ไปฝรั่งเศส : (๓) เดินตลาดนัดและเที่ยวนอกปารีส

ตอนที่ ๒

วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๑

วันสงกรานต์ที่เมืองไทยไม่รู้ว่าอากาศร้อนหรือเปล่า แต่ที่ปารีสอากาศเย็น วันนี้บริเวณแถวบ้านมีตลาดนัด เราจึงออกไปชมและซื้อของกันเมื่อเกือบ ๑๑ น. รอบนอกและริมถนนมีร้านขายเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้

 

ตลาดนัดส่วนริมถนน

ภายในอาคารเหมือนตลาดสด มีร้านขายผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ ของทะเล เครื่องเทศ ของที่ขายดูสดมาก หลานชายบอกว่าบางอย่างราคาอาจแพงกว่าตามซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ได้เปรียบตรงที่สดกว่า

 

ตลาดนัดส่วนที่เป็นตลาดสด

เวลาซื้อของต้องเข้าคิวกัน หลานชายบอกว่าส่วนใหญ่ก็มีลูกค้าประจำของร้านใครร้านมัน ทุกอย่างห้ามเลือกเอง ต้องบอกให้เขาหยิบให้ พราวอยากกินหอยที่ใส่เครื่องไว้แล้ว เอามาอบก็กินได้เลย ดิฉันเลือกซื้อเนื้อปลาแซลมอนเพื่อเอามาย่างแบบง่ายๆ เดินดูหลายร้าน เจอที่ร้านหนึ่งมีคนมาซื้อเยอะ มีราคากิโลละ ๑๒ ยูโร เราเห็นมีชิ้นที่หั่นแล้ว ๓ ชิ้นจึงชี้เอาส่วนนี้ ปรากฏว่าที่เราชี้นั้นมีราคาแพงกว่า ถ้าจำไม่ผิดก็กิโลละ ๒๒ ยูโรกว่า พราวช่วยแปลที่พ่อค้าอธิบายให้ว่าดีกว่าอย่างไร

เราจะทำต้มยำกุ้งด้วย มีอยู่ร้านหนึ่งที่มีกุ้งสด (ไม่ใช่กุ้งต้ม) ขาย กิโลละประมาณ ๑๗.๕๐ ยูโร เราซื้อไป ๓ ขีด และซื้อเห็ด champion ไปด้วย ส่วนผลไม้ก็ซื้อ prune สีแดง แตงเมลอน จะซื้อส้มร้านที่มีให้ชิม รสไม่ค่อยหวานจึงยังไม่ได้ซื้อ ไม่มีเวลามากเพราะจะต้องออกไปรับหลานสะใภ้ซึ่งกลับจากเบลเยี่ยมที่สถานีรถไฟ แล้วจะเลยไปเที่ยวประสาทฤดูร้อนกันต่อ

หลานขับรถไปตามถนนเลียบแม่น้ำ Saine มองเห็นเทพีเสรีภาพต้นตำรับของปารีส มีขนาดเล็กกว่าที่นิวยอร์กมาก

 

เทพีเสรีภาพ

กลางวันนี้เรากะไปรับประทานอาหารฝรั่งกัน แต่พอขับรถใกล้เขต ๑๓ ก็เปลี่ยนใจแวะที่ร้านลาว (จำชื่อไม่ได้) กินส้มตำ ลาบเป็ด หมูน้ำตก ไก่ทอด ไส้อั่ว และข้าวเหนียวแทน เจอคนไทยที่มีชื่อเสียงมานั่งรับประทานอยู่ด้วย อยู่เมืองไทยดิฉันไม่เคยรับประทานลาบเป็ดเลย มารับประทานที่ปารีสนี่แหละ

อิ่มกันเรียบร้อยจึงออกเดินทางไปประสาท Fontainebleau ขับรถออกจากปารีสไปประมาณ ๑ ชั่วโมง ทิวทัศน์สองข้างทางมีต้น Colza ออกดอกเหลืองสวยมาก หลานสะใภ้บอกว่าเขาปลูกเอาไปทำน้ำมัน วันต่อมาได้ไปเดินในซูเปอร์มาร์เก๊ต ก็พบว่ามีน้ำมันจากดอก Colza ขาย เข้าใจว่าน่าจะเป็นน้ำมันดีเพราะไม่จับตัวเป็นไข มีทั้งที่เป็นน้ำมัน Colza เพียวๆ และที่ผสมกับอย่างอื่น เช่น น้ำมันจากดอกทานตะวัน

ประสาท Fontainebleau เดิมเป็นพระราชวังฤดูร้อน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ภายในมีห้องสวยงามมากมาย หลายห้องดูเก่ามาก มีบางส่วนที่ดูเหมือนจะได้รับการบูรณะให้ดูดีขึ้นแล้ว การที่จะดูแลได้ดีคงจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากทีเดียว เพราะแต่ละห้องตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม

 

Horseshoe Stair <p style="text-align: left;">เราเดินชมโดยมีหูฟังประจำตัว มีทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และอาจจะมีภาษาอื่นๆ อีกด้วย ก่อนหน้าเรามีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เราได้ยินเขาขอหูฟังภาษาญี่ปุ่น หูฟังใช้ง่ายไม่ต้องสวมหัวและไม่ต้องเสียบที่หู ใช้แนบหูแล้วฟังเสียงได้เลย พราวดูสนใจเรื่องราวของพระราชวัง เขาใช้หูฟังภาษาฝรั่งเศส</p> <p style="text-align: left;"> </p> <p style="text-align: center;"> </p><table border="0"><tbody><tr>

</tr></tbody></table> Francois I Gallery <p style="text-align: center;"> </p><table border="0"><tbody><tr>

</tr></tbody></table> Ballroom

มองออกไปที่สวน แต่เดิมมีรถม้าให้นั่งด้วย แต่วันนี้ไม่มี เราจึงชมกันเฉพาะภายในอาคาร เพื่อไม่ให้ลืมชื่อห้องต่างๆ จึงซื้อหนังสือไว้ ๑ เล่ม ราคา ๗.๕ ยูโร ออกจากพระราชวังเราเข้าร้านอาหารแถวนั้น ดื่มกาแฟ ช็อคโกแลต และรับประทานขนมรองท้องกันนิดหน่อย ก่อนออกเดินทางกลับปารีส

ออกเดินทางกลับประมาณ ๑๘ น.มีฝนตกบางช่วง เรารีบหน่อยเพราะเป็นเย็นวันอาทิตย์ที่รถจะกลับเข้าเมืองกันเยอะทำให้มีรถติด แล้วก็เจอรถติดจริงๆ แต่ไม่มากเหมือนที่เราเจอที่เมืองไทย กลับถึงบ้านพักเลย ๑๙ น.ไปแล้ว

รายการอาหารเย็นวันนี้จึงเปลี่ยนไปตามเวลาที่เรามี ยังมีต้มมะระและไก่ผัดขิงเหลืออยู่ เราจึงทำแต่ปลาแซลมอนย่าง บร็อคคอรี่ลวก ปลาแซลมอนย่างอร่อยมาก พราวรับประทานข้าวถึง ๓ จาน (ประมาณเกือบ ๖ ทัพพี) ตามด้วยเมลอนที่งอมไปหน่อย แต่ก็มีรสหวานดี

วัลลา ตันตโยทัย

 

 

[ร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง]

อ่านสนุกเหมือนกับได้ไปด้วย...ขอบคุณครับ

[ทีมเบาหวานพุทธชินราช พิษณุโลก]

แวะมาเที่ยวกับอาจารย์ ถึงตอนที่ 3 เหมือนได้ตามมาเที่ยวด้วยเลยคะ

[ท้องฟ้า]

ดีใจจังที่ได้ไปเที่ยวปาสกับอาจารย์

[ปลาเค็ม]

• อ่านตอนนี้แล้ว อ่านไป น้ำลายไหลไปด้วยเลยค่ะ อิอิ..แต่ว่าคนไทยมีชื่อเสียงที่เจอนี่ใครเหรอคะ..กระซิบบอกหน่อยได้มั๊ยคะ??
• ขอบพระคุณที่นำมาเล่าให้ฟังค่ะ และจะติดตามตอนต่อไปนะคะ