วนทำให้เกิด HT , DM ได้ง่าย
ก็เริ่มแก้ตรงโรคอ้วนนี่แหละเพราะอยากทำมันมันน่าจะสนุกดี หลังอบรมกลับมารีบสรุปเทคนิคการสนทนากลุ่ม
( Focus group discussion )
ทันที เรียกน้องในฝ่ายมาสอน
รอครบทุกคนก็ไม่พร้อมกันซักที ว่างอยู่4คน…..สอน4คนนี่แหล่ะ ไปอบรมช่วงสิงหาคม 2546 พอเดือนกันยายน 2546 เราเริ่มโครงการเลย
หลังจากเปิดรับสมัครคนอ้วนเข้าโครงการแล้วก็ลุยเลย
สาธิตการทำสนทนากลุ่มครั้งแรกเราสาธิตให้น้องดูก่อน
ให้น้องฝึกเป็นผู้จดบันทึก ต่อมาก็สลับกับ
เออ…สนุกดีเหมือนกัน
เราก็สอนน้องเหมือนอาจารย์
ที่เน้นว่า ผู้บันทึก สำคัญมากหากจดไม่ดี
ข้อมูลจะกลายเป็นขยะมากมายเก็บอะไรไม่ได้ “ต้องพยายามเก็บสาระ
เก็บคำพูดที่เป็นคำพูดสำคัญออกมาให้ได้ “
ภาษาอังกฤษเรียกว่า (Quotation)หรือพูดย่อๆว่าQuote
คำพูด อีกหน้าที่หนึ่งที่สำคัญคือ
ผู้อำนวยความสะดวก ต้องดูแลเรื่องจัดสิ่งแวดล้อมให้มีการรบกวน
น้อยที่สุด และช่วยแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า
ไม่ให้มีใครมาสร้างความรำคาญกับวงสนทนา
ในช่วงนั้นก็ทำงานไปก็เขียน Concept
paper
ส่งเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากชมรมฯ
รู้สึกเราจะเป็นศิษย์คนแรกของอาจารย์หรือเปล่านะ..ที่เรียนแล้วร้อนวิชามาก รีบลงมือเลย (แต่ช่วงนี้ยังกลัวๆ กล้าๆอยู่นะ
เอ๊ะเราจะทำได้ดีหรือเปล่า)
แต่ปลอบใจตัวเองว่า งานของเราชิ้นเล็กๆ คงทำได้น่า
เรียนรู้เป็นขั้น..เป็นตอน
25-29 พ
.ย
. 2546 ก็นำ
Concept paper
มาปรับปรุงเป็นโครงร่างงานวิจัย
ทีพัฒนาขึ้น
(Proposal Development)
ที่โรงแรมเฟริสท์ ที่กทม
. หลังจากนั้น
ทุกคนก็ได้ลงมือปฏิบัติจริง
(Field Work) ที่
อ
.แก้งสนามนาง จ
.โคราช การ
อบรมภาคสนามทำให้เรียนรู้กระบวนการทำงาน ต้องยืดหยุ่นจริงๆ
ต้องแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา
แต่เราก็รู้สึกได้ว่า
ในพื้นที่จริงๆของเราต้องไม่ยากหรอกเพราะเรารู้จักบริบทชุมชนดีกว่า
จากนั้น
29มี
.ค
. - 2เม
.ย
.47 ก็มา
อบรม การวิเคราะห์ข้อมูล
(Data
analysis)ที่หนองคาย ช่วง
17-21 พ
.ค
.47 มาฝึกการนำเสนอข้อมูล และ
(Data
Presentation) และฝึกการทำ แผนเชิง
กลยุทธ เป็นอันจบขบวนการเรียนการสอน
ระหว่างเรียนเราทำงานไปตามปกติ ติดตามกลุ่มอ้วนไปทุกเดือน
ทุกเดือน เก็บข้อมูลไป นำไปเรียนถามอาจารย์เป็นระยะๆ
มันคงเพิ่มความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ว่า เราคงทำได้
(แต่ยังไม่เต็ม
100อยู่ดี
)
คำใหม่สำหรับเรา ..จากวิจัยเชิงคุณภาพ
การแกะรอย (Tracking) การล้วงข้อมูลสำคัญ
ความในใจ(Probe)
จะได้ใช้มากเพื่อให้ได้ข้อมูลลึกๆ
ไม่ใช่เปลือกนอกหรือพูดคุยกันธรรมดา อีกคำคือเทคนิควิเคราะห์แบบสามเส้า
(Triangulation)
ยกตัวอย่างเช่นเวลาสนทนากลุ่มคนอ้วน
พี่ผายเล่าว่า ” เดี๋ยวนี้พี่ตื่นวิ่งตอนตี4 ทุกวัน”
เพื่อนในกลุ่มก็หัวเราะและเสริมว่า “เห็นหมาเห่าและวิ่งตามพี่ผายทุกเช้าเลย”
นี่คือการยันข้อมูลนะ(ภาษาวิจัยเรียกว่าสอบทานเพื่อลดความอคติ)
คนจดต้องจดละเอียดไม่อย่างนั้นข้อมูลทีจะมาใช้ยันกันจะไม่มี
เรื่องนี้สอนเราว่าอย่าเชื่อข้อมูลทันที
ที่รู้เพราะหากแค่เพียงมีคนบอกอะไรเรา
เราเชื่อเลยทันทีมันอาจไม่จริงก็ได้ …การทำวิจัยสอนให้เราต้องสอบทานก่อน อย่าเชื่อข้อมูล
หรือข่าวทันที มันอาจทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดได้
ชีวิตสุขสบาย…จนน้ำตาหยด
ในระหว่างกระบวนการเรียนรู้จำไม่ได้ว่ารอบไหนมีเรื่องต้องเสียน้ำตา
ต้อง
ขอย้อนเล่าความเป็นมาของเรื่องราวก่อน ตัวเองเริ่มทำงานปี
2529
ไปอยู่ฝ่ายการพยาบาลขึ้นเวรบ่าย
-ดึก ทำงานซ้ำๆ
น่าเบื่อ ไม่ชอบไม่มีความสุขกับการทำงาน
ครบ
1ปีขอย้ายกลับบ้านเกิดคือ
อ
.เชียงกลาง จ
.น่าน มาอยู่ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ
รู้เลยว่านี่แหล่ะ ตัวฉัน
ใช่เลยต้องงานแบบนี้สนุกและมีความสุขมากกับงาน
ตั้งแต่ทำงานส่งเสริมฯ มา
17ปี
เปลี่ยนผู้อำนวยการโรงพยาบาลไป ประมาณ
4-5
คน ตลอดชีวิตการทำงาน ยังไม่เคยมี ผอ
.คนไหน
ไม่อนุมัติในทุกๆเรื่องทีเราขออนุมัติ
มีแต่สนับสนุนส่งเสริม
เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ พวกเราเริ่มรู้จัก
และคุ้นเคยคำว่ากระบวนการมีส่วนร่วม
,
Empowerment , การทำงานเป็นทีม และ
พัฒนาศักยภาพ
มาตั้งแต่ปี
2541
ก็ใช้มันมาตลอดกับระบบการทำงานจนปัจจุบัน
เรื่องก็มีอยู่ว่า
….วันนั้นพี่อ้อย
(คุณรุจิวรรณ
)
พี่สาวที่คนน่ารักมากๆ
บอกให้ไปช่วยเป็นพิธีกรแทนหน่อย ก็ตกลง พี่ขอทั้งที
ก็ทำไปหน้าที่แทนพี่อ้อย
..
ในกิจกรรมก็มีการเปิดใจให้เล่าความรู้สึก ความในใจ
สิ่งที่ได้รับจากการเข้ามาร่วมเรียนรู้งานวิจัยเชิงคุณภาพ ของเพื่อนๆ
รุ่น
1
จำได้ว่าเพื่อนจาก หนองบัวลำภู
เค้าเล่าถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอยากทำงานแก้ปัญหาประชาชน
ทำมาหลายอย่างแต่ไม่สำเร็จ ก็หาหนทางหลายอย่าง
“พอมาพบงานวิจัยเชิงคุณภาพแล้ว
รู้ว่ามันเป็นการค้นหารากเง้าของปัญหา”
คิดว่าสามารถแก้ปัญหาในงานได้แน่นอน
คำตอบที่ค้างคาใจว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรสดใสมาทันตา
คงปิ๊งไอเดียกระมัง
แต่……..ฟ้าไม่เปิด
ผู้ใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ
ดูเหมือนจะขัดขวางด้วยซ้ำจนบางครั้งเพื่อนต้องใช้วันลาของตนเองลามาพัฒนาศักยภาพ
เพื่อไปแก้ปัญหาอันใหญ่โตของประเทศชาติ
….โอย
ๆ ๆ ฟังแล้วปวดใจ
ผู้ใหญ่วิสัยทัศน์แคบจะมีเหลือขัดขวางความเจริญของชาติมากไหมเนี๊ย
..อะไรชีวิตจะรันทดขนาดนั้นฟังไปก็อิน
นั่งฟังไปเราก็กลับมานึกถึงตนเองชีวิตการทำงานของตนเองทำไมสุขสบายจัง
..
อยู่ในระบบงานที่ดี มีทีมงานดี
..
ผู้ใหญ่วิสัยทัศน์กว้างไกล
ว่าแล้วน้ำตาก็รินไหล
…มันบอกความรู้สึกไม่ถูก
ไม่ได้ร้องไห้นะแต่น้ำตามันไม่หยุดไหลเอง
เราเงียบไปสักครู่พี่อ้อยหันมาเรียก
.. จิน ๆ
ดำเนินการต่อซิ
…น้ำตาเราก็ไหลไม่หยุด
พูดก็ไม่ออก พี่อ้อยพี่ยาก็มาทำหน้าที่แทน พูดไปพี่ๆ
ก็น้าตาไหลอีก เราก็เข้าใจนะ พี่ยา
กับพี่อ้อย
ต้องทำงานในหน้าที่ในหน่วยงานให้ดีที่สุด
แล้วยังต้องแบกภาระยิ่งใหญ่ระดับชาติ
ให้พยาบาลทั่วประเทศอีก
วันนั้นน้ำตาเลยท่วมห้อง
….ประชุม
อยากฝากถึงท่านผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจทั้งหลายด้วยว่า
“ ศักยภาพคนมีอยู่เหลือล้น”
มองให้เห็นคุณลองให้โอกาสคนเหล่านั้นซิ
….ให้เค้าได้พัฒนาตนเองเถิด
เมื่อคนพัฒนาตนเองแล้วเค้าต้องนำศักยภาพมาพัฒนางานแน่นอน
ฝากตะโกนดังๆถึงท่านผู้ใหญ่ด้วย
..นะคะ
พรสวรรค์..หรือ..พรแสวง
พี่ยาโทรมาว่าจะให้เป็นพิธีกรงานประชุมวิชาการ
8-9พ
.ย
.47
ทีแอมบาสเดอร์ กทม
.
เราก็ถามพี่ยาและอ้อยว่ามั่นใจแล้วหรืองานมันใหญ่นะ
(กลัวทำงานเค้าไม่ดี
)
เสนอชื่อคนเก่งๆ พี่ยาก็ไม่เอา ได้แต่บอกว่า
จินนะแหล่ะ จินทำได้ เฮ้อ
!!
ทำได้แต่กลัวว่าจะไม่ดีนะสิ
ช่วงนั้นงานที่โรงพยาบาลยุ่งมากต้องรีบเคลียตัวเอง
แต่ทีไม่ลืมคือหยิบหนังสือคู่มีการเป็นพิธีกรติดไปด้วย
2 เล่ม ออกเดินทางจาเชียงกลาง
วันที่
5 พ
.ย
.47 พอ
10โมงวันที่
6 พ
.ย
. ก็เริ่มงานกันเลย
เครียดนะเนี้ย
.. วิทยากรเปลี่ยน ไปเปลี่ยน
มา ประธานก็เปลี่ยนจนวินาทีสุดท้าย
เคยแต่ทำหน้าทีพิธีกรรายการแสดงในงานส้มสีทองซุ้มสาธารณสุข
กับงานโรงพยาบาลบ้างนิดหน่อย ทำในช่วงที่เด็กใหม่ไม่เกิด
พอมีคนทำเป็นเราก็ทิ้งมามาเป็น
10ปีแล้ว พี่ๆและน้องๆ
ในทีมวิจัยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จินตนาทำได้
เอ้าได้ก็ได้ ทำสคริบท่องทั้งคืน
ท่องซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะคำว่า รัฐประศาสนศาตร์
ต้องวงเล็บเป็นคำอ่าน
(รัด
-ทะ
-ประ
-สา
-สะ
-นะ
-สาด
) กลัวพูดไม่ได้
(ขำตัวเองเหมือนกัน
) โดยเฉพาะแนะนำพันเอก นายแพทย์ ทวีศักดิ์
นพเกษร
อาจารย์เราเราต้องท่องสคริบให้เนียน
เพื่อทำให้คนได้ทราบประวัติอาจารย์
ที่เราภาคภูมิใจนำเสนอ
ซึ่งท่านจบ จากคณะแพทย์ศาสตร์
ศิริราชพยาบาล ได้รับวุฒิบัตร สาขา โสต นาสิก
ลาริงซ์ จบหลักสูตร
Inter-nation
Epidemiological Intelligent Service Course ประสบการณ์
: การเป็นผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษา
งานระดับโลกคือ
UNCICEF :
โครงการให้ความช่วยเหลือการทำแผนงานพหุภาคีควบคุม
ป้องกันโรคเอดส์ มณฑลยูนนาน
WHO
:
โครงการให้ความช่วยเหลือการป้องกันโรคเอดส์ กองทัพกัมพูชา
UNDP
:
ประเมินโครงการ Peer Education
ในการควบคุมป้องกันโรค
เอดส์กองทัพกัมพูชา
UN – AIDS :
โครงการประเมินความเสี่ยง การแพร่กระจายเชื้อเอดส์ ใน
เจ้าหน้าที่ สหประชาชาติ และกองกำลังรักษาสันติภาพ
ติมอร์ ตะวันออก
เพราะความไม่ค่อยชอบเป็นพิธีกร
ยอมรับว่าเครียดกว่าเตรียมนำเสนองานวิจัยตัวเองอีก
แต่เมื่อมันเป็นหน้าที่เราบอกตัวเองว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด
สิ่งหนึ่งที่อยากบอกคือ ที่ผลงานท่านเห็นรับรองได้ว่าเป็น
“พรแสวง”
ทุกอย่างคือการที่ต้องท่องสคริบ ท่อง ๆ ๆ
หลายรอบมาก ลองประเมินผลจาก พี่ๆ น้องๆ
ว่าบทบาทพิธีกรในครั้งนี้เป็นอย่างไรทุกคนบอกว่า
“ ก็ดี ทำได้ดีแล้ว ” น่าจะสอบผ่าน
หากถามตัวเองก็ยังไม่พอใจมันยังติดๆขัดๆ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้บอกได้ว่า
การทำอะไรก็ตามถึงแม้จะไม่ถนัดหาก ฝึกบ่อยๆ ตั้งใจมากๆ
ทุกคนต้องทำได้ (จะดีมาก
หรือดีน้อยเท่านั้นเอง)
ส่วนเราถ้าจะให้เลือกอยู่เบื้องหลังจะถนัดกว่า ..มีความสุขกว่า
Lunch
Brief
ประสบการณ์การทำงานวิจัยในที่ทำงานจริง
ชีวิตจริงทุกคนก็งานล้นมือ
หาเวทีคุยกันยากมากๆ
เวทีสุดท้ายทีเก็บข้อมูลก็มีการสนทนากลุ่มปิดโครงการ
ให้ทีมเป็นผู้จดบันทึก
3-4คน
/ ครั้ง มีคนนำสนทนา
1คน ทำกลุ่มอยู่
2คืน
ที่นี้ก็แบ่งกันไปเอาข้อมูลที่แต่ละคนได้มอบให้
2 คนไปดูแล้ว
เอาข้อมูลของแต่ละคนมาเชื่อมต่อกัน จากนั้นก็ฝึกใส่
Code
ตอนจัดชุดข้อมูลเราทำไม่เป็นต้องอาศัยทีมงานที่เก่ง
(หน
.ฝ่ายการ
) ได้ชุดข้อมูลก็แจกกันไปลองใส่
Code และฝึกตีความกัน
ช่วงนั้นเตรียมรับการเยี่ยมสำรวจจาก พรพ
.
งานจะยุ่งกันถ้วนหน้า เราจึงใช้วิธี
นัดเลี้ยงข้าวกลางวันและพูดคุยข้อมูลงานวิจัยช่วงกินข้าวนี่เอง
ยอมรับว่ารับความรู้จากอาจารย์มา ซัก
50% เวลานำมาถ่ายทอดคิดดูก็แล้วกัน
จะเหลือกี่
%
แต่อย่างน้อยทีม
7-8คนก็ได้ร่วมในกระบวนการ
ได้รู้ได้เห็นบ้าง
เข้าใจงานวิจัยขึ้นบ้าง
มีส่วนร่วมมากบ้างน้อยบ้าง
บางคนก็แค่เพียงฟังความก้าวหน้างาน
ลองให้ทุกคนประเมินผลดูก็ดีนะ
…..
ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย
(แต่จะเข้าใจมากน้อยไม่รู้เหมือนกันกัน
) รู้แต่ว่าทุกคนบอกว่าดี
วันที่
8-9 พ
.ย
ที่ผ่านมาพาทีมงานที่คัดเลือกแล้วว่าเก็บประเด็นเก่งมาให้ดูบรรยากาศ
พอเสร็จประชุมถามว่ารู้สึกอย่างไร น้อง
2
คนบอกว่า ตื่นเต้นมาก ๆ อยากรีบกลับไปทำวิจัย
น้องทีมงานพูดว่า
.. “
ฟังมา2วัน
อยากทำวิจัยหลายเรื่อง…
เราต้องทำได้
พี่เรียนอะไรมาหนูอยากอ่านเอามาให้หนูอ่านด้วย” เฮ้อ
..มิเสียแรง ความสำเร็จที่ได้
ในตอนนี้คือ มีทีมงาน
2คน ตื่นเต้น
ๆ แค่นี้ก็สุขใจมากพอแล้ว พี่ยารอรับ
Concept paper จากเชียงกลางอีก
2-3 ชิ้นแน่นอนค่ะ
ความรู้สึก…กับผลงานวิจัยชิ้นแรกในชีวิต
คำชมจากอาจารย์ผู้วิพากษ์ที่เวทีระดับชาติ
(แอมบาสเดอร์
)
ที่บอกว่า
..งานวิจัยเราคือองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น
ผู้วิพากษ์ฝากให้ถอดบทเรียนให้ละเอียดนะ
จะได้เป็นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้แก่ตัวเองและผู้อื่น
เฮ้อดูเหมือนเราจะสอบผ่านนะเนี้ย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดความสุขที่อิ่มเอมอยู่ในใจ
ก็คือรอยยิ้มของคนที่เค้าลดความอ้วนได้
เห็นเค้ายิ้มอย่างมีความหวังเราก็สุขใจ
ถามถึงความมั่นใจการทำวิจัยเชิงคุณภาพก็ยังไม่เต็ม
100%อยู่ดี
มันต้องมีชิ้นต่อไปเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น
สิ่งที่เหลือคือ
31 ธ
.ค
.47
ต้องมีผลงานวิชาการที่เป็นรูปเล่มนำเสนอ บอก
ตัวเองว่าต้องพยายามให้มากขึ้น ๆ
เพื่อจะได้ไม่เสียชื่อลูกศิษย์ อาจารย์
ทวีศักดิ์ นพเกษร อาจารย์พี่เลี้ยง อาจารย์ นิวัต
อุณฑพันธุ์ รศ
.สมมาตร
พรมภักดี อาจารย์อดุลย์ ที่ปรึกษาภาคสนาม
และขอบคุณเครือข่ายชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทยผู้ให้โอกาสเรา
ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้มิตรภาพอันงดงามระหว่างกระบวนการเรียนรู้ใน
1ปีทีผ่านมา
เป็นช่วงเวลา
ที่มีค่ามากมายเหลือเกิน ได้พบคำว่าเพื่อน กับคำว่ามิตรภาพ
และองค์ความรู้ …มันเกินคำบรรยายจริง
ๆคำชมจากอาจารย์ผู้วิพากษ์ที่เวทีระดับชาติ
แอมบาสเดอร์ที่บอกว่างานวิจัยเราคือองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น
ผู้วิพากษ์ฝากให้ถอดบทเรียนให้ละเอียดนะ
จะได้เป็นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้แก่ตัวเองและผู้อื่น
เฮ้อดูเหมือนเราจะสอบผ่านนะเนี้ย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดความสุขที่อิ่มเอมอยู่ในใจ
ก็คือรอยยิ้มของคนที่เค้าลดความอ้วนได้
เห็นเค้ายิ้มอย่างมีความหวังเราก็สุขใจ
ถามถึงความมั่นใจการทำวิจัยเชิงคุณภาพก็ยังไม่เต็มอยู่ดี
มันต้องมีชิ้นต่อไปเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น สิ่งที่เหลือคือ
ธคต้องมีผลงานวิชาการที่เป็นรูปเล่มนำเสนอ
บอกตัวเองว่าต้องพยายามให้มากขึ้น ๆ
เพื่อจะได้ไม่เสียชื่อลูกศิษย์ อาจารย์ ทวีศักดิ์ นพเกษร
อาจารย์พี่เลี้ยง อาจารย์ นิวัต อุณฑพันธุ์
รศสมมาตร พรมภักดี อาจารย์อดุลย์ ที่ปรึกษาภาคสนาม
และขอบคุณเครือข่ายชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทยผู้ให้โอกาสเรา
ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้มิตรภาพอันงดงามระหว่างกระบวนการเรียนรู้ในปีทีผ่านมา
เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากมายเหลือเกิน ได้พบคำว่าเพื่อน
กับคำว่ามิตรภาพ และองค์ความรู้ …มันเกินคำบรรยายจริง ๆ
คำชมจากอาจารย์ผู้วิพากษ์ที่เวทีระดับชาติ
แอมบาสเดอร์ที่บอกว่างานวิจัยเราคือองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น
ผู้วิพากษ์ฝากให้ถอดบทเรียนให้ละเอียดนะ
จะได้เป็นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้แก่ตัวเองและผู้อื่น
เฮ้อดูเหมือนเราจะสอบผ่านนะเนี้ย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดความสุขที่อิ่มเอมอยู่ในใจ
ก็คือรอยยิ้มของคนที่เค้าลดความอ้วนได้
เห็นเค้ายิ้มอย่างมีความหวังเราก็สุขใจ
ถามถึงความมั่นใจการทำวิจัยเชิงคุณภาพก็ยังไม่เต็มอยู่ดี
มันต้องมีชิ้นต่อไปเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น สิ่งที่เหลือคือ
ธคต้องมีผลงานวิชาการที่เป็นรูปเล่มนำเสนอ
บอกตัวเองว่าต้องพยายามให้มากขึ้น ๆ
เพื่อจะได้ไม่เสียชื่อลูกศิษย์ อาจารย์ ทวีศักดิ์ นพเกษร
อาจารย์พี่เลี้ยง อาจารย์ นิวัต อุณฑพันธุ์
รศสมมาตร พรมภักดี อาจารย์อดุลย์ ที่ปรึกษาภาคสนาม
และขอบคุณเครือข่ายชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทยผู้ให้โอกาสเรา
ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้มิตรภาพอันงดงามระหว่างกระบวนการเรียนรู้ในปีทีผ่านมา
เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากมายเหลือเกิน ได้พบคำว่าเพื่อน
กับคำว่ามิตรภาพ และองค์ความรู้ …มันเกินคำบรรยายจริง ๆ
คำชมจากอาจารย์ผู้วิพากษ์ที่เวทีระดับชาติ
แอมบาสเดอร์ที่บอกว่างานวิจัยเราคือองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น
ผู้วิพากษ์ฝากให้ถอดบทเรียนให้ละเอียดนะ
จะได้เป็นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้แก่ตัวเองและผู้อื่น
เฮ้อดูเหมือนเราจะสอบผ่านนะเนี้ย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดความสุขที่อิ่มเอมอยู่ในใจ
ก็คือรอยยิ้มของคนที่เค้าลดความอ้วนได้
เห็นเค้ายิ้มอย่างมีความหวังเราก็สุขใจ
ถามถึงความมั่นใจการทำวิจัยเชิงคุณภาพก็ยังไม่เต็มอยู่ดี
มันต้องมีชิ้นต่อไปเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น สิ่งที่เหลือคือ
ธคต้องมีผลงานวิชาการที่เป็นรูปเล่มนำเสนอ
บอกตัวเองว่าต้องพยายามให้มากขึ้น ๆ
เพื่อจะได้ไม่เสียชื่อลูกศิษย์ อาจารย์ ทวีศักดิ์ นพเกษร
อาจารย์พี่เลี้ยง อาจารย์ นิวัต อุณฑพันธุ์
รศสมมาตร พรมภักดี อาจารย์อดุลย์ ที่ปรึกษาภาคสนาม
และขอบคุณเครือข่ายชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทยผู้ให้โอกาสเรา
ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้มิตรภาพอันงดงามระหว่างกระบวนการเรียนรู้ในปีทีผ่านมา
เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากมายเหลือเกิน ได้พบคำว่าเพื่อน
กับคำว่ามิตรภาพ และองค์ความรู้ …มันเกินคำบรรยายจริง ๆ
ประสบการณ์การทำงานวิจัยในที่ทำงานจริง
ชีวิตจริงทุกคนก็งานล้นมือ หาเวทีคุยกันยากมากๆ
เวทีสุดท้ายทีเก็บข้อมูลก็มีการสนทนากลุ่มปิดโครงการ
ให้ทีมเป็นผู้จดบันทึก คน ครั้ง มีคนนำสนทนา คน
ทำกลุ่มอยู่คืน
ที่นี้ก็แบ่งกันไปเอาข้อมูลที่แต่ละคนได้มอบให้คนไปดูแล้ว
เอาข้อมูลของแต่ละคนมาเชื่อมต่อกัน
จากนั้นก็ฝึกใส่ตอนจัดชุดข้อมูลเราทำไม่เป็นต้องอาศัยทีมงานที่เก่ง
หนฝ่ายการได้ชุดข้อมูลก็แจกกันไปลองใส่ และฝึกตีความกัน
ช่วงนั้นเตรียมรับการเยี่ยมสำรวจจาก
พรพงานจะยุ่งกันถ้วนหน้า เราจึงใช้วิธี
นัดเลี้ยงข้าวกลางวันและพูดคุยข้อมูลงานวิจัยช่วงกินข้าวนี่เอง
ยอมรับว่ารับความรู้จากอาจารย์มา
ซักเวลานำมาถ่ายทอดคิดดูก็แล้วกัน
จะเหลือกี่แต่อย่างน้อยทีมคนก็ได้ร่วมในกระบวนการ ได้รู้ได้เห็นบ้าง
เข้าใจงานวิจัยขึ้นบ้างมีส่วนร่วมมากบ้างน้อยบ้าง
บางคนก็แค่เพียงฟังความก้าวหน้างาน
ลองให้ทุกคนประเมินผลดูก็ดีนะ ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย
แต่จะเข้าใจมากน้อยไม่รู้เหมือนกันกันรู้แต่ว่าทุกคนบอกว่าดี
วันที่พย
ที่ผ่านมาพาทีมงานที่คัดเลือกแล้วว่าเก็บประเด็นเก่งมาให้ดูบรรยากาศ
พอเสร็จประชุมถามว่ารู้สึกอย่างไร น้องคนบอกว่า
ตื่นเต้นมาก ๆ อยากรีบกลับไปทำวิจัย
น้องทีมงานพูดว่าเฮ้อมิเสียแรง ความสำเร็จที่ได้ในตอนนี้คือ
มีทีมงานคน ตื่นเต้น ๆ แค่นี้ก็สุขใจมากพอแล้ว
พี่ยารอรับ จากเชียงกลางอีก ชิ้นแน่นอนค่ะ
โครงการให้ความช่วยเหลือการทำแผนงานพหุภาคีควบคุมป้องกันโรคเอดส์
มณฑลยูนนานโครงการให้ความช่วยเหลือการป้องกันโรคเอดส์
กองทัพกัมพูชาประเมินโครงการ
ในการควบคุมป้องกันโรคเอดส์กองทัพกัมพูชาโครงการประเมินความเสี่ยง
การแพร่กระจายเชื้อเอดส์ ในเจ้าหน้าที่ สหประชาชาติ
และกองกำลังรักษาสันติภาพ ติมอร์ ตะวันออก
พี่ยาโทรมาว่าจะให้เป็นพิธีกรงานประชุมวิชาการ พยทีแอมบาสเดอร์
กทมเราก็ถามพี่ยาและอ้อยว่ามั่นใจแล้วหรืองานมันใหญ่นะ
กลัวทำงานเค้าไม่ดีเสนอชื่อคนเก่งๆ พี่ยาก็ไม่เอา
ได้แต่บอกว่า จินนะแหล่ะ จินทำได้
เฮ้อทำได้แต่กลัวว่าจะไม่ดีนะสิ
ช่วงนั้นงานที่โรงพยาบาลยุ่งมากต้องรีบเคลียตัวเอง
แต่ทีไม่ลืมคือหยิบหนังสือคู่มีการเป็นพิธีกรติดไปด้วย
เล่ม ออกเดินทางจาเชียงกลาง
วันที่พยพอโมงวันที่พยก็เริ่มงานกันเลย เครียดนะเนี้ย
วิทยากรเปลี่ยน ไปเปลี่ยน มา
ประธานก็เปลี่ยนจนวินาทีสุดท้าย
เคยแต่ทำหน้าทีพิธีกรรายการแสดงในงานส้มสีทองซุ้มสาธารณสุข
กับงานโรงพยาบาลบ้างนิดหน่อย ทำในช่วงที่เด็กใหม่ไม่เกิด
พอมีคนทำเป็นเราก็ทิ้งมามาเป็นปีแล้ว
พี่ๆและน้องๆ ในทีมวิจัยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จินตนาทำได้
เอ้าได้ก็ได้ ทำสคริบท่องทั้งคืน
ท่องซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะคำว่า
รัฐประศาสนศาตร์ต้องวงเล็บเป็นคำอ่าน
รัดทะประสาสะนะสาดกลัวพูดไม่ได้ขำตัวเองเหมือนกันโดยเฉพาะแนะนำพันเอก
นายแพทย์ ทวีศักดิ์ นพเกษร
อาจารย์เราเราต้องท่องสคริบให้เนียน
เพื่อทำให้คนได้ทราบประวัติอาจารย์
ที่เราภาคภูมิใจนำเสนอซึ่งท่านจบ จากคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
ได้รับวุฒิบัตร สาขา โสต นาสิก ลาริงซ์
จบหลักสูตร ประสบการณ์ การเป็นผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษา
งานระดับโลกคือโครงการให้ความช่วยเหลือการทำแผนงานพหุภาคีควบคุมป้องกันโรคเอดส์
มณฑลยูนนานโครงการให้ความช่วยเหลือการป้องกันโรคเอดส์
กองทัพกัมพูชาประเมินโครงการ
ในการควบคุมป้องกันโรคเอดส์กองทัพกัมพูชาโครงการประเมินความเสี่ยง
การแพร่กระจายเชื้อเอดส์ ในเจ้าหน้าที่ สหประชาชาติ
และกองกำลังรักษาสันติภาพ ติมอร์ ตะวันออก
พี่ยาโทรมาว่าจะให้เป็นพิธีกรงานประชุมวิชาการ พยทีแอมบาสเดอร์
กทมเราก็ถามพี่ยาและอ้อยว่ามั่นใจแล้วหรืองานมันใหญ่นะ
กลัวทำงานเค้าไม่ดีเสนอชื่อคนเก่งๆ พี่ยาก็ไม่เอา
ได้แต่บอกว่า จินนะแหล่ะ จินทำได้
เฮ้อทำได้แต่กลัวว่าจะไม่ดีนะสิ
ช่วงนั้นงานที่โรงพยาบาลยุ่งมากต้องรีบเคลียตัวเอง
แต่ทีไม่ลืมคือหยิบหนังสือคู่มีการเป็นพิธีกรติดไปด้วย
เล่ม ออกเดินทางจาเชียงกลาง
วันที่พยพอโมงวันที่พยก็เริ่มงานกันเลย เครียดนะเนี้ย
วิทยากรเปลี่ยน ไปเปลี่ยน มา
ประธานก็เปลี่ยนจนวินาทีสุดท้าย
เคยแต่ทำหน้าทีพิธีกรรายการแสดงในงานส้มสีทองซุ้มสาธารณสุข
กับงานโรงพยาบาลบ้างนิดหน่อย ทำในช่วงที่เด็กใหม่ไม่เกิด
พอ