เนื่องจากรายการกินกันวัน Family Day ประจำวันเสาร์ที่ 12 ตรงกับโอกาสวันสงกรานต์พอดี ป้าเจี๊ยบจึงประกาศล่วงหน้าว่าจะทำ “ข้าวแช่แบบกินไม่อั้น” เลี้ยงค่ะ
ปรากฏว่าปีนี้ ครอบครัวของพ่อจ้อย แม่แอนน์ น้องแพร แพทริค และครอบครัวของพ่อจั่น แม่ปุ๊ น้องมิ้นท์ ซึ่งมีธรรมเนียมพาเด็กไปเล่นสงกรานต์เชียงใหม่ก็ยกเลิก..(เฮ...ป้าเจี๊ยบพยายามซ่อนความดีใจ)
ดังนั้นสมาชิกประจำทั้ง 19 คน จึงขาดไปเพียง 3 คนคือไม้ไผ่ไปหัวหิน และป้าแจงกับลุงหน่อยอยู่ร่วมงานสงกรานต์ที่กลางดง
พอทราบว่าสมาชิกอยู่มากกว่าปีที่แล้ว ป้าเจี๊ยบเลยลงมือทำกับข้าวแช่ตั้งแต่วันศุกร์ เพราะกับข้าวแช่ที่ไม่ต้องทำมีเพียงเนื้อฝอยเท่านั้นที่ซื้อสำเร็จรูป
ใช้เวลาทั้งวันเลยค่ะ เริ่มจากผัดไชโป๊หวานจนใสเป็นมันสวย คว้านพริกหยวกสอดไส้หมูสับปรุงรส แล้วนึ่งไว้ก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยทำตาข่ายไข่ห่มให้พริ้ง ปลาริวกิวก็ได้ป้าอี๊ดช่วยตำจนเป็นปุยเล็กมาผัดหวานเป็นที่เรียบร้อย และสุดท้ายก็คือ กะปิทอด
คราวนี้สร้างสรรค์มากค่ะ เพราะป้าเจี๊ยบไม่ได้ใช้ปลาช่อน ปลาดุก หรือปลาเนื้ออ่อนอย่างที่เคยทำ ป้าเจี๊ยบเปิดกระป๋องทูน่า ไม่ต้องห่วงก้าง พอเจอกระชาย ตะไคร้ หอม ก็ไม่เหลือกลิ่นทูน่าให้ใครรู้เลย เพราะกินเสร็จแล้วป้าเจี๊ยบถึงได้บอกว่ากระปิทอดปีนี้ใส่ปลาทูน่านะจ๊ะ (แม่แก้วผู้ส่งทูน่ามาใส่ไว้ในตู้กับข้าวให้ป้าเจี๊ยบเป็นประจำ รีบบอกว่าหมดสต็อกเมื่อไหร่รีบบอกหนูเลยนะคะ)
เช้าวันเสาร์ สิ่งที่เหลือต้องทำคือ นุ่งตาข่ายไข่ให้กับพริกหยวกสอดไส้ แล้วหุงข้าว สำหรับการหุงข้าวแช่ปีนี้ เป็นปีแรกที่ได้รับคำชมจากพี่สะใภ้ใหญ่ว่าสมบูรณ์แบบ ขัดเป็นมัน กลมสวย นุ่มพอดี พอใส่น้ำดอกมะลิลงไปแล้ว ใสแจ๋ว!...(หวังว่าปีหน้าจะทำได้เหมือนเดิม อิ อิ อิ) จากนั้นก็นำกะปิที่ปั้นเป็นเม็ดกลมๆ ไว้ตั้งแต่เมื่อวานมาชุบแป้งทอด
ของหวานที่ขาดไม่ได้คือ ลอดช่องใบเตยตัวอ้วนเป่ง ซื้อจากเจ้าประจำในตลาด ป้าเจี๊ยบจึงทำแต่น้ำกะทิด้วยน้ำตาลตะโหนดแท้ๆ ที่อาจารย์เอื้อง..เพื่อนที่ทำงานให้มา และกำชับนักกำชับหนาว่า “ห้ามพี่เอาไปทำของคาวเด็ดขาด!” ซึ่งป้าเจี๊ยบปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดค่ะ เพราะทำขนมน้ำกะทิทีไร มีแต่คนชมทุกครั้งว่า กินที่ไหนก็ไม่หอมหวานกลมกล่อมเหมือนกินที่นี่
สมาชิกมาถึงก่อนเที่ยงนิดหน่อย ก่อนกินก็ต้องสรงน้ำพระกันก่อนค่ะ ช่วยกันคนละไม้ละมือลำเลียงพระพุทธรูป และอัฐิของคุณพ่อคุณแม่จากห้องพระ นำออกมาวางที่ระเบียง ทำความสะอาด แล้วก็เริ่มสรงน้ำเรียงลำดับตามอาวุโส
พอจะลงมือกิน ป้าเจี๊ยบก็พบว่ามะม่วงเขียวเสวยชามใหญ่ที่จัดไว้เป็นส่วนหนึ่งของผักแนมเครื่องเคียงหายไป เจอแต่ชามเปล่าๆ อยู่กลางวงเด็กๆ เลยต้องลงมือปอกให้ใหม่ และลูกชิ้นปิ้งที่เตรียมไว้ให้กินเล่น ก็เหลือเพียงนิดหน่อย
กินกันแบบไม่อั้นจริงๆค่ะ เพราะหลังจากอิ่มจนบางคนจุกแล้ว ยังเหลืออีกแยะค่ะ กินต่อไปได้อีกจนถึงมื้อเย็น (ซึ่งป้าเจี๊ยบแอบเตรียมแกงเขียวหวานเนื้อหม้อใหญ่กับขนมจีนไว้ให้แล้วด้วย ทำไว้เมื่อเย็นวาน)
ได้ยินหลายเสียงบอกว่า... ไม่คิดซื้อข้าวแช่ที่ไหนกินอีกแล้ว เพราะอิ่มไปตลอดปีเลย ฮ่าๆๆๆ
มารับความอบอุ่นจากครอบครัวพี่ป้าเจ๊ยบด้วยคนค่ะ มีตำราน่ารักๆออกมาอีกหรือยังคะ จะได้ตามไปหามาเก็บและป่าวประกาศต่อค่ะ ปลื้มพี่ป้าเจี๊ยบมากๆค่ะ
ข้าวแช่นี่ชอบค่ะ ทานแต่ที่ร้านสงวนศรี ร้านอื่นก็งั้นๆ แพอมาอ่านของป้าเจี๊ยบแล้ว สงสัยไม่มีใครสู้เรื่องความอร่อยค่ะ สุดยอดจริงๆเลย เรื่องอาหารเนี่ย...
อย่างนี้นี่เอง
มิน่าเยลลี่ของผมจึงเหลวเป๋วไม่เป็นท่า แถมแกะจากพิมพ์ (รูปปลา เต่า และหอย) ไม่ออกอีกต่างหาก
พรุ่งนี้ต้องลองทำใหม่ตามสูตรของอาจารย์ (โชคดีที่วันหยุดยังเหลืออีก 1 วัน)
ขอบคุณครับ
สวัสดีปีใหม่ไทย(ย้อนหลัง)ค่ะ ^^
เมื่อวาน ฟังป้าเจี๊ยบบรรยายเรื่องการผลิตสื่อฯ สนุกสนานและได้ความรู้มาก ๆ เลยค่ะ เลยแวะมาเยี่ยมที่ blog สงสัยต้องมาเป็นแฟนประจำแล้วค่ะ
ทำ blog ไว้เหมือนกัน แต่อยู่ที่ bloggang ค่ะ ไม่ได้ทำเพื่อใช้ในการเรียนการสอนนะคะ แต่เป็นบันทึกของครอบครัวค่ะ ป้าเจี๊ยบแวะไปเยี่ยมบ้างนะคะ
อยากทานแกงเขียวหวานกับขนมจีนฝีมือป้าเจี๊ยบจังค่ะ