สิบห้าปีคณะแพทยศาสตร์ ม.นเรศวร


สิบห้าปีที่ผ่าน สิบห้าปีข้างหน้า และเมื่อฉันอายุห้าสิบ

ถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๒ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ก็จะครบวาระสิบห้าปี

เพื่อให้การเดินไปข้างหน้ามีพลัง มีความหวัง และให้ทุกๆ คนมีส่วนร่วม ขอเชิญสมาชิกในองค์กรและผู้อ่านผู้มีความผูกพันกับคณะแพทยศาสตร์ ได้ให้ข้อคิดเห็น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

หัวข้อที่ต้องการระดมความคิดจากสมาชิกองค์กร คือ "สิบห้าปีที่ผ่านมา สิบห้าปีข้างหน้า และเมื่อฉันอายุห้าสิบ" สำหรับสมาชิกภายนอก เชิญให้ความคิดเห็นได้โดยอิสระ

ผมขอนำเป็นคนแรก "สิบห้าปีที่ผ่านมาของคณะแพทย์ มน. ผมมีส่วนเข้ามาอยู่ในคณะเพียงสิบปี ได้ยินจากบุคคลภายนอกกล่าวถึง มน. ว่าขยายตัวเร็วมาก สิบปีของผมในคณะแพทย์ เป็นสิบปีที่คุ้มค่า มหาวิทยาลัยให้กับผมมาก และผมก็พยายามทำให้กับคณะแพทย์อย่างมากด้วย ...... (แสดงว่าจะเขียนเพิ่มเติมภายหลัง)"

"สิบห้าปีข้างหน้า ยังมองเห็นไม่ชัดเจนนัก ถ้าวาดตามวิสัยทัศน์ คณะแพทย์ มน. จะเป็นโรงเรียนแพทย์ที่ได้มาตรฐานสากล (เช่น ได้รางวัลคุณภาพประเทศไทย TQA) มีเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็ง และสร้างเสริมสุขภาพคนไทยและเอเชีย ทั้งหมดนี้อีกสิบห้าปีข้างหน้า น่าจะบรรลุได้ส่วนหนึ่ง วิสัยทัศน์หลังจากวันนี้ อาจเปลี่ยนแปลงไปอีกตามสถานการณ์ แต่คงหนีไม่พ้นแนวนี้ ...... (จะขยายความต่อภายหลัง)"

"และเมื่อฉันอายุห้าสิบ ข้อนี้สำหรับผมเห็นชัด เพราะอายุห้าสิบกว่าแล้ว ยังทำงานกับคณะแพทย์อยู่และยังเห็นว่าตำแหน่งอาจารย์คณะแพทย์ยังสามารถทำวิสัยทัศน์นั้นให้ก้าวต่อไปได้ ผมเคยแบ่งชีวิตตนเองเป็นช่วงใหญ่ๆ ช่วงละสิบปี สิบปีแรกทำงานที่พุทธชินราช สิบปีที่สองทำงานรับเงินเดือนจากกระทรวงสาธารณสุข สิบปีที่สามทำงานกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร อายุราชการที่เหลืออีกไม่เกินสิบปีถือว่าเป็นช่วงแถม ทำให้ดีที่สุดกับองค์กรที่น่าทุ่มเทที่สุด ...."

ขอเชิญทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็น เมื่อวาระครบสิบห้าปีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ก็จะได้ปูมที่น่าสนใจในการจัดการความรู้กับองค์กร

หมายเลขบันทึก: 177889เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2008 08:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 22:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีครับอาจารย์

เห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของคณะแพทย์ฯ มน. แล้วน่าชื่นชมมากครับ

สำหรับผมคงไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับ ๑๕ ปีที่ผ่านมาของคณะแพทย์ มน. เพราะต้องสารภาพว่าไม่ค่อยรู้จักที่นั่นสักเท่าไหร่

แต่สำหรับ ๑๕ ปี ข้างหน้า ผมขอแลกเปลี่ยน ๒ ประเด็น คือ

๑. กระแสของการทำงานของแพทย์ จากข่าวหน้าหนึ่งช่วงของการประกาศผลเอเน็ตของน้องๆ ที่กำลังเข้าสู่การเรียนในมหาวิทยาลัย ที่มีกระแสหนึ่งของการไปเรียนสายนิติศาสตร์มากขึ้น ลดการเรียนแพทย์ลง โดยข่าวออกไปทำนองที่ว่า "เพื่อการทำงาน และรายได้" ซึ่งน่าเป็นห่วง ในฐานะที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เพราะผมเชื่อว่าปรัญชาของการเรียนน่าจะมีอะไรมากกว่าการทำงาน และการหารายได้ โดยเฉพาะในสายแพทย์ ที่มุ่งการทำงานเพื่อสร้างสุขภาวะของประชาชน

๒. การสร้างมุมมองของว่าที่แพทย์ ซึ่งช่วงที่เรียน ๖ ปี เป็นช่วงที่สำคัญมากกับการเรียนรู้ที่จะทำงานเพื่อมวลชน ซึ่งต้องเข้าใจทั้งเรื่องคนและเรื่องโรค ครับ

ผมเชื่อว่าทั้ง ๒ ประเด็นนี้ ทางคณะแพทย์ฯ มน. คงเตรียมการไว้อยู่แล้ว หากแต่ขอเป็นเสียงสนับสนุนอีกแรงครับ

ด้วยความเคารพรัก

การกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กร ทำให้ คนตื่นเต้น กับอนาคตได้จริงๆครับ

หาก องค์กร ทุกองค์กร มีการกำหนดวิสัยทัศน์และมีคนใน องค์กร สนใจ

แบบนี้ องค์กร คงเดินต่อไปข้างหน้าไม่หยุดยั้งครับ

ผมเริ่มเข้าเรียนที่ ม.นเรศวร ปี 2538 คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รุ่นเดียวกับนิสิตแพทย์ ม.นเรศวร รุ่นแรก (รู้จักเพื่อนนิสิตแพทย์บางคน เพราะมาจีบเพื่อนผมที่คณะครับ) เห็นเพื่อนนิสิตแพทย์รุ่นแรกตั้งแต่เรียนปี 1 เป็นกลุ่มนิสิตที่ตั้งใจเรียน ร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยทุกครั้งแม้ว่าจำนวนนิสิตยังไม่มากก็ตาม วันนี้เป็นส่วนหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ ก็จะตั้งใจทำงานครับอาจารย์...สู้ ๆ

สิบห้าปีที่ผ่านมา รู้จักคณะแพทยศาสตร์ในฐานะคณะหนึ่งในมน.เมื่อมาทำงานที่สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพในเดือนก.ย.2544และเมื่อรวมกันในเดือนต.ค.2548ทำให้ต้องปรับตัวและเรียนรู้งานใหม่ พอมาถึงวันนี้คิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้เรียนรู้การทำงานหลากหลายรูปแบบและมีแบบอย่างที่ดีให้เห็นในแต่ละช่วงการทำงาน การเรียนรู้ที่อาจารย์เปิดโอกาสให้ในเวทีต่างๆทำให้เห็นมุมมองในการทำงานในมิติต่างๆ

สิบห้าปีข้างหน้า มองเห็นภาพคณะสามารถขึ้นไปรับรางวัลTQAหรือรางวัลอื่นๆได้ถ้าทุกคนทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง มองทุกอย่างเป็นระบบและบูรณาการสิ่งต่างๆเข้าด้วยกันทำหนึ่งอย่างแต่ตอบได้หลายคำถาม ทำโดยไม่มองเฉพาะงานของตนเอง ต้องมองงานส่วนรวมและงานขององค์กรในภาพรวมด้วย

เมื่อตัวเองอายุ50ปี อีก10กว่าปีข้างหน้าก็คงอยู่กับองค์กรต่อไปด้วยความรักความผูกพันต่อองค์กร ภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมกับความสำเร็จจากจุดเล็กๆไปสู่จุดใหญ่ในวันข้างหน้าของคณะ

ถึงเวลาแล้วที่พวกเราชาวคณะแพทยศาสตร์จะลุกขึ้นมารวมพลังมุ่งมั่นช่วยกันสร้างคณะแพทย์ให้เหมือนบ้านหลังที่สองของพวกเราด้วยใจเป็นหนึ่งเดียวจงเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองและเพื่อนๆว่าเราทำได้จริงๆนะ

ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนค่ะ

สิบห้าปีที่ผ่านมา...เห็นคณะแพทย์เป็นคณะเล็ก ๆ (เพราะตั้งคณะใหม่) แต่มีหน้าที่สร้างคนที่ยิ่งใหญ่...(คือ สร้างเด็กนักเรียนทั่วไป ที่จบ ม.6 ปลุกปั้นให้เป็นหมอช่วยชีวิตคนอันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้)

สิบห้าปีข้างหน้า...คณะแพทย์มีศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลทั่วทุกด้าน มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย บุคลากรสร้างชื่อเสียงในระดับประเทศ เป็นองค์กรที่พร้อมสร้างผลงาน และงานวิจัย ระดับนานาชาติ และเป็นต้นแบบของโรงพยาบาลผลิตบัณฑิตแพทย์ระดับโลก

- ส่วนตัวเองเข้ามาทำงานที่ ม.นเรศวร เมื่อ ตุลาคม 2546 ที่สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ สำหรับสิบห้าปีที่ผ่านมานั้นรู้จักคณะแพทย์ ก้ในนามของคณะแพทย์ (ใหม่)เมื่อเปรียบเทียบคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตคนเราก็คงเพิ่งเกิดได้ไม่นาน กำลังหัดเดิน เตาะแตะ (ประมาณนั้น)อาจจะล้ม ๆ ลุก ๆ อยู่บ้างหากมีคนช่วยให้หัดเดินหรือมีผู้ที่คอยดูแลอย่างใส่ใจ และมุ่งมั่นก็คงจะเดินได้อย่างมั่นคง..และวิ่งได้ฉิวในเร็ววัน..สำหรับการทำงานนั้นเมื่อมีการรวมกันขององค์กรและได้เข้ามาทำงานในคณะแพทย์จริงจังก็ได้มุมมองของการทำงานใหม่ ๆ ได้ทำงานหลายอย่างที่เราได้คิดและริเริ่ม ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากจริงๆ ค่ะ

- สิบห้าปีข้างหน้า (เดี๋ยวมาเขียนต่อค่ะ)

๑๕ ปีที่ผ่านมา เมื่อได้ยินคำว่าคณะแพทยศาสตร์ก็รู้สึกถึงความเสียสละ ศรัทธา และความทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ แรงสมอง เพราะเป็นองค์กรที่ผลิตบุคลากรเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คิดถึงประโยชน์ของผู้อื่นเป็นอันดับแรก จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านก็เห็นเช่นนั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าระยะที่ผ่านไปอาจทำให้แนวคิดเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ตาม ยังเคยแอบคิดว่าซักวันต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะแพทย์ให้ได้ และแล้วเมื่อเกือบ ๕ ปีที่ผ่านมาก็ได้รับโอกาสนั้นเริ่มจากสถาบันวิจัยฯ เป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และรวมเป็นหนึ่ง คือคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินกิจกรรมหลายๆ อย่าง คิดว่าวิสัยทัศน์ พันกิจต่างๆ นั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง ของบุคลากรทุกคนที่จะสามารถทำให้สำเร็จได้.........

๑๕ ปีข้างหน้า ก็มีอายุเกือบ ๕๐ ปี จึงขอรวม 2 หัวข้อนี้ไว้ด้วยกัน คณะแพทย์ มน.จะสามารถทำให้วิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ประสบความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน ก็อยูที่สมาชิกทุกท่านจะดำเนินตามปณิธาณของสมเด็จพระราชบิดาที่ทรงสอนให้คิดถึง “ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่ ๑ ประโยชน์ของตนเป็นกิจที่ ๒” ได้หรือไม่...

"สิบห้าปี ผ่านมา คุณค่ามาก

ร้อยรอยจำ รอยลำบาก พันความหวัง

ผลิตแพทย์ เพื่อคนไทย ได้อยู่ยัง

สานต่อดัง ปณิธานพระบิดา

สิบห้าปี ต่อไป ใจต้องหนึ่ง

ไปให้ถึง มาตรฐาน อย่างที่ฝัน

นำความรัก ความศรัทธา เป็นพลัง

แพทย์ มน. งามสมดัง หวังแผ่นดิน"

ร่วมยินดี 15 ปี แพทย์ มน.

จามรี

ว่าแล้วก็คิดถึงหมอๆ ที่เคยรู้จัก ทั้งหมอแป๊ก หมอนัท หมอจ้อ หมอวุฒิ หมอบอย และที่สำคัญหมอตุ๊ก ^__^ คนทีทำให้เรารู้ตัวว่าเป็นแฟนหมอ______ 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท